
บัตรเครดิตเติมน้ำมัน (Fleet Card) คืออะไร ? มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร ?
ปัญหาชวนปวดหัวอย่างการถูกยืมเงินถือเป็นปัญหาที่ไม่ว่าใครก็ไม่อยากเผชิญ ไม่ว่าจะด้วยเพราะสถานการณ์การเงินที่เป็นอยู่ลำพังเอาตัวเองให้รอดก็ลำบาก หรือจะมีเหลืออยู่บ้างแต่ก็อยากจะเก็บไว้ใช้ตอบแทนความเหนื่อยยากที่หลังขดหลังแข็งหามา แล้วหากต้องการปฏิเสธควรจะปฏิเสธอย่างไรไม่ให้เสียน้ำใจและทำลายความสัมพันธ์
วันนี้ แรบบิท แคร์ ได้รวบรวมวิธีการปฏิเสธเมื่อถูกขอยืมเงินมาฝาก พร้อมข้อสังเกตที่ว่าคนแบบไหนที่มักตกเป็นเป้าหมายของการถูกยืมเงินให้ทุกคนได้ลองสังเกตตัวเองกัน จะได้ไหวตัวและปรับเปลี่ยนได้ทัน ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของการถูกขอยืมอีกต่อไป
แน่นอนว่าเมื่อต้องปฏิเสธเวลามีคนมาเล่าความทุกข์ยากและเอ่ยปากยืมเงินนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างกดดันและลำบาก แถมยังกังวลว่าจะทำลายความสัมพันธ์ดี ๆ หรือความสนิทสนมที่เคยมีให้กัน แต่ความจริงแล้วการปฏิเสธเมื่อถูกขอยืมเงินนั้นมีวิธีพูดหลายอย่างที่จะช่วยรักษาความสัมพันธ์ไว้ได้ ดังนี้เลย
เมื่อถูกยืมเงินให้ปฏิเสธไปด้วยเหตุผลว่าช่วงนี้ตัวเราเองก็หมุนเงินไม่ทัน ชักหน้าไม่ถึงหลังอยู่เช่นกันเนื่องจากมีปัญหาการเงินติดขัด หรือค่าใช้จ่ายไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้ในตอนนี้ถึงอยากช่วยเหลือและให้ยืมเงินก็ไม่สามารถหามาให้ยืมได้จริง ๆ
เมื่อถูกยืมเงินให้ปฏิเสธไปว่าตัวเราเองก็มีภาระค่าใช้จ่ายที่รออยู่มากมาย ตอนนี้ลำพังรับภาระค่าใช้จ่ายที่รออยู่ก็เต็มกลืนแล้ว ไม่มีเงินเหลือหรือเงินสำรองจ่ายที่จะสามารถให้ยืมก่อนได้ โดยอาจยกตัววอย่างภาระค่าใช้จ่ายให้ฟังเหมือนเพื่อนชวนเพื่อนคุย เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ฟังแบบดูเป็นธรรมชาติเพื่อป้องกันการถูกตื้อยืมเงินต่อ เช่น เล่าให้ฟังว่าช่วงนี้ลูกเพิ่งเข้าโรงเรียน ค่าใช้จ่ายเยอะมาก หาเงินหัวหมุนตัวเป็นเกลียวเลย แถมบางครั้งยังไม่พอต้องไปรบกวนพ่อตาแม่ยายอีก รับรองว่าเจอแบบนี้เข้าไปไม่กล้าตื้อยืมเงินต่ออย่างแน่นอน
วิธีต่อไปในการปฏิเสธเมื่อถูกยืมเงินก็คือ ปฏิเสธโดยการบอกเหตุผลว่าเราได้นำเงินส่วนที่เหลือจากการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันไปลงทุนหมดแล้ว ยังไม่ได้ทุนคืน ยังไม่เกิดกำไร จึงไม่สามารถให้เงินหรือมีเงินให้ยืมได้เพราะรอบนี้ลงทุนไปหมดหน้าตักรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ระยะยาว
วิธีนี้มีความคล้ายคลึงกับวิธีก่อนหน้า ก็คือให้เหตุผลในการปฏิเสธว่าได้นำเงินที่มีไปฝากไว้ในที่ที่ไม่สามารถถอนออกมาได้ เช่น ในบัญชีธนาคารที่ถอนออกไม่ได้ บัญชีฝากประจำ หรือได้นำเงินที่มีไปซื้อประกัน เช่น ประกันออมทรัพย์ กับ แรบบิท แคร์ ทำให้ไม่มีเงินสำรองมาช่วยเหลือหรือให้ยืมได้นั่นเอง
อีกวิธีที่ดีในการปฏิเสธแบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่นก็คือการบอกผู้ที่มายืมเงินว่าเมื่อไม่นานมานี้เพิ่งจะช่วยเหลือผู้อื่นให้ผู้อื่นยืมเงินไป แล้วในปัจจุบันคน ๆ นั้นก็ยังไม่ได้คืนเงินที่ยืมไปมา ทำให้ตอนนี้เราไม่มีเงินให้ยืมแถมตัวเราเองก็กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากเช่นกัน
นอกจากการปฏิเสธโดยการให้เหตุผลว่าเราไม่สะดวกหรือมีเรื่องติดขัดต่าง ๆ แล้วยังอาจช่วยคิดหรือเสนอทางออกอื่น ๆ ให้กับผู้ที่มายืมเงินเป็นการช่วยเหลือ เช่น แนะนำงานพิเศษให้ทำ แนะนำช่องทางหารายได้พิเศษ แนะนำการกู้สินเชื่อกับ แรบบิท แคร์ เป็นการแสดงความจริงใจว่าแม้เราจะไม่มีเงินให้แต่เราเองนั้นก็พยายามที่จะช่วยเต็มที่เช่นกัน
สำหรับบางคนอาจจะสังเกตเห็นได้ว่าตนเองมักตกเป็นเหยื่อของการยืมเงินหลายครั้ง ซึ่งก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นเพราะอะไร วันนี้ แรบบิท แคร์ จึงได้นำลักษณะของคนที่มักตกเป็นเหยื่อของการถูกยืมเงินมาให้ เผื่อใครกำลังสงสัยจะได้เอาไปสำรวจตัวเอง
คนที่ขี้สงสาร ขี้ใจอ่อนมักตกเป็นเป้าหมายแรก ๆ ในการยืมเงิน โดยผู้ที่มาขอยืมเงินมักจะมีวิธีขอยืมเงินร้อยแปดพันเก้าที่จะเล่าเรื่องราวให้เรารู้สึกสงสารและเห็นใจในความลำบาก โดยเมื่อเราเริ่มรู้สึกมีอารมณ์ร่วมและสงสารก็จะเริ่มปฏิบัติการหว่านล้อมต่าง ๆ เพื่อยืมเงินของเราในทันที
คนประเภทนี้มีความใกล้เคียงกับคนที่ขี้ใจอ่อนและขี้สงสาร นั่นก็คือคนที่ชอบรับฟังและช่วยเหลือผู้อื่น เป็นศาลาบรรเทาทุกข์ให้กับคนรอบข้างเมื่อใครประสบปัญหาก็มักที่จะพร้อมรับฟังและให้ความช่วยเหลือแบบไม่ขาด คนแบบนี้นั้นนอกจากจะโดนนึกถึงเป็นอันดับแรก ๆ เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นแล้วยังถูกมองว่าสามารถยืมเงินได้ง่าย เพียงเข้ามาเนียนปรึกษาปัญหาชีวิตอย่างที่เคยไม่นานก็คงตายใจ และอาจเอ่ยปากให้ยืมเงินแบบไม่ต้องออกปากขอเองเลยนั่นเอง
เวลาที่ใครไหว้วานอะไร หรือใครเอ่ยปากขออะไรก็มักจะปฏิเสธไม่ได้เพราะเป็นคนที่ปฏิเสธคนไม่เป็น คนแบบนี้ก็มักตกเป็นเหยื่อในการยืมเงินอันดับต้น ๆ เพราะผู้ที่มาขอนั้นล้วนมั่นใจว่าหากเอ่ยปากไปแล้วต้องให้แน่ ๆ หรือแม้จะไม่อยากให้ในทีแรกเพียงหว่านล้อมไม่นานก็จะยอมให้แน่นอนเพราะเป็นคนที่ปฏิเสธคนไม่เป็นหรือปฏิเสธคนไม่เก่งนั่นเอง
แม้จะโดนทำให้ลำบากใจก็ไม่เป็นไร ถึงบางทีจะโดนเอาเปรียบก็ได้แต่ปล่อย ๆ ให้เรื่องจบ ช่างมันไปจะได้ไม่ต้องกลายเป็นปัญหาใหญ่ คนที่มีนิสัยเช่นนี้ก็มักตกเป็นเป้าหมายในการยืมเงินเช่นกัน เพราะเมื่อยืมไปแล้วมักจะไม่โดนตามทวงแบบจริง ๆ จัง ๆ หลายครั้งก็ยอมยกหนี้ให้ไปซะเฉย ๆ ไม่เหมือนคนประเภทที่ไม่ยอมคน คนโผงผางที่นอกจากจะตามจิกตามทวงแล้วหลายครั้งยังทำการประจานเมื่อไม่ได้เงินคืนอีกด้วย
เมื่อสุดท้ายแล้วยังไม่สามารถใจแข็งปฏิเสธที่จะไม่ให้ยืมเงินเมื่อมีคนมาขอยืมเงินได้นั้น ก็มีสิ่งที่ต้องระวังและต้องคำนึงก่อนที่จะให้ยืมเงินจำนวนนั้นไป ได้แก่
สิ่งเหล่านี้ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก อย่าเชื่อถือคำสัญญาของใครเพียงแค่ลมปาก เพราะสุดท้ายหากเขาไม่ยอมคืนคนที่เดือดร้อนก็คือตัวเราและครอบครัว
วิธีเหล่านี้คือวิธีที่ดีและละมุนละม่อมที่สามารถใช้ในการปฏิเสธเมื่อถูกยืมเงินได้ ต้องไม่ลืมว่าหากเป็นความสัมพันธ์ที่ดีและจริงใจ เพียงแค่เราปฏิเสธเมื่อเขาร้องขอสิ่งที่เราไม่สะดวกใจก็จะไม่ทำลายความสัมพันธ์อย่างแน่นอน นอกจากนี้สำหรับใครที่มีลักษณะซึ่งมักตกเป็นเป้าหมายของการยืมเงินบ่อย ๆ ก็อย่าลืมฝึกฝนตนเองเพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นเป้าเข้าไว้ เพราะแน่นอนว่าการต้องปฏิเสธบ่อย ๆ นั้นสร้างความลำบากใจ ไม่ถูกขอยืมแต่แรกจึงจะดี
โดยสรุปแล้ว ผู้ที่มักจะถูกขอยืมเงินมักจะลักษณะ เป็นคนขี้สงสาร ขี้ใจอ่อน, ชอบรับฟังและช่วยเหลือผู้อื่น, เป็นคนที่ปฏิเสธคนไม่เป็น, ยอมคนง่าย ไม่โผงผาง ทำให้มักจะถูกขอยืมเงินได้ง่าย ดังนั้นใครที่ไม่อยากตกเป็นเป้าหมายของการถูกยืมเงินบ่อย ๆ จะต้องฝึกฝนตนเองให้เป็นคนใจแข็ง และเด็ดขาด นอกจากนี้การทำสัญญากู้ยืมอย่างเป็นทางการ จริงจัง มากกว่าการให้ยืมเงินด้วยปากเปล่าจะช่วยได้มากขึ้น และช่วยคัดกรองคนที่จะมายืมเงินได้ด้วย
นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct
บทความแคร์การเงิน
บัตรเครดิตเติมน้ำมัน (Fleet Card) คืออะไร ? มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร ?
ผ่อนบอลลูน คือ อะไร มีข้อดีข้อเสียอย่างไร เหมาะสมกับใครมากที่สุด
ไม่มีรถคืนไฟแนนซ์ ต้องเจอปัญหาใหญ่แค่ไหน