เปิดสเปครถยนต์ปลอดภัย จัดถุงลมนิรภัยครบทุกตำแหน่ง
เมื่อคิดจะเลือกซื้อรถยนต์สักคัน นอกจากจะเลือกรถที่ตรงตามการใช้งาน สี หรือสเปคเครื่องยนต์ที่เราอยากได้แล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามนั้นคือ ถุงลมนิรภัยของรถคันนั้น ควรจัดให้มีแบบเต็มทุกตำแหน่ง เพื่อเป็นการเซฟความปลอดภัยให้แก่คนขับ และผู้ร่วมเดินทางไปกับเราด้วย ซึ่งวันนี้ Rabbit Care ได้รวบรวมรถยนต์ที่ให้มั่นใจได้ว่า ให้ถุงลมนิรภัยมาครบทุกตำแหน่งที่นั่ง ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์เสริมที่สำคัญที่เจ้าของรถต้องพิจารณาเลือกด้วยเช่นกัน
5 รถยนต์จัดถุงลมนิรภัยแบบครบทุกตำแหน่ง
1.New Mercedes-Benz S-Class 2021
Mercedes-Benz S-Class รถยนต์หรูผู้บุกเบิกในด้านความปลอดภัยที่นอกจากจะเสริมบุคลิกภาพของคนขับให้ดูดีแล้ว ยังให้ความสะดวกสบายในการขับขี่อีกด้วย ซึ่งล่าสุด รุ่นใหม่นี้ มาพร้อมกับถุงลมนิรภัยสำหรับผู้โดยสารตอนหลังที่ถือว่าเป็นรุ่นแรกของโลก โดยเป็นการออกแบบมาเพื่อปกป้องผู้โดยสารในกรณีที่เกิดการชนจากด้านหน้า โดยตัวถุงลมจะมีลักษณะเป็นรูปตัว U ซึ่งสามารถโอบรับส่วนลำตัวและส่วนหัวของผู้โดยสารได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด นอกจากนี้ ถุงลมนิรภัยจะสามารถปรับให้เข้ากับที่นั่งสำหรับเด็กได้ และจะทำงานร่วมกับเข็มขัดนิรภัยแบบพองลมเพื่อกำหนดมาตรฐานใหม่ในด้านความปลอดภัยสำหรับผู้โดยสารเบาะหลัง สนนราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 95,000 เหรียญสหรัฐฯ
2.ISUZU MU-X THE ONYX
เป็นรถอเนกประสงค์พีพีวี-เอสยูวี ที่ล่าสุดได้มีการปรับ MU-X จัดลุคใหม่ เสริมไลน์อัพ Isuzu D-MAX Stealth เพิ่มทางเลือกครอบคลุมทั้งรุ่น 4 ประตู และ 2 ประตู เครื่องยนต์ 1.9 และ 3.0 DDi Blue Power ระบบความปลอดภัย BOS (Brake Override System) รวมถึงการปรับโฉมสู่ลุคใหม่ โปรแกรมบำรุงรักษารถตามระยะ Isuzu Service Inclusive หรือ ISI และระบบลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก รวมถึงแอร์แบ็กหรือถุงลมนิรภัยที่ให้ความปลอดภัยแบบจัดเต็มถึง 6 ใบ ในตำแหน่งคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมด้านข้าง พร้อมระบบความบันเทิงพร้อม Built-in Navigator และ Digital TV Tuner สนนราคาเริ่มต้น Isuzu MU-X 1.9 ONYX 6AT 2WD ที่ 1,364,000 บาท และ Isuzu MU-X 3.0 ONYX 6AT 2WD ที่ราคา 1,409,000 บาท
3.Mitsubishi Pajero Sport
อีกหนึ่งสุดยอดรถยนต์อเนกประสงค์พีพีวี ที่เพียบพร้อมไปด้วยระบบความปลอดภัยอย่างครบครันไม่ว่าจะเป็น ถุงลมนิรภัย SRS 7 ตำแหน่ง รอบคันรถ ที่ระบบจะเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ระบบช่วยเบรก ABS กันล้อล็อก, EBD กระจายแรงเบรก, BA เสริมแรงเบรก ระบบลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก ระบบช่วยการทรงตัวและรถลื่นไถล ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย ด้วยระบบล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อรถมีความเร็วเกิน 15 กม./ชม. แอร์อัตโนมัติแยกปรับอุณหภูมิซ้าย-ขวา กล้องมองรอบคันถ่ายทอดภาพ 360 องศา แบบเบิร์ดอายวิว กล้องมองหลังถอยจอดพร้อมเส้นกะระยะ ระบบหน่วงการเปิด-ปิดกระจกหลังดับเครื่อง เบรกมือด้วยไฟฟ้า ทางด้าน – Hill Descent Control ระบบรักษาเสถียรภาพขณะลากจูง และไฟกะพริบฉุกเฉินเมื่อเบรกกะทันหัน ESS ราคาเริ่มต้น 1.5 ล้านบาท
4.Honda City
เป็นรถยนต์ซับคอมแพค ระดับพรีเมี่ยมด้วยความปลอดภัยให้มาเต็มทั้งระบบถุงลม 6 ตำแหน่ง ถุงลมคู่หน้า Dual SRS ถุงลมด้านข้างคู่หน้าอัจฉริยะ i-Side Airbags และม่านถุงลมด้านข้าง Side Curtain Airbags ระบบควบคุมการทรงตัว VSA ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน HSA และสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน ESS ในทุกรุ่น กล้องส่องภาพด้านหลัง ปรับมุมมองได้ 3 ระดับ ด้วยเครื่องยนต์ i-VTEC 1.5 ลิตร 117 แรงม้า ขณะที่อุปกรณ์ที่ Honda City ได้อำนวยความสะดวกไว้ให้มีทั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย Bluetooth
5.TOYOTA COROLLA ALTIS
ได้ทำการปรับโฉมใหม่ด้วยการยกระดับความโดดเด่น ทันสมัย ด้านดีไซน์ ทั้งภายนอกและภายใน เพิ่มเติมฟังก์ชันการใช้งานของอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่าง ๆ และความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นถุงลมเสริมความปลอดภัย 7 ตำแหน่งทุกรุ่น เพื่อทำการปกป้องทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ด้วยถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง ม่านด้านข้าง หัวเข่าด้านคนขับ และด้านข้างเบาะหลัง รวมถึงระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC (Hill-star Assist Control) ป้องกันรถไหลขณะออกตัวบนทางลาดชัน ขณะที่กระจกมองข้างพร้อมระบบ Auto Reverse Link สามารถปรับตั้งค่าองศาได้ โดยจะปรับระดับอัตโนมัติเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลังทางเลือกของสมรรถนะความแรง และยังประหยัดยิ่งกว่าด้วยการรองรับ E85 อย่างเต็มสมรรถนะทุกรุ่น สนนราคารุ่น 1.6 J M/T อยู่ที่ 799,000 บาท , 1.6 G CVT อยู่ที่ 869,000 บาท , 1.6 E CNG CVT อยู่ที่ 969,000 บาท , 1.8 E CVT อยู่ที่ 874,000 บาท , 1.8 ESport CVT อยู่ที่ 939,000 บาท และ 1.8 ESport Option CVT 979,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ไม่วาจะเราจะเลือกรถยนต์ที่คอยเซฟความปลอดภัยให้แก่เราในขณะขับขี่รถยนต์บนท้องถนนแล้ว แต่การทำประกันรถยนต์ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยจะเพิ่มความมั่นใจให้แก่เจ้าเของรถได้ เพราะทุกการขับขี่ไปไหนก็ตามล้วนแล้วต้องเจอกับอุบัติที่เกิดขึ้่นได้ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็ตาม หรือแม้แต่กระทั่งเราที่เป็นคนขับที่คอยระมัดระวังอยู่เสมอ แต่ก็จะมีรถยนต์ที่ประมาทอาจมาเฉี่ยวชนได้
สนใจทำประกันรถยนต์ได้ที่ Rabbit Care
มีประสบการณ์สร้างสรรค์ผลงานออนไลน์ 10 ปี เขียนด้านเงิน การลงทุน บทความวิเคราะห์สถานการณ์การเงินในประเทศ และฝากผลงานไว้ที่ Rabbit Care ถึง 4 ปี