อยากรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ต้องทำอย่างไร
จ่ายเงินขั้นต่ำทุกเดือนแบบนี้ ยอดหนี้ของบัตรเครดิตที่คั่งค้างอยู่ อาจกลายเป็นปัญหากระทบกับค่าใช้จ่ายต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้ ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่ เผลอๆ อาจกลายเป็นหนี้ก้อนโตไม่มีที่สิ้นสุด แบบนี้จะทำยังไงดีนะ? ต้องขอ สินเชื่อส่วนบุคคลมาจ่ายโปะหนี้รึเปล่า? แล้วการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตคืออะไร ต้องทำอย่างไรบ้าง มาดูกันเลยดีกว่า!
อยากรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ต้องทำอย่างไร
รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตคืออะไร เหมือนรีไฟแนนซ์ไหม ?
การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต คือ การขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินเดิม หรือสถาบันการเงินใหม่ นอกจากจะได้ดอกเบี้ยต่ำกว่าดอกเบี้ยจากหนี้สินก้อนเดิมแล้ว ยังสามารถนำเงินมาจ่ายหนี้บัตรเครดิตเดิมทั้งหมดได้ วิธีการนี้ เรียกได้ว่าเป็นการปรับโครงสร้างหนี้สินใหม่ทั้งหมด
การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต นอกจากจะเป็นการรวมหนี้สินจากบัตรต่างๆ มาไว้ที่เดียว ทำให้ง่ายต่อการจ่ายหนี้สินแล้ว ยังช่วยลดภาระทางการเงิน และภาระจ่ายหนี้ต่อเดือน ด้วยดอกเบี้ยที่ถูกลง เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ง่ายมากขึ้น
นอกจากนี้ เรายังสามารถยืดเวลาจ่ายหนี้ มีโอกาสได้ผ่อนจ่ายหนี้น้อยลงเกือบครึ่ง (จากแต่เดิมขั้นต่ำแต่ละบัตร 10% ต่อบัตร แต่เมื่อรวมแล้วเฉลี่ยขั้นต่ำจ่ายราวๆ 3 % – 5% เท่านั้น) และจ่ายขั้นต่ำในอัตราที่ต่ำกว่าบัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสด
แต่ถึงแม้ดอกเบี้ยจะถูกลง สามารถผ่อนจ่ายได้ง่ายมากการจ่ายหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำ แต่ระยะเวลาที่ผ่อนยาวนานมากขึ้น ทำให้เมื่อนับยอดหนี้ทั้งหมดแล้ว อาจจะเป็นจำนวนเงินที่มากกว่าตอนแรก
และถ้าคุณไม่สามารถจัดการ บริหารเงินทองไม่ดี การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต อาจกลายเป็นช่องทางเพิ่มหนี้ได้ โดยที่คุณไม่ทันตั้งตัว เช่น ถ้ากู้สินเชื่อรวมหนี้ไว้ก้อนเดียว แต่ยังใช้พฤติกรรมใช้จ่ายแบบเดิม ก็จะเป็นการเพิ่มหนี้ มากกว่าแบ่งเบาภาระจ่ายหนี้
จะเกิดขึ้นบ้าง ถ้าไม่จ่ายหนี้บัตรเครดิต ?
หลายคนอาจอยากจะคิดลองดู แต่เราขอกระซิบบอกเลยว่า อย่าดีกว่า เพราะทันทีที่เราหยุดจ่ายหนี้บัตรเครดิต สิ่งแรกที่จะพบคือ ธนาคาร หรือสถาบันการเงิน จะทำการทวงบิลทันที ซึ่งการทวงเหล่านี้ ก็จะนับเป็นอีกหนึ่งค่าใช้จ่ายที่ลูกหนี้ต้องจ่ายคืนด้วย
และเมื่อไม่จ่ายหนี้บัตรเครดิต ติดต่อกันนานถึง 3 เดือน ประวัติการชำระหนี้ของเราจะกลายเป็นสถานะหนี้เสีย และถูกบันทึกในเครดิตบูโร ทำให้ไม่สามารถกู้และทำธุรกรรมสินเชื่อสถาบันการเงินอื่นได้ ซึ่งการทำแบบนี้ จะทำให้รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต หรือรีไฟแนนซ์หนี้สินอื่นๆ ได้ยากขึ้น
เมื่อเราไม่สามารถรีไฟแนนซ์หนี้เสียได้ และไม่สามารถหาเงินมาจ่ายคืนได้ทัน ในที่สุด ทางธนาคาร หรือสถาบันการเงินก็จะทำเรื่องฟ้อง และส่งหมายศาลมาที่บ้าน โดยคดีค้างชำระหนี้บัตรเครดิตจะถือว่าเป็นคดีแพ่ง ไม่ว่าคุณจะมียอดหนี้เท่าไหร่ก็สามารถฟ้องได้
และถ้าหากเรายังเพิกเฉย ไม่สนใจ ไม่ไปศาล หรือไปประนอมหนี้แล้วยังไม่จ่ายอีก ฝ่ายเจ้าหนี้ก็อาจทำเรื่องขอยึดทรัพย์สิน หรืออายัดเงินเดือนของเราแทน
เมื่อรู้ตัวว่าเริ่มจ่ายไม่ไหวแล้ว อย่าหนีหนี้ ไม่จ่ายหนี้บัตรเครดิต แต่ทางที่ดีให้เข้ามาคุยกับทางธนาคาร หรือเริ่มต้นรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตตั้งแต่เนิ่นๆ จะดีกว่านะ!
เริ่มต้นยังไง ถ้าอยากรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต
- เช็กยอดหนี้หนี้บัตรเครดิตที่มีทั้งหมด
ทบทวนยอดหนี้สินทั้งหมดให้ดี เพราะนอกจากจะต้องใช้ในการขอสินเชื่อมาใช้รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตแล้ว ยังช่วยให้คุณวางแผนได้ ว่าจะต้องขอสินเชื่อแบบไหน เช่น ถ้าเป็นหนี้สินไม่มาก การขอแค่สินเชื่อส่วนบุคคล ก็เพียงพอแล้ว หรือหากคุณมีหนี้สินอื่นๆด้วย หรือมียอดหนี้บัตรเครดิตหลายใบ อาจจะใช้สินเชื่อ ที่มีทรัพย์สินเป็นหลักค้ำประกันก็ได้
นอกจากนี้ เราควรตั้งวงเงินสินเชื่อเผื่อให้มากกว่าหนี้สินที่มีอยู่ เนื่องจากบางครั้งสถาบันการเงินอาจพิจารณาให้สินเชื่อไม่เต็มจำนวน
ทั้งนี้ ในกรณีที่ไม่สามารถขอวงเงินขอสินเชื่อให้ครอบคลุม โปะหนี้บัตรเครดิตได้หมด คุณอาจจะเลือกวิธี นำเงินที่ได้ ไปจ่ายหนี้บัตรเครดิตเจ้าที่มีดอกเบี้ยแพงที่สุดก่อน ก็ได้เช่นกัน
- เปรียบเทียบให้ดี
เมื่อรู้ยอดหนี้สินที่แน่นอนแล้ว คุณก็สามารถเลือกสินเชื่อที่เหมาะสมกับตัวเองได้ จากนั้น ให้ลองพิจารณาเลือกสินเชื่อที่ให้โปรโมชั่นที่คุ้มค่า และเหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด
เช่น บางแห่งให้ดอกเบี้ยที่ถูก แต่ใช้เงินเป็นจำนวนมากในการผ่อนแต่ละเดือน อาจจะส่งผลต่อค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน คุณอาจจะเลือกอีกสินเชื่อ ที่แม้ดอกเบี้ยจะแพงกว่า แต่ยืดหยุนได้มากกว่า ทั้ง จำนวนที่ใช้ผ่อนต่อเดือน หรือระยะเวลาที่ใช้ในการผ่อน อาจจะเหมาะกว่าก็ได้นะ
- เช็กเอกสารที่ต้องใช้ทั้งหมด
สถาบันการเงินแต่ละที่ นอกจากเอกสารที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนตัว เอกสารที่เกี่ยวข้องกับทางการเงินแล้ว อาจจะมีการขอเอกสารอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อเพิ่มความมั่นใจว่า เราจะสามารถเป็นลูกหนี้ที่ดี สามารถจ่ายเงินที่ยืมมาได้ และที่สำคัญ ควรมีประวัติการเงินที่ดี ก็จะช่วยให้การขอรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น และธนาคารบางแห่งยังมีโปรโมชั่นดีๆ ยื่นข้อเสนอดีๆ ให้อีกด้วย
- เลือกประเภทสินเชื่อส่วนบุคคล
การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต สามารถทำได้หลากหลายสินเชื่อ ซึ่งคุณอาจจะเลือกสินเชื่อเหล่านี้ให้เหมาะกับวงเงินหนี้บัตรเครดิตที่เรามีอยู่ เช่น
สินเชื่อส่วนบุคคล เหมาะสำหรับคนมีหนี้บัตรเครดิตที่ไม่มาก สามารถขอได้โดยไม่ต้องพึ่งคนค้ำประกัน บางธนาคาร หรือสถาบันการเงิน จะมีสินเชื่อพิเศษ ที่ให้วงเงินสูง เพื่อใช้รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตโดยเฉพาะ
สินเชื่อบ้าน / รถ แลกเงิน เหมาะสำหรับคนที่เป็นหนี้บัตรเครดิตหลายเจ้า หรือเป้นหนี้ก้อนโต ไม่สามารถใช้เงินจากสินเชื่อส่วนบุคคลโปะหมดได้ การนำทรัพย์สินมาค้ำประกัน จะช่วยเพิ่มยอดวงเงินที่ขอกู้ยืม มารีไฟแนนว์บัตรเครดิตได้
ทริคแนะนำ : ไม่แนะนำให้ใช้บัตรกดเงินสด กดเงินเพื่อจ่ายเงินค่าบัตรเครดิต เพราะดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดจะคิดเป็นรายวัน หาหมุนเงินมาจ่ายไม่ทัน อาจจะกลายเป็นการเพิ่มหนี้ก้อนโตได้
- ปรึกษา และวางแผนการชำระหนี้
ถึงแม้จะเลือกสินเชื่อได้แล้ว แต่ยอดสินเชื่อบางอย่าง ก็ไม่สามารถใช้รีไฟแนนซ์ทั้งหมดได้อยู่ดี ในกรณีแบบนี้แนะนำให้ ลูกหนี้เข้าไปปรึกษาร่วมกันกับสถาบันการเงินโดยตรง เพราะบางสถาบันการเงิน อาจจะเสนอสินเชื่อพิเศษ ดอกเบี้ยพิเศษ ต่างๆ ที่ช่วยให้คุณรีไฟแนนซ์ได้ทันที!
ปัญหาการรีไฟแนนซ์เสียแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้คุณปลดหนี้บัตรเครดิตได้ง่ายมากกว่าการรอให้ตัวเองติดเครดิตบูโร และปล่อยให้เจ้าหนี้ฟ้องถึงขั้นต้องขึ้นศาล แน่นอนว่าทุกวันนี้ ธนาคารหลายแห่งต่างมีโปรโมชั่นที่น่าสนใจมากมายที่ช่วยให้คุณรีไฟแนนซ์ได้ง่ายดาย สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
คลิกเลย กับ สินเชื่อส่วนบุคคล จาก Rabbit Care สมัครง่าย อนุมัติไว ไม่เพียงแต่ใช้รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ยังสามารถนำไปใช้จ่ายอื่นๆ ได้อีก ไม่ว่าจะเป็น ค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลฉุกเฉิน, ค่าซ่อมแซมบ้าน รีโนเวทห้อง หรือแม้แต่ใช้หมุนเวียน ต่อยอดธุรกิจก็สามารถทำได้นะ!
นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct