สิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อคุณไม่ต่อ พ.ร.บ. รถยนต์
สำหรับรถยนต์แล้ว การที่จะขับขี่รถยนต์ไปยังจุดหมายปลายทางต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องนั้น ก็จะต้องเป็นรถยนต์ที่ทำ พ.ร.บ. รถยนต์ เอาไว้เรียบร้อยแล้วเท่านั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นรถยนต์ที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน แค่ขับออกมาเพราะเหตุจำเป็น หรือเหตุใด ๆ ก็ตาม หากเป็นรถยนต์ที่ยังใช้งานได้อยู่ ก็จำเป็นที่จะต้องต่ออายุ พ.ร.บ. เอาไว้ตลอด เพื่อให้มีตัวช่วยรองรับความเสี่ยงขั้นพื้นฐาน ในกรณีที่รถยนต์เกิดอุบัติเหตุนั่นเอง
รู้จักกับ พ.ร.บ. รถยนต์
พ.ร.บ. คือ ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ เป็นกฏหมายบังคับให้รถทุกคันต้องทำประกัน พ.ร.บ. เพื่อรับความคุ้มครองในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินจากอุบัติเหตุทางท้องถนน พ.ศ. 2535 ที่กฎหมายกำหนดให้ยานพาหนะทางบกทุกประเภท ที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก ต้องทำประกันภัยประเภทนี้ เพื่อให้ความคุ้มครองกับตัวบุคคลที่ได้รับผลจากอุบัติเหตุ
โดยขอบเขตความคุ้มครองของ พ.ร.บ. รถยนต์นั้นจะให้ความคุ้มครองต่อตัวคู่กรณีและผู้เอาประกันเมื่อเกิดอุบัติเหตุในรูปแบบของเงินชดเชยและค่ารักษาพยาบาลตามที่กฎหมายกำหนด
สิ่งที่จะเกิดขึ้นหากคุณไม่ต่อ พ.ร.บ. รถยนต์
ระยะเวลาความคุ้มครองของ พ.ร.บ. รถยนต์มีอายุ 1 ปี หากหมดอายุควรต่ออายุเพื่อให้ได้รับความคุ้มครองต่อ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรเรียกตรวจ จะต้องแสดงหลักฐาน พ.ร.บ. ถ้าไม่มีหลักฐานหรือตรวจพบว่าขาดการต่ออายุ พ.ร.บ. จะมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท และสิ่งสำคัญคือเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นก็จะไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ. รถยนต์นี้อีกด้วย นอกจากนี้ สิ่งที่คุณจะไม่สามารถทำได้หากไม่ต่ออายุ พ.ร.บ. รถยนต์ ก็คือ
- ไม่สามารถยื่นต่อภาษีรถยนต์ หรือต่อทะเบียนรถยนต์ได้
- เมื่อต่อภาษีไม่ได้ แล้วปล่อยไว้เป็นระยะเวลาเกิน 3 ปี ทะเบียนรถจะถูกระงับ
- เจ้าของรถจะต้องเสียค่าปรับสำหรับการชำระภาษีรถยนต์ย้อนหลังเดือนละ 1%
แนะนำวิธีต่อ พ.ร.บ. รถยนต์ แบบออนไลน์
สำหรับใครที่ไม่มีเวลาว่างไปต่อ พ.ร.บ. รถยนต์ ขอแนะนำให้ดำเนินการผ่านช่องทางออนไลน์ ที่ทำได้ง่าย ๆ สะดวกรวดเร็ว โดยปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้ได้เลย
เข้าเว็บไซต์ กรอกรายละเอียด
เข้าไปที่เว็บไซต์ https://eservice.dlt.go.th เพื่อลงทะเบียนขอรับรหัสผ่าน หากเป็นสมาชิกใหม่ต้องสัมครสมาชิกก่อน โดยการกรอกที่อยู่ปัจจุบันและที่อยู่ในการจัดส่งเอกสารให้เรียบร้อย ตรวจสอบข้อมูลเรียบร้อยแล้วกดบันทึกได้เลย
เข้าสู่ระบบเพื่อทำรายการ
เมื่อทำการลงทะเบียนสมาชิกเรียบร้อยแล้ว ขั้นต่อมาคือ Log-in เข้าสู่ระบบ ให้เลือกมาที่ช่องบริการ และกดที่ยื่นชำระภาษีรถยนต์ประจำปี ที่เมนู “ยื่นชำระภาษีรถยนต์ประจำปี” ระบบจะให้คุณกรอกรายละเอียดเกี่ยวกับรถ เพื่อลงทะเบียนรถที่ต้องการยื่นชำระภาษี และกรอกรายละเอียดเกี่ยวกับหลักฐานการเอาประกัน ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 (กรณี พ.ร.บ. ที่มีความคุ้มครองมากกว่า 3 เดือน) หรือสามารถซื้อ พ.ร.บ. ได้จากในระบบ
เลือกช่องทางการชำระเงิน
เมื่อดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายคือการชำระเงิน โดยสามารถเลือกได้ 1 ช่องทาง จากหลายช่องทางต่อไปนี้
- ชำระเงินโดยหักจากบัญชีเงินฝาก (ต้องมีบัญชีเงินฝากและเป็นสมาชิกใช้บริการโอนเงินผ่านระบบ Internet Banking
- ชำระเงินโดยการตัดยอดเงินผ่านบัตรเครดิต/บัตรเดบิต (เป็นผู้ถือบัตรเครดิต/บัตรเดบิต ที่มีสัญลักษณ์ VISA , Master Card) โดยธนาคารกรุงศรีอยุธยาและธนาคารกรุงเทพ เป็นผู้ให้บริการรับตัดบัตร
- ชำระเงินโดยพิมพ์ใบแจ้งชำระภาษีรถแล้วนำไปชำระเงิน ณ เคาน์เตอร์ ตู้ ATM หรือผ่านทาง Application ของธนาคาร/สถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ
- กรณีชำระเงินยังไม่สำเร็จ/ยังไม่ได้ชำระเงิน สามารถเปลี่ยนช่องทางการชำระเงิน ได้ที่เมนู “ตรวจสอบผลการชำระภาษี/เปลี่ยนช่องทางชำระเงิน”
- สามารถตรวจสอบสถานะการดำเนินการยื่นชำระภาษี สถานะการจัดส่งเอกสาร หมายเลข EMS เลขกรมธรรม์ หรือปัญหาจากการยื่นชำระ ได้ที่เมนู “ตรวจสอบผลการชำระภาษี/เปลี่ยนช่องทางชำระเงิน” นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบสถานะการชำระเงิน โดยคลิกที่ ปุ่มเครื่องหมายพิมพ์ จะแสดงรายละเอียดการชำระเงินเป็นราย Reference
- กรมการขนส่งทางบก จะจัดส่งใบเสร็จรับเงินเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี และสมุดกรมธรรม์ พ.ร.บ. รถยนต์ ให้กับคุณทางไปรษณีย์ตามที่อยู่จัดส่งเอกสารที่กรอกเอาไว้ในเว็บไซต์ หรือเจ้าของรถสามารถนำใบคู่มือจดทะเบียนรถไปปรับบันทึกรายการชำระภาษีได้ ณ สำนักงานขนส่งจังหวัด/สาขา ทั่วประเทศ
- อยากซื้อรถยนต์ อัปเดตรถยนต์ใหม่ ราคาดี และซื้อขายสะดวกสบาย ที่ one2car.com
- สนับสนุนบทความดี ๆ โดย Autospinn อย่าลืมติดตามเรื่องรถใหม่-รถมือสองก่อนใครที่นี่
- อย่าลืม ประกันภัยรถยนต์ ข้อเสนอพิเศษ บริการดี ๆ จาก Rabbit Care
Thirakan Thongseenual เป็นนักเขียนที่มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี ที่ RabbitCare และ Asia Direct โดยมีความชำนาญในประกันรถยนต์ เน้นเขียนบทความที่เผยแพร่บน Blog และมีความเชี่ยวชาญด้าน SEO กว่า 4 ปี ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอได้ใช้ในการสร้างความรู้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของ RabbitCare อย่างมีประสิทธิภาพ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ปริญญาตรี สาขา Information Technology