Subaru BRZ 6AT Minorchange สปอร์ตโดนใจ ราคาจับต้องได้
Subaru BRZ ชื่อนี้มีเรื่องราว เมื่อพูดถึงรถสปอร์ตคูเป้จากประเทศญี่ปุ่นตอนนี้ ที่หาครอบครองได้ในบ้านเรา คนไทยให้ความสนใจกับรถเพียงไม่กี่รุ่นเท่านั้น ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Subaru BRZ
Subaru BRZ พิถีพิถันสไตล์ญี่ปุ่น
เป้าหมายหลักในการพัฒนา Subaru BRZ คันนี้คือรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลังน้ำหนักเบา ที่ใช้เครื่องยนต์ Boxer บนจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำที่สุดเท่าที่เคยมีการพัฒนามา โดยวิศวกรผู้พัฒนาชาวญี่ปุ่นทุ่มเทการพัฒนารถคันนี้ให้เป็นรถที่ขับขี่ได้อย่างสนุก มีประสิทธิภาพสูง และยังคงไว้ซึ่งความสะดวกสบาย โดยชื่อ Subaru BRZ ย่อมาจาก Boxer Engine – Rear Wheel Drive – Zenith หรือ รถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลังขุมพลัง Boxer ที่ดีที่สุด และเป็นรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ติดตั้งอยู่ในตำแหน่งต่ำที่สุดในท้องตลาด แต่ยังคงทัศนวิสัยการขับขี่ที่ดีตามสไตล์รถสปอร์ตไว้ได้อย่างดีเยี่ยม และเป็นรถที่สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้ แต่มันจะไม่ใช่รถที่แรง อันนี้บอกไว้ก่อน
การพัฒนารถยนต์ที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำที่สุดนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ทีมวิจัยของ Subaru ถึงกับย้อนไปดูรถยนต์ในท้องตลาดกว่า 20 ปีที่ผ่านมาว่ามีจุดใดที่เป็นจุดเด่น มีจุดใดเป็นจุดด้อย และ Subaru ก็จัดการปิดจุดด้อยเหล่านั้นซะด้วยการพัฒนารถขึ้นมาใหม่หมดทั้งคัน โดยมีจุดมุ่งหมายหลักนั้นคือการวางจุดศูนย์ถ่วงของรถให้อยู่ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ และให้อยู่กึ่งกลางที่สุด ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลให้รถมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำมากๆ และมอบประสิทธิภาพการเกาะถนนระดับสูงสุดได้เป็นอย่างดี Subaru BRZ จึงติดตั้งเครื่องยนต์ ชุดเกียร์ และอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการขับเคลื่อนของตัวรถ ไว้บริเวณกึ่งกลางของล้อคู่หน้า เพื่อให้น้ำหนักของรถอยู่ที่กึ่งกลางมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
นอกจากตำแหน่งของเครื่องยนต์และเกียร์ที่ติดตั้งไว้ต่ำแล้ว เบาะนั่งของผู้ขับขี่ก็ถูกออกแบบไว้ให้ต่ำด้วยเช่นกัน โดยเบาะนั่งของรถรุ่นนี้ หากวัดจากเอวของเราถึงพื้นถนน จะห่างกันเพียง 40 เซ็นติเมตรเท่านั้น ซึ่งด้วยการเซ็ตให้ตำแหน่งผู้ขับขี่ต่ำลงนี่เอง ส่งผลให้สามารถลดความสูงของตัวรถลงได้ ทำให้หลังคารถต่ำลงได้อีก ส่งผลเรื่องอากาศพลศาสตร์ ทำให้รถลู่ลมมากขึ้น และทำให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำสุดๆ
และเมื่อเปรียบเทียบขนาดตัว BRZ กับ Subaru Impreza หรือ WRX จะเห็นว่า มันเตี้ยกว่า, สั้นกว่า แต่สูงจากพื้นเท่ากัน สาเหตุเพราะรถคันนี้ถูกออกแบบให้ใช้งานในชีวิตประจำวันได้ ถ้าทำรถเตี้ยเกินไปก็คงไม่เป็นมิตรกับท้องถนนมากนัก จึงเป็นเหตุให้ทำความเตี้ยไว้ที่ระดับนี้ก็เพียงพอ
ในรถยนต์ทั่วๆ ไปโช๊คอัพของตัวรถจะติดตั้งอยู่บริเวณเหนือยางล้อ ทว่าโช๊คอัพของ Subaru BRZ ติดตั้งในตำแหน่งหลังล้อรถเลย ทำให้จุดยึดของมันต่ำลงไป ส่งผลให้ตัวโช๊คอัพ แม้จะมีความสูงเท่าเดิม แต่ก็จะเตี้ยลงกว่าตำแหน่งการติดตั้งโช๊คแบบรถยนต์ทั่วไป ส่งผลให้ออกแบบตัวรถได้ต่ำลงกว่าเดิมเข้าไปอีก จุดนี้ผมยอมใจในทีมวิศวกรเขาเลยว่า เอาทุกเม็ดที่จะทำให้รถเตี้ยจริงๆ ซึ่งการย้ายตำแหน่งติดตั้งโช๊คอัพนี้ ส่งผลให้ต้องลดขนาดตัวสปริงให้เล็กลงกว่าเดิมด้วย จึงจะสามารถติดตั้งในตำแหน่งดังกล่าวได้
Subaru BRZ ภายนอก
ภายนอกของ Subaru BRZ เรียกได้ว่ามีดีไซน์ออกแบบแบนเรียบที่ดีงาม ตามสไตล์รถสปอร์ต 2 ประตู กระโปรงหน้ายาว โดยแพลตฟอร์มของรถคันนี้ใช้ร่วมกับ Toyota 86 โมเดลปัจจุบัน ถ้าหากเห็นรถหน้าตาเหมือนกัน ติดโลโก้ Toyota ก็อย่าแปลกใจไป เพราะเขาแชร์เทคโนโลยีร่วมกัน หากคุณไม่เชื่อ ลองเปิดกระโปรงรถ แล้วดูที่ฝาครอบเครื่องยนต์ดูก็ได้ครับ
ไฟหน้าของรถ เป็นไฟหน้าแบบ LED โปรเจกเตอร์ เปิด/ปิด อัตโนมัติ ที่รวมทั้งไฟสูงและไฟต่ำมาในโคมเดียวกัน ตัดเส้นด้วยไฟหรี่ LED ตัดของโคมไฟให้ดูหรูหรา โดยตัวไฟหน้ามีอุปกรณ์ฉีดน้ำล้างไฟหน้าติดตั้งมาให้ด้วย ส่วนไฟเลี้ยวและไฟตัดหมอกให้มาเป็น LED เช่นกัน
กระจังหน้ารถถูกออกแบบมาอย่างเรียบง่าย มีการทำช่องดักอากาศเอาไว้รับลมเข้าไปยังท่อไอดี รวมถึงระบายความร้อนของหม้อน้ำอยู่ตรงกลาง
ล้อแม็กอัลลอยขนาด 17 นิ้วสีทูโทนปัดเงา รัดยาง 215/45 R17
เมื่อมองจากด้านข้าง จะเห็นเส้นสายของตัวรถที่ถูกออกแบบให้มีความลาดต่ำสุด ๆ เน้นอากาศพลศาสตร์ และความลู่ลมเน้น ๆ แถมดูหล่อ ดูดี ตามสไตล์สปอร์ตคูเป้
หันมองดูบั้นท้ายของตัวรถ โดดเด่นด้วยไฟท้าย LED ลายเส้นสวยงาม พร้อมท่อไอเสียคู่ และยังมีการติดตั้งดิฟิวเซอร์ขนาดใหญ่มาให้แล้วจากโรงงาน
ห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ ขนาดกระทัดรัด ให้ยางอะไหล่มาด้วย 1 เส้น พร้อมอุปกรณ์ถอดล้อครบครัน ซึ่งห้องเก็บสัมภาระนี้ หากเราพับเบาะนั่งหลังภายในห้องโดยสาร จะสามารถวางสัมภาระยาวเข้าไปในรถได้เลย หรือคนในรถจะเอื้อมหยิบของจากห้องสัมภาระ ก็สามารถทำได้ แต่เท่าที่ผมลองแล้วบอกเลยว่า “อย่าหาทำ”
เสาอากาศครีปฉลาม ตามยุคสมัยปัจจุบัน
ระบบล็อก/ปลดล็อกประตูรถง่ายๆ ด้วยระบบสัมผัส กับประตูแบบไร้ขอบกระจก ดูดี มีสกุล และเมื่อก้าวข้ามชายบันไดไป คุณจะพบกับหลุมสำหรับให้คุณนั่งลงไป เพื่อสัมผัสถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับตัวรถ
เปิดเข้ามาภายในห้องโดยสาร ให้ความรู้สึกเหมือนรถแข่งจัดๆ ด้วยความดิบของรถคันนี้ เดี๋ยวเรามาเจาะดูรายละเอียดทีละจุดเลยว่า มีอะไรบ้าง
เบาะนั่งของรถ เป็นเบาะนั่งทรงสปอร์ด ปักโลโก้ BRZ สีแดงสด วัสดุหุ้มเบาะทำด้วยหนักตัดสลับกับผ้ากำมะหยี่ เดินด้ายสีแดง ให้ความรู้สึกนั่งสบาย กระชับสัดส่วน การปรับตำแหน่งเบาะใช้ระบบแมนนวลทั้งหมด
เบาะนั่งโดยสารตอนหลัง….เรียกว่าที่วางของที่ติดเข็มขัดนิรภัยมาให้ล่ะกันครับ หากนั่งจริงผมว่านั่งไม่น่าจะได้ แต่ก็ยังมี ISO Fix เอาไว้ติด Car seat สำหรับพ่อบ้านขาซิ่ง พาลูกเล็กไปสนุกไว้ให้ด้วยนะ
เมื่อพับเบาะหลัง สามารถเข้าถึงห้องเก็บสัมภาระด้านหลังได้
พวงมาลัยไฟฟ้า 3 ก้าน แบบมัลติฟังก์ชั่น หุ้มหนังเดินด้ายแดง ปรับระดับได้ 4 ทิศทาง พร้อมปุ่ม Paddle shift เพิ่ม/ลดเกียร์ด้วยตนเอง ปุ่มบนพวงมาลัย แบ่งออกเป็น 2 โซน ได้แก่โซนฝั่งซ้ายจะใช้ควบคุมเครื่องเสียง ฝั่งขวา ใช้ควบคุมฟังก์ชั่นการทำงานบนหน้าจอดิจิตอลที่เรือนไมล์ของรถ
หน้าจอเรือนไมล์สไตล์สปอร์ต บอกข้อมูลการขับขี่ครบครันด้วยมาตรวัดรอบเครื่องยนต์และมาตรวัดความเร็วแบบเข็ม, ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง, ตำแหน่งเกียร์ และด้านขวาเป็นหน้าจอดิจิตอล ซึ่งสามารถเลื่อนดูเมนูต่างๆ ได้ดังนี้
1. มาตรวัดอุณหภูมิน้ำหล่อเย็น, อุณหภูมิน้ำมันเครื่อง, วัดโวลท์แบตเตอร์รี่
2. กราฟวัดแรงม้า, แรงบิด
3. นาฬิกา จับเวลาต่อรอบ
4. G-Sensor
5. หน้า Setting สามารถตั้งพิกัดรอบเครื่องยนต์ สำหรับเตือนให้เปลี่ยนเกียร์ได้ โดยระบบเตือนให้เปลี่ยนเกียร์จะมีทั้งเสียง และไฟชิพไลท์ ติดบนหน้าปัด
6. วัดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงแบบ Real time และแบบโดยเฉลี่ย
ระบบความบันเทิง เรียกว่าให้ความเรโทรมาแบบสุดๆ ยังคงเป็นวิทยุ CD แบบธรรมดา ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยก 2 โซน ส่วนปุ่มควบคุมด้านใต้ระบบปรับอากาศ จัดว่าออกแบบมาได้ดี ใช้วัสดุสมราคา
และสิ่งที่ต้องขอชมอีกจุดคือคันเกียร์ รูปร่างหน้าตาเหมือนเกียร์แมนวลเป็นอย่างมาก แต่มันคือเกียร์ออโต้ ลักษณะคันเกียร์แบบสั้น ๆ ดูน่ารักดี สามารถชิพมาที่ตำแหน่ง M เพื่อให้เราเล่นเกียร์เอง ผ่าน Paddle shift ได้
เกียร์อันเล็ก แต่คันเบรคมือ ใหญ่ สะใจ จับถนัดมาก สายดริฟถูกใจสิ่งนี้
ถัดมาในส่วนของโหมดอื่น ๆ เพิ่มเติม ได้แก่ปุ่มปิด Traction Control, โหมดขับแบบ Sport, Snow และแบบ Track และด้านล่างสุดคือปุ่มอุ่นเบาะ ซึ่งเมืองร้อนแบบเรา ไม่น่าจะได้ใช้งาน
แป้นคันเร่งและเบรค วัสดุอลูมิเนียมทรงสปอร์ต
ระบบความปลอดภัยใน Subaru BRZ
- Airbag 7 ลูก > 2 คู่หน้า 1 หัวเข่าคนขับ ม่านถุงลม และด้านข้างอีกอย่างละ 2
- ระบบ ABS
- Traction Control
- เฟือง LSD
- แป้นเหยียบนิรภัย
- ระบบเสริมแรงเบรค
- ระบบป้องกันคันเร่งค้าง
- คานนิรภัยเสริมความแข็งแรงบริเวณประตูข้าง
- ระบบควบคุมการทรงตัว
- ระบบยับยั้งการทำงานของเครื่องยนต์
สิ่งอำนวยความสะดวกใน Subaru BRZ
- ระบบเครื่องเสียง (อันคลาสสิก)
- ไฟหน้าแบบอัตโนมัติ
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน
- หน้าจออเนกประสงค์พร้อมข้อมูลประสิทธิภาพของรถ
- พวงมาลัยอเนกประสงค์พร้อมระบบควบคุมความเร็วคงที่
- ไฟเลี้ยวแบบ One Touch
- ระบบ Smart Entry และ Push Start
- พวงมาลัยแบบปรับระดับได้ 4 ทิศทาง
- ช่องเสียบ USB และช่องเสียบเครื่องเล่นเพลงภายนอก
ข้อมูลทางเทคนิค Subaru BRZ 2020
เครื่องยนต์ | ฺรหัส FA20 ประเภท Boxer 4 สูบนอน DOHC 4 วาล์วต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ |
ปริมาตรกระบอกสูบ | 1,998 ซีซี |
ความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก (มม.) | 86 x 86 |
พละกำลังสูงสุด | 200 แรงม้า ที่ 7,000 รอบ/นาที |
แรงบิดสูงสุด | 205 นิวตันเมตร ที่ 6,400 – 6600 รอบ/นาที |
เกียร์ | อัตโนมัติ 6 สปีด |
ระบบขับเคลื่อน | 2 ล้อหลัง |
ตัวถัง | Subaru Global Platform |
ระบบกันสะเทือนหน้า / หลัง | แมคเฟอร์สันสตรัท / ปีกนกคู่ |
ระบบเบรคหน้า/หลัง | ดิสเบรค พร้อมครีบระบายความร้อน |
ขนาดยางล้อ | 215 / 45 R17 |
มิติรถ
ขนาด ยาว x กว้าง x สูง (มม.) | 4,240 x 1,775 x 1,320 |
ระยะฐานล้อ | 2,570 มม. |
ระยะต่ำสุดจากพื้น | 120 มม. |
น้ำหนักรถเปล่า | 1,264 กก. |
น้ำมันเชื้อเพลิง | 50 ลิตร |
การขับขี่ Subaru BRZ
สำหรับการทดสอบขับขี่ Subaru BRZ ผมมีโอกาสทดสอบทั้งการขับในเมือง การขับทางไกล และการขับขี่บนทางด่วน ฟิลลิ่งที่สัมผัสได้คือรถมีความกระฉับกระเฉงสูงมาก พวงมาลัยมีความคม เฉียบขาด หักเลี้ยว หรือซอกแซกได้อย่างแม่นยำ และมั่นใจ จัดเป็นรถที่มีพวงมาลัยดีมากๆ อีกรุ่นหนึ่ง
ทัศนวิสัยการมองเห็น แม้ดูเหมือนจะอึดอัด แต่ไม่เลย ด้วยการที่กระจกค่อนข้างลาดมาก และบานใหญ่ ทำให้ความรู้สึกเวลานั่งอยู่ในรถไม่ได้อึดอัดมากจนเกินไป การมองตามมุมมองขับขี่ปกติให้ความรู้สึกที่มองได้ง่าย แต่อาจจะต้องปรับตัวระดับหนึ่งหากท่านไม่ได้ขับรถสปอร์ตมาก่อนเลย
เบาะนั่งของรถ โอบรัด กระชับสัดส่วนผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี เนื้อเบาะมีความแน่นปานกลาง ไม่ถึงกับแข็ง แต่ก็ไม่ได้นุ่มซะทีเดียวเชียว เรียกว่ากำลังดี แต่ถ้านั่งนานเกิน 2-3 ชั่วโมง มีปวดหลังบ้างเล็กน้อย และอีกจุดที่สัมผัสได้คือรู้สึกขาด้านซ้ายจะเบียดอยู่กับคอนโซลกลางระดับหนึ่ง และสัมผัสความร้อนจากตัวเครื่องยนต์ได้เล็กน้อย แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย เพราะความสนุกที่เราได้รับจากรถคันนี้ มันทำให้สิ่งรบกวนเหล่านั้น กลายเป็นเรื่องเล็กน้อย
ช่วงล่างของตัวรถ ถูกออกแบบมาให้ขับขี่ได้ทุกวัน มันเป็นความรู้สึกแน่น มั่นใจว่ารถเกาะถนนอยู่ มีอาการกระด้างหน่อยๆ แต่ก็ไม่ได้แข็งซะจนขับทุกวันไม่ไหว ฟีลลิ่งเวลาเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงจะสัมผัสได้ถึงงานออกแบบของตัวรถที่ต้องการจุดศูนย์ถ่วงต่ำสุดๆ เพราะรถแทบจะไม่เหวี่ยงเราเลยแม้แต่น้อย อารมคล้ายๆ ขี่รถ Go Kart ยังไงอย่างงั้น อันนี้ชอบมากๆ
ถัดมา กับนิสัยของเครื่องยนต์ Boxer รหัส FA20 บอกตรงๆ ว่าเป็นเครื่องยนต์ที่ขับสนุก มีเสียงเครื่องยนต์อันไพเราะ แต่มันไม่ได้แรงเอาซะเลย เสียงเครื่องดังกระหึ่มประดุจว่าท่านกำลังพุ่งทะยานด้วยความเร็ว 140 กม./ชม. แต่หันไปมองเรือนไมล์..อ้าว 90 นี่หว่า แต่นี่ก็ถือว่าใช้ได้เหมือนกัน เพราะลำพังสภาพการจราจรแบบเมืองไทย จะไปหาที่ซัดความเร็วสูงๆ ใบสั่งได้มาเยือนบ้านเป็นว่าเล่น เอาเป็นว่าได้ฟิลลิ่งรถสปอร์ตมาเต็ม บนความเร็วถูกกฎหมาย มันก็ดูน่าสนใจใช่ไหมล่ะ?
แต่…ถ้าท่านคิดว่า มันไม่แรงพอ Subaru BRZ เป็นรถอีกรุ่นหนึ่งที่มีของแต่งแทบจะทุกชิ้นส่วนของรถแล้ว โดยเฉพาะ Turbo kit เนี้ย เรียกว่าจะเป็นออปชั่นพื้นฐานของแต่งสำหรับขาซิ่งไปซะแล้ว
ข้อติสำหรับรถคันนี้ เห็นจะเป็นออปชั่นพื้นๆ ที่รถทั่วไปเขาใส่กันมาก็ควรน่าจะให้มาเป็นน้ำจิ้มๆ หน่อย อย่างเซ็นเซอร์รอบคัน/ กล้องถอยจอด อันนี้ก็น่าจะดูดีขึ้นอีกสักนิดนึง
นอกเหนือจากนี้คิดว่า ด้วยราคา กับสิ่งที่ได้มาบนรถคันนี้บอกเลยว่า มันจะเป็นรถอีกหนึ่งรุ่นที่จะกลายเป็นตำนาน เพราะข่าวคราวล่าสุด (อัพเดท 25 กรกฎาคม 2563) ทาง Subaru ประเทศญี่ปุ่น จะเริ่มยุติการผลิตเจ้ารถรุ่นนี้แล้ว และรถป้ายแดงในไทยตอนนี้ คาดว่าเหลือรอเจ้าของใหม่อยู่เพียงหลักสิบคันนิดๆ เท่านั้น หากจับจองกันหลังจากนี้ เห็นทีหารถป้ายแดงคงจะยาก และรถมือสองราคาก็จะแข็งอย่างแน่นอน
สรุป Subaru BRZ จะเป็นตำนาน
โดยสรุปแล้ว สำหรับ Subaru BRZ จัดว่าเป็นรถสปอร์ตคูเป้อีกรุ่นหนึ่งที่จะกลายเป็นตำนานแห่งวงการยานยนต์ ด้วยรูปลักษณ์ที่หล่อเหลา เทคโนโลยีการสร้างตัวรถที่เรียกได้ว่าใส่ใจในทุกรายละเอียด แม้ออปชั่นจะไม่ได้โดดเด่นเกินใคร
แต่ด้วยความที่ตีตรา Made in Japan ด้วยความลิมิเต็ดของรถคันนี้ จะเป็นรถอีกรุ่นหนึ่งที่ควรค่าแก่การครอบครอง ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่ที่มีทักษะไม่เยอะ หรือช่ำชองการขับขี่ ก็จะสนุกไปกับการขับรถคันนี้อย่างแน่นอน ด้วยราคา รุ่นเกียร์ 6MT ที่ 2.2 ล้านบาท และเกียร์ 6AT ที่ 2.3 ล้านบาท ท่านใดสนใจให้รีบติดต่อเพื่อจับจองได้ที่ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Subaru ทั่วประเทศ กระซิบว่าตอนนี้เหลือรถป้ายแดงในไทยแค่ไม่กี่คันเท่านั้น รีบเลย!
อัปเดตรถยนต์ใหม่ ราคาดี๊ดี พร้อมโปรโมชั่นใหม่ ๆ คลิก one2car.com และ เช็คประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 จาก Rabbit Care
สนับสนุนบทความดี ๆ โดย Autospinn และติดตามเรื่องรถใหม่ก่อนใคร
ทีมกองบรรณาธิการ กลุ่มนักเขียนผู้มีประสบการณ์ด้านรถยนต์ การเงิน และประกันภัย ของ แรบบิท แคร์ ที่เปิดดำเนินการมาแล้วมากกว่า 10 ปี