Swift code คืออะไร ? ทำไมจะโอนเงินต่างประเทศยังต้องใช้อยู่ ?
ทุกคนที่ต้องโอนเงินต่างประเทศ อาจเป็นการซื้อของ ทำธุรกิจ โอนเงินให้เพื่อน ติดต่อเรื่องเรียนต่อ หรืออื่น ๆ สิ่งที่คุณจะต้องเจอคือการขอ Swift Code ตามช่วงเวลา และข้อกำหนดที่จำกัด ทำให้ธุรกรรมมีความยุ่งยากมากขึ้น ฉะนั้น แรบบิท แคร์ อยากมาเป็นตัวช่วยทุกเรื่องการเงินของคุณ ขออธิบาย สร้างความเข้าใจเรื่อง Swift Code และการโอนเงินไปต่างประเทศ ให้เข้าใจง่ายขึ้น เปิดช่องทางติดต่อตลาดนานาชาติไร้พรมแดน
Swift Code คืออะไร ?
Swift Code คือรหัสที่ใช่สำหรับการโอนเงินต่างประเทศ โดยชื่อเต็ม ๆ มาจาก Society for Worldwide Interbank Financial Telecommunications (SWIFT) ใช้สำหรับโอนเงินระหว่างธนาคาร สู่ธนาคารเท่านั้น เป็นหลักการโอนเงินข้ามชาติที่มีมาตั้งแต่ปี 1977 และได้ปฎิรูปการทำธุรกิจระหว่างประเทศให้ปลอดภัยและรวดเร็วมากขึ้น จนมาถึงปี 2022 มีสถาบันการเงินในเครือ Swift กว่า 11,000 ทั่วโลก มีการทำธุรกรรม หรือสื่อสารในระบบมากถึง 44.8 ล้านครั้งต่อวัน ฉะนั้นความปลอดภัย จึงเป็นความสำคัญอันดับ 1 ของระบบ Swift Code
สุดท้ายสิ่งที่หลาย ๆ คนจะต้องเข้าใจก็คือระบบ SWIFT ไม่ได้มีบริการจัดการการเงินแต่อย่างใด แต่เป็นระบบตัวกลาง ที่เน้นในการให้บริการแจ้งเตือนการโอนเงินเป็นจำนวนมาก ๆ ข้ามประเทศ
วิธีการอ่าน Swift Code
องค์กรกลางของระบบ SWIFT จะมอบหมายรหัส 8 หรือ 11 หลักมาให้สำหรับทุกธนาคาร หรือสถาบันการเงิน เพื่อให้ใช่สำหรับการโอนเงินข้ามชาติ ซึ่งรหัสนี้เองจะถูกเรียกว่า Swift Code / Swift ID / Bank Identifier Code หรือ BIC / ISO 9362 Code โดยตัวเลยแต่ละลำดับจะบ่งบอกถึงตัวตนของแต่ละสถาบันการเงิน
รหัส 4 ตัวแรก : รหัสธนาคาร สถาบันการเงิน โดยจะเรียกว่า institute code
รหัส 2 ตัวต่อมา : รหัสประเทศ
รหัส 2 ตัวต่อมา : รหัสเมือง
รหัส 3 ตัวสุดท้าย (มี หรือไม่มีก็ได้) : รหัสที่บ่งบอดสาขาของสถาบันการเงิน หรือธนาคารนั้น ๆ
ตัวอย่าง Swift Code
- รหัสธนาคารกรุงเทพ : BKKB – TH – BK
- รหัสธนาคารไทยพาณิชย์ : SICO – TH – BK
- รหัสธนาคารทหารไทยธนชาต : TMBK – TH – BK
- Bank of America : BOFA – US – 3N
- Bank of China : BKCH – CN – BJ
- Bank of India : BKID – IN – BB – XXX
- Deutsche Bank : DEUT – DE – FF – XXX
วิธีการโอนเงินโดยใช้ Swift Code
ลักษณะการโอนผ่าน Swift Code คล้ายกับการโอนเงินไปธนาคารทั่ว ๆ ไป หากแต่จะต้องมีข้อมูลของฝั่งที่คุณจะโอนไปค่อนข้างเยอะ โดยสิ่งที่จะต้องเตรียม มีดังนี้
- ชื่อธนาคารผู้รับโอน ประเทศ ที่อยู่ หรือ routing code*
- ชื่อเต็มผู้รับ ที่อยู่ปัจจุบัน และหมายเลขบัญชี
- รหัส SWIFT Code ของธนาคารนั้น ๆ
- บัตรประจำตัวประชาชน
- ระบุวัตถุประสงค์ในการโอนเงินต่างประเทศให้ชัดเจน และถูกต้อง
- เอกสารอื่น ๆ ที่ธนาคารต้องการ โดยแต่ละธนาคาร อาจมีมาตรฐาน และความเข้มงวดที่แตกต่างกัน ให้ศึกษาให้ดีก่อนไปทำธุรกรรม
*Routing Number มักใช้กับธนาคารของอเมริกา กรณีที่ต้องการโอนเงินไปสหรัฐฯ จึงมักต้องใช้ เป็นตัวเลข 9 หลัก คล้ายกับรหัสไปรษณีย์ แต่มันถูกนำมาใช้กับธนาคาร เพื่อช่วยเพิ่มวิธีการชำระเงินระหว่างธนาคารให้มีหลากหลายช่องทางมากขึ้น
ค่าธรรมเนียมในการโอนเงินต่างประเทศโดยใช้ Swift Code
การโอน Swift Code จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียม ทั้งจากฝั่งของผู้โอน และผู้รับ โดยกรณีของผู้โอนจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมจากธนาคารใน และนอกประเทศด้วย ค่าใช้จ่ายสามารถสูงตั้งแต่ระดับ 400-800 บาท ในด้านของผู้รับ ธนาคารจากฝั่งของผู้รับจะทำการตัดค่าธรรมเนียมออกจากเงินทั้งหมดที่ถูกโอนมา เรตราคาจะขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคาร
ฉะนั้นสิ่งที่จะต้องทำความเข้าใจคือค่าธรรมเนียม Swift Code ทั้ง 2 ส่วนนี้ ใครจะต้องเป็นผู้จ่าย ? หากผู้โอนจะต้องรับผิดชอบทั้งหมด ผู้โอนจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการโอนกับธนาคารโดยตรง และจะต้องจ่ายเงินบวกเข้าไปจากจำนวนการโอนดั้งเดิม เพราะธนาคารผู้รับเงินจะทำการหักค่าธรรมเนียมออกจากยอดโอน ฉะนั้นหากอยากให้ยอดโอนพอดี จะต้องโอนค่าธรรมเนียมรวมเข้าไปด้วย
นอกจากนั้นในกรณีที่ ใช้ Swift Code โอนเงินต่างประเทศไปเป็นสกุลเงินอื่น ๆ จะต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม บางครั้งเป็นเปอร์เซ็นต์ของจำนวนเงินทั้งหมด ฉะนั้นอาจจะง่ายกว่า หากผู้โอนแลกเงินจากสกุลเงินของผู้โอน เพื่อทำให้กลายเป็นสกุลเงินของประเทศผู้รับเงินไว้อยู่แล้ว เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการแปลงเงินนั่นเอง
ใช้ Swift Code ในกรณีไหนได้บ้าง ?
โอนเงินจำนวนที่เยอะ เข้าสู่ธนาคารอีกประเทศหนึ่ง : เมื่อคุณต้องการส่งเงินจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่ง คุณจำเป็นต้องใช้รหัส SWIFT เพื่อระบุธนาคารผู้รับและให้แน่ใจว่าเงินจะถูกส่งไปถึงบัญชีที่ถูกต้อง รหัส SWIFT ของธนาคารผู้รับจะต้องใช้ในการเริ่มกระบวนการโอนเงินต่างประเทศ
ติดต่อโอนเงินเข้าสถาบัน หรือนิติบุคคล : ในกรณีที่ต้องการทำธุรกรรมกับองค์กร บริษัท หรือสถาบันต่าง ๆ จำเป็นที่จะต้องใช้ Swift Code ติดต่อโอนไปให้ฝั่งตรงข้าม เนื่องจากมีหลักฐานการโอนชัดเจน ยกตัวอย่างเช่นการโอนเงินค่าสมัครเรียน หรือค่าเช่าหอ ที่อาจไม่สามารถใช้แอปโอนถึงกันได้ และต้องการหลักฐานที่เป็นรูปธรรม จึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องใช้ระบบ Swift เป็นตัวช่วย
การโอนเงินส่วนบุคคล : หากต้องการส่งเงินให้กับเพื่อนหรือคนในครอบครัวที่อาศัยอยู่ในประเทศอื่น คุณจำเป็นต้องใช้รหัส SWIFT เพื่อระบุธนาคารของผู้รับเงินและให้เงินถูกส่งไปยังบัญชีที่ถูกต้อง
บริการของระบบ SWIFT มีอะไรบ้าง ?
แอพลิเคชั่น : ระบบ SWIFT code มีอยู่ในการแลกเปลี่ยนอื่น ๆ นอกเหนือจากการโอนเงินเข้าออกบัญชีด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความปลอดภัย Forex และ หุ้นอนุพันธ์ (Derivative)
ข้อมูลทางธุรกิจ : ส่วนสำคัญของ SWIFT code ปัจจุบันคือการเป็นระบบแจ้งเตือน ข้อมูลการเงินระหว่างประเทศที่ยิ่งใหญ่ นักธุรกิจหลาย ๆ คนจึงใช้ SWIFT คล้าย ๆ กับ Dashboard ที่รายงานเรื่องการโอนเงิน เทรนด์เงิน การขึ้น ๆ ลง ๆ ของดีลต่าง ๆ ซึ่งสามารถขึ้นแจ้งเตือนแบบ Real-time ได้เลย
ใช้เป็น Software Solution : อย่ามองว่า SWIFT code เป็นธนาคาร หรือเป็นแพลตฟอร์ม แต่ความจริงแล้ว SWIFT ตั้งแต่ไหนแต่ไรเป็นบริษัทนวัตกรรม ที่ออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินมาเพื่อทำใฝห้ทุกธุรกรรมง่ายขึ้น ฉะนั้นจึงมีบริการส่งข้อความ สร้าง Hub ต่าง ๆ ที่ช่วยทำให้เรื่องธุรกรรมสามารถเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น
เครื่องมือทางการเมือง อำนาจ และการปกครอง : อาจเป็นสิ่งที่หลายคนคาดไม่ถึง แต่ปัจจุบันระบบ SWIFT ถูกใช้เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่ดีเยี่ยม ในการคว่ำบาตรทางการค้าสำหรับประเทศ หรือเขตพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง โดยมีเงื่อนงำมาจากการปฎิบัติไม่ถูกต้อง ขัดตามหลักมนุษยธรรม รัฐบาลโลกจึงสามารถสั่งให้ SWIFT ทำการตัดช่องทางการโอนเงินต่างประเทศทั้งขาเข้าและออก ผ่านระบบ Swift Code ซึ่งสำหรับบริษัทใหญ่ ๆ ถือเป็นแรงกดดันมหาศาล
ความท้าทายของ SWIFT
ลูกค้า SWIFT ส่วนใหญ่มีปริมาณการทำธุรกรรมที่มหาศาลที่การป้อนคำสั่งด้วยมือไม่ใช่ทางเลือกที่แสดงความเป็นไปได้ ความต้องการในการอัตโนมัติสร้างข้อความ SWIFT การประมวลผล และการส่งข้อมูลกำลังเพิ่มขึ้น แต่สิ่งนี้มีค่าใช้จ่ายและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นด้วย
แม้ว่า SWIFT code จะมีซอฟต์แวร์สำหรับการอัตโนมัติ แต่สิ่งนี้มาพร้อมกับค่าใช้จ่ายด้วยเช่นกัน SWIFT อาจต้องเข้าไปแก้ไขปัญหาเหล่านี้สำหรับลูกค้าส่วนใหญ่ การมีแนวทางการแก้ไขอัตโนมัติภายในพื้นที่นี้อาจนำรายได้ใหม่สำหรับ SWIFT และทำให้ลูกค้ามีส่วนร่วมต่อไปในระยะยาว
หวังว่าใครอ่านมาถึงจุดนี้ ก็คงจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของ SWIFT Code และการโอนเงินต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งหัวใจสำคัญของ SWIFT Code คือความปลอดภัย ฉะนั้นถึงแม้ว่าจะไม่ได้โอนเงินต่างประเทศ ทุกการจับจ่ายใช้สอยของคุณก็ควรจะเต็มที่เรื่องความปลอดภัย แรบบิท แคร์ จึงอยากแนะนำ รวมบัตรเครดิตจากธนาคาร และสถาบันการเงินชั้นนำ มาให้คุณเลือกซื้อ เลือกใช้ คลิกดูเลย
ทีมกองบรรณาธิการ กลุ่มนักเขียนผู้มีประสบการณ์ด้านรถยนต์ การเงิน และประกันภัย ของ แรบบิท แคร์ ที่เปิดดำเนินการมาแล้วมากกว่า 10 ปี