เลือกซื้อแอร์อย่างไรให้เหมาะกับห้อง
ถึงแม้ปีนี้จะไม่มีเทศกาลสงกรานต์ให้สาดน้ำดับร้อนกัน แต่เราสามารถเลือกที่จะอยู่บ้าน เปิดแอร์เย็นๆ ฉ่ำๆ ให้หนำใจได้ แต่จะซื้อแอร์ทั้งที ต้องดูหลายๆ อย่าง เช่น ขนาดห้อง ประเภทแอร์ เป็นต้น จะมีอะไรที่ต้องพิจารณาก่อนซื้อแอร์บ้าง Bangkok Citismart จะพาไปดูกันครับ
เลือกซื้อแอร์อย่างไรให้เหมาะกับห้อง
-
เลือกขนาด BTU ที่เหมาะกับขนาดห้อง
BTU คือขนาดทำความเย็นของแอร์เรานั่นเองครับ ซึ่ง 1 ตันความเย็น จะเท่ากับ 12000 BTU ต่อชั่วโมง การเลือกแอร์จึงต้องดูขนาดห้องกับขนาดของแอร์ให้พอดีกัน เพราะหากเลือกแอร์ที่มี BTU สูง จะทำให้คอมเพรสเซอร์ตัดบ่อย เนื่องจากทำความเย็นได้รวดเร็ว หรือหาก BTU ต่ำจนเกินไป จะทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนัก จึงทำให้เปลืองไฟและแอร์เสียง่ายครับ
คำนวณขนาด BTU ใช้สูตรการคำนวณง่ายๆ คือ ความยาว (เมตร) x ความกว้าง (เมตร) x 800 จะได้ขนาด BTU ที่เหมาะสมสำหรับห้องของคุณ
-
ประหยัดพลังงาน
ควรเลือกแอร์ที่ได้รับฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 โดยฉลากไฟเบอร์ 5 นั้นเป็นระดับที่ประหยัดไฟมากที่สุด ปัจจุบัน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ออกฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบใหม่ ที่เรียกกันว่า เบอร์ 5 ติดดาว โดยแบ่งเกณฑ์ประสิทธิภาพเป็น 4 ระดับได้แก่ เบอร์ 5 / เบอร์ 5 1 ดาว / เบอร์ 5 2 ดาว / เบอร์ 5 3 ดาว โดยจำนวนดาวยิ่งมาก ยิ่งประหยัดไฟครับ
นอกจากนี้ ควรพิจารณาแอร์ที่มีค่า EER หรือ SEER สูง โดยค่า EER คือ ค่าประสิทธิภาพแอร์ในการใช้พลังงาน วัดจากความสามารถในการทำความเย็น (BTU/h) ต่อกำลังไฟที่ใช้ไป (W) ยิ่งแอร์มีค่า EER สูงก็ยิ่งกินไฟน้อย รวมถึงค่า SEER หรือค่าประสิทธิภาพการใช้พลังงานตามอากาศภายนอก ซึ่งใช้วัดกับแอร์ระบบอินเวอร์เตอร์ (Inverter) โดยถ้าค่า SEER สูง ก็ยิ่งกินไฟน้อยเช่นกันครับ
-
เลือกตามประเภทการใช้งาน
แอร์มีอยู่ 2 ประเภท ได้แก่ แอร์ติดผนัง และแอร์แบบตั้งพื้น โดยข้อดีของแอร์ติดผนังคือมีขนาดกระทัดรัด เหมาะกับห้องที่มีพื้นที่จำกัด เสียงเงียบ แต่ไม่เหมาะเปิดเป็นเวลานานเพราะแอร์จะทำงานหนักจนเกินไป ส่วนข้อดีของแอร์แบบตั้งพื้น หรือแอร์แบบแขวน เป็นแอร์ที่ให้พลังงานสูง เหมาะสำหรับห้องทุกขนาด แต่เนื่องจากให้พลังงานสูง จะทำให้กินไฟค่อนข้างมาก ดังนั้น ทางที่ดีควรเลือกประเภทแอร์ตามประเภทการใช้งานนะครับ
-
เปรียบเทียบคุณสมบัติของแอร์
แอร์แต่ละประเภทต่างก็มีคุณสมบัติด้านเทคโนโลยีที่เหมือนหรือแตกต่างกันออกไป อาทิ เทคโนโลยีการฟอกอากาศ, เทคโนโลยีควบคุมความเย็นอัตโนมัติ เป็นต้น
-
การบริการหลังการขาย
นอกจากการติดตั้งที่ทางร้านต้องมาติดตั้งแอร์ให้กับเราแล้ว การบริการหลังการขายก็เป็นอย่างหนึ่งที่เราต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากทางแบรนด์ หากเป็นแบรนด์ใหญ่ และมีการรับประกันหลังการขายด้วย ก็จะมีอะไหล่และช่างเพียงพอต่อการบริการครับ
เพราะแอร์หนึ่งตัวราคาไม่ใช่ถูกๆ ดังนั้น จะซื้อแอร์ทั้งที ต้องพิจารณาหลายอย่างเลยนะครับ เพื่อให้แอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และอยู่กับเราได้นานนั่นเองครับ
ที่มา
ทีมกองบรรณาธิการ กลุ่มนักเขียนผู้มีประสบการณ์ด้านรถยนต์ การเงิน และประกันภัย ของ แรบบิท แคร์ ที่เปิดดำเนินการมาแล้วมากกว่า 10 ปี