3 ข้อดี 4 ข้อแย่ของ บัตรเครดิต ที่ถ้าใช้ไม่เป็นอ่ะซวยนะ!
บัตรเครดิตถือเป็นเครื่องมือทางการเงินที่มัดใจเหล่าพนักงานบริษัทได้อยู่หมัด เพราะเป็นการใช้จ่ายที่สะดวกสบาย รวดเร็วทันใจ และที่สำคัญยังพ่วงมากับโปรโมชั่นการลด แลก แจก แถมกันแบบสุด ๆ อีก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ใคร ๆ ต่างก็หันมาใช้บัตรเครดิตกัน แต่ช้าก่อน! เมื่อคิดจะใช้อะไร ก็ต้องใช้ให้เป็นนะคะ อย่ามัวแต่ลุ่มหลงกับโปรโมชั่น จนรูดบัตรกันเพลินล่ะ วันนี้เราควรจะมาเรียนรู้เพิ่มกันอีกสักหน่อยดีกว่าว่า บัตรเครดิตนั้นให้คุณและให้โทษแก่เราอย่างไรบ้าง เริ่มจากข้อดีกันก่อนเลยละกันค่ะ
ข้อดี
1.ประหยัดมากกว่าการชำระเงินรูปแบบอื่น
โดยปกติยอดจ่ายทุก ๆ 25 บาทจะเท่ากับ 1 คะแนน โดยคะแนนในการชำระด้วยบัตรเครดิตสามารถแลกเป็นของรางวัล, บัตรกำนัลและส่วนลดจากร้านค้าต่าง ๆ ได้ทันที หรือบัตรเครดิตบางรายจะมีการกำหนดจำนวนครั้งของการใช้บัตรเพิ่มด้วยเพื่อคืนเงินให้แก่ลูกค้า หรือที่เรียกกันว่า การให้เงินคืน หรือ cash back นั่นเอง ยิ่งไปกว่านั้น การอยากได้ของแพง ๆ สักชิ้นนั้นก็ต้องคิดหนักกันหน่อย เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครจะมีเงินก้อนโตพร้อมซื้อของอยู่เสมอ ดังนั้นการใช้บัตรเครดิตเพื่อซื้อของชิ้นโตราคาแพงจึงเป็นทางเลือกที่ง่ายและดีที่สุด นั่นก็เพราะว่าเราสามารถเป็นเจ้าของได้เลยทันที โดยไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินก้อนโตทีเดียวแต่จะเป็นการค่อย ๆ ผ่อนชำระสินค้า ในอัตราดอกเบี้ย 0 %
2.คุ้มกว่าเมื่อใช้เที่ยวต่างประเทศ
ขอแนะนำก่อนเลยว่าต้องเลือกใช้บัตรที่ไม่คิดค่าธรรมเนียมการใช้ในต่างประเทศเพื่อความคุ้มค่า โดยเมื่อเราใช้บัตรเครดิตในการเที่ยวต่างประเทศ เราจะได้รับสิทธิอันแสนจะพิเศษ คือ ได้ใช้ห้องพักวีไอพีที่สนามบิน ได้ประกันการเดินทางฟรี และได้รับส่วนลดค่าห้องพักจากโรงแรมในเครือ เป็นต้น นอกจากนี้ยังอาจจะนำคะแนนสะสมไปแลกเป็นตั๋วเครื่องบินสำหรับทริปต่อไปได้อีกด้วย สำหรับการใช้บัตรรูดซื้อสินค้าหรือบริการในประเทศที่ไม่ได้ใช้สกุลเงินยูเอสดอลล่าร์ ให้ใช้บัตรเครดิตจ่ายด้วยสกุลเงินท้องถิ่นของประเทศนั้น ๆ เท่านั้น ไม่ควรจ่ายด้วยสกุลเงินยูเอสดอลล่าร์โดยเด็ดขาด มิฉะนั้นจะต้องขาดทุนย่อยยับอย่างแน่นอน
3.ลงทุน สร้างกำไร
เงินสดในบัตรเครดิตที่เรายังไม่รู้ว่าจะเอาไปใช้ซื้ออะไรดี สามารถสร้างกำไรให้เราได้ง่าย ๆ ด้วยการโอนเงินเข้าไปฝากที่ธนาคารเพื่อให้ได้ดอกเบี้ยเงินฝาก การทำเช่นนี้นอกจากจะทำให้เราจ่ายคืนบัตรเครดิตได้ทันเวลาแล้ว เรายังได้กำไรจากดอกเบี้ยของเงินที่ฝากธนาคารอีกด้วย ถือเป็นการลงทุนในรูปแบบง่าย ๆ ในระยะสั้น ๆ ได้อีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ยังสามารถนำไปลงทุนในระยะยาวที่กำลังนิยมกันได้อีก เช่น หุ้น, กองทุนรวม และอสังหาริมทรัพย์ ที่มีการเปิดให้ใช้บัตรเครดิตจ่าย, จอง, ทำสัญญา และดาวน์อสังหาฯ แบบยืดหยุ่นได้ โดยจะหักเงินจากบัตรเป็นรายครั้งหรือรายเดือนอัตโนมัติ
ข้อเสีย
1.เมื่อใช้ผ่อนหนี้อื่น ๆ
หากเราไปกู้เงินมาเพื่อซื้อบ้านหรือรถยนต์ แล้วคิดอยากจะจ่ายค่าผ่อนบ้านหรือรถด้วยบัตรเครดิตแล้วละก็ เรากำลังจะสร้างหายนะให้กับตัวเองอยู่นะ นั่นเป็นเพราะว่าเราจะต้องเผชิญกับหนี้สินที่เพิ่มพูนมากขึ้นอย่างน่าตกใจ คือเราจะต้องมาจ่ายค่างวดบ้านหรือรถที่มีดอกเบี้ยรวมอยู่ แถมยังจะต้องจ่ายดอกเบี้ยของบัตรเครดิตอีกด้วยทั้งสองทาง หรือเรียกได้ว่า ดอกซ้อนดอกไปอีก บอกไว้ตรงนี้เลยนะว่า ดอกเบี้ยจากบัตรเครดิตนั้นสูงน่าดูเลยละ อย่าให้หนี้สินของเราต้องมีดอกเบี้ยอันเบ่งบานไปมากกว่าเลยจะดีกว่านะ
2.เมื่อจ่ายบิลบัตรเครดิตแค่ขั้นต่ำทุก ๆ เดือน
รู้หรือไม่ว่ายอดบิลขั้นต่ำส่วนใหญ่แล้วครอบคลุมแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น เงินต้นแทบจะไม่กระดิกเลย เท่ากับว่าเราจ่ายดอกเบี้ยฟรี ๆ ทุกเดือน นี่จะเป็นสาเหตุที่ทำให้เราเป็นหนี้ไม่รู้จักจบ ดังนั้นเมื่อจะซื้อของด้วยบัตรเครดิต เราควรที่จะซื้อเท่าที่เราสามารถจ่ายคืนไหว เราควรที่จะชำระคืนเต็มจำนวนเสมอ เพื่อไม่ให้ดอกเบี้ยเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ และยังสามารถลดจำนวนเงินต้นลงได้อีกด้วย
3.เมื่อนำบัตรเครดิตมากดเงินสด
ค่าธรรมเนียมในการกดเงินสดอยู่ที่ 3% บวก VAT เข้าไปอีก 7% เป็นส่วนที่ต้องเสียทันทีเมื่อกดเงินสดออกมาจากตู้เอทีเอ็ม โดยจะมีอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 28% ต่อปี ซึ่งอัตราดอกเบี้ยจะคิดเป็นรายวัน ถือว่าเสี่ยงต่อการเป็นหนี้ก้อนยักษ์แบบไม่ได้ตั้งตัว บางคนอาจจะคิดว่า กดเงินออกมาใช้คืนนี้แล้วพรุ่งนี้เช้าก็ไปจ่ายคืน แต่รู้ไหมว่าเราจะต้องเสียดอกเบี้ยเป็นจำนวน 2 วันพร้อมกับค่าธรรมเนียมและ VAT อยู่ดี ทางที่ดีใช้บัตรเครดิตรูดซื้อสินค้าเพียงอย่างเดียวจะดีที่สุด
4.เมื่อใช้เพลินเกินห้ามใจ
วงเงินในบัตรเครดิตคือเป็นเงินที่ธนาคารให้เรายืม ไม่ใช่เงินที่เรามีจริงอยู่ในบัญชีเงินฝาก หากรูดใช้โดยไม่สนใจว่าเงินเหลือในบัตรมากน้อยเพียงใดหรือไม่รู้จักยับยั้งช่างใจในการใช้จ่าย ก็ต้องเตรียมตัวโดนเงินดอกเบี้ยจำนวนมหาศาลหล่นทับได้เลย ทางออกที่ดีที่สุดที่จะทำให้เรารอดพ้นจากการจ่ายเกินวงเงิน ก็คือ พยายามใช้ให้ไม่เกิน 70% ของวงเงินในบัตร เช่น วงเงิน 50,000 บาท ให้โทรแจ้งทางธนาคารเลยว่าขอจำกัดวงเงินให้เหลืออยู่ในบัตรเพียง 30% เราก็จะใช้ได้ 35,000 บาท ส่วนอีก 15,000 บาทก็เหลือเอาไว้เพื่อป้องกันการใช้เงินเกินตัว เพราะหากเราใช้เงินเกินอยู่บ่อย ๆ ก็จะยิ่งทำให้เราเสียคะแนนเครดิตจนไม่สามารถทำเรื่องกู้เงินอื่น ๆ ในอนาคตได้
บัตรเครดิตจะสร้างประโยชน์หรือโทษนั้นก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้บัตร เมื่อตัดสินใจใช้แล้วก็ควรที่จะเรียนรู้วิธีการใช้ให้รอบคอบและใช้อย่างมีสติ เพื่อไม่ให้เกิดหนี้สินรุงรัง แน่นอนว่าเรื่องของเงิน ๆ ทอง ๆ นั้นจำเป็นที่จะต้องวางแผนอย่างระมัดระวัง อีกทั้งยังต้องมีวินัยในการใช้สอยอย่างเคร่งครัด จึงจะทำให้เราได้รับคุณประโยชน์อย่างเต็มที่
ผู้เขียน: ประชันดาว ศรีภักดี : ttps://ipricethailand.com/เทรนด/
ทีมกองบรรณาธิการ กลุ่มนักเขียนผู้มีประสบการณ์ด้านรถยนต์ การเงิน และประกันภัย ของ แรบบิท แคร์ ที่เปิดดำเนินการมาแล้วมากกว่า 10 ปี