พาแฟน ๆ ตามส่องราคา Eco Car ในงาน Motor Expo 2019
รถยนต์อีโคคาร์ยังได้รับความนิยมจากนักขับขี่ทั่วบ้านทั่วเมือง ทำให้แต่ละค่ายออกแบบโมเดลใหม่ ๆ หวังเจาะตลาดให้ได้ เนื่องจากเป็นรถที่มีขนาดพอเหมาะ ราคากำลังดี ที่สำคัญยังช่วยประหยัดพลังงานอีกด้วย และขับขี่ง่ายทั้งในเมืองและเดินทางต่างจังหวัด
วันนี้ autospinn เลยอาสาพาสาวกรถยนต์อีโคคาร์ไปตามส่องราคาเปิดตัวรุ่นใหม่ ๆ ในงาน Motor Expo 2019 บอกเลยว่าใจสั่น ๆ อยากจับจองเหลือเกิน
ตามส่องราคารถยนต์อีโคคาร์
TOYOTA YARIS
งานนี้เปิดตัวทั้ง TOYOTA YARIS “รุ่นปรับปรุงใหม่” พร้อมชุดเเต่งพิเศษ ”YARIS CROSS” และ TOYOTA ATIV “รุ่นปรับปรุงใหม่” พร้อมชุดเเต่งพิเศษ “ATIV GT”
YARIS เป็นอีโคคาร์แฮทช์แบ็คยอดนิยม “รุ่นปรับปรุงใหม่” และ ATIV รถยนต์อีโคคาร์ซีดาน “รุ่นปรับปรุงใหม่” ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ใหม่ 1.2 ลิตร Dual VVT-iE พร้อมเทคโนโลยีวาล์วแปรผัน ผสานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i และฟังก์ชัน S Mode เพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ ให้ความรู้สึกคล่องแคล่ว ปราดเปรียว มีอัตราเร่งที่ดีขึ้น มั่นใจในทุกการเร่งแซง และขับสนุกมากยิ่งขึ้น
พร้อมประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมถึง 23.3 กม./ลิตร ลดการปล่อยไอเสียและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และผ่านการรับรองมาตรฐานมลพิษ EURO 5 พร้อมด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานเหนือรถระดับเดียวกัน การันตีด้วยการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาว จากอาเซียน เอ็นแคป (ASEAN NCAP)* ให้ความคุ้มค่าในทุกมิติ
YARIS ราคา 539,000 – 649,000 บาท
ATIV ราคา 529,000 – 649,000 บาท
ชุดแต่งพิเศษ YARIS CROSS ถือเป็นครั้งแรกกับรถสไตล์ CROSSOVER ในกลุ่มอีโคคาร์ ด้วยดีไซน์ที่แตกต่าง ด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่งรอบคัน โดดเด่น ด้วยหลังคาเคลือบฟิล์มดำ MATT BLACK ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 16 นิ้ว พร้อมคิ้วซุ้มล้อและสัญลักษณ์ Cross ด้านท้ายรถ นอกจากนี้ ยังได้รับการปรับแต่งชุดสปริง และโช้คยกสูง 30 มม. ตอบรับการขับขี่สไตล์สปอร์ตเหนือใคร
ราคาพิเศษสำหรับชุดอุปกรณ์ตกแต่ง YARIS CROSS ราคา 35,000 บาท
สามารถติดตั้งได้กับ YARIS รุ่น High และรุ่น Mid (สินค้ามีจำนวนจำกัด)
Honda City
Honda City มาพร้อมดีไซน์ภายนอกและภายในที่ยกระดับภาพลักษณ์ความสปอร์ตยิ่งขึ้น สะกดทุกสายตาด้วยเส้นสายที่เฉียบคม โดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED กระจังหน้าแบบโครเมียม เสาอากาศแบบครีบฉลาม และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 15 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารมอบความกว้างขวางจนเกินคลาสในทุกมิติ หรูหราเหนือระดับด้วยโทนสีดำ พร้อมตอบสนองทุกการขับขี่ด้วยฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียมที่ครบครัน อาทิ มาตรวัดเรืองแสงพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay
ท้าทายข้อจำกัดทุกการขับขี่ด้วยขุมพลังเทอร์โบใหม่ เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO ที่ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 – 4,500 รอบต่อนาที ให้สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือกว่าเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร และแรงบิดเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร อีกทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานไอเสียยูโร 5 (EURO 5) เพิ่มความมั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัย และฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT)
พิเศษเป็นครั้งแรกกับรุ่น RS ที่เปลี่ยนมุมมองรถซิตี้คาร์ให้สปอร์ตหรูหรามากกว่าที่เคย ด้วยชุดแต่งสไตล์สปอร์ตแบบ RS รอบคัน ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 16 นิ้ว เบาะหนังกลับดีไซน์ใหม่ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ พร้อมมาตรวัดเรืองแสงสีแดง และดึงดูดทุกสายตาด้วยสีภายนอกใหม่ สีแดงอิกไนต์ (Ignite Red) เฉพาะรุ่น RS โดยมีให้เลือก 4 รุ่น ได้แก่
- รุ่น RS ราคา 739,000 บาท
- รุ่น SV ราคา 665,000 บาท
- รุ่น V ราคา 609,000 บาท
- รุ่น S ราคา 579,500 บาท
All New Mazda2
All New Mazda2 มีการปรับเปลี่ยนใหม่ เริ่มจากการออกแบบภายนอก ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น และไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED Signature (Daytime Running Lamp) กันชนหน้า กันชนท้าย กระจังหน้า โคมไฟหน้า รวมไปถึงโคมไฟท้าย (สำหรับรุ่นแฮทช์แบค) ขอบของกระจังหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ได้รับการขยายอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อให้ความรู้สึกที่กว้างขึ้น
ในขณะที่ลวดลายของกระจังหน้าช่วยสร้างรูปลักษณ์ของการเคลื่อนไหวที่มั่นคง โคมไฟหน้ามีรูปลักษณ์ที่คล้ายกับว่าถูกรวมเข้ากับตัวถังของรถ ช่วยเน้นให้เกิดความประทับใจเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ ที่มีสีมันวาว ซึ่งช่วยเสริมความรู้สึกถึงความมีคุณภาพของล้อให้มากยิ่งขึ้น
การปรับปรุงในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มระดับความเงียบ ช่วยให้สามารถสนทนาได้อย่างเป็นธรรมชาติในทุกที่นั่ง การเพิ่มความหนาของเพดานหลังคา เพิ่มขอบซีลยางที่ประตูด้านหลัง (รุ่นแฮทช์แบค) และวัสดุดูดซับแรงสั่นสะเทือนที่ด้านในของซุ้มล้อหลัง เพื่อปรับปรุงสมรรถนะในการดูดซับและการป้องกันเสียงรบกวน
• มาพร้อมกับระบบความคุมการขับขี่อัจฉริยะ G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) ซึ่งทำให้รถมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น ขณะที่เข้าโค้ง
• การออกแบบภายในให้มีความหรูหรา เหนือระดับ และสนุกสนานในแบบฉบับรถยนต์ที่มีขนาดกะทัดรัด และด้วยสีใหม่
• ระบบเชื่อมต่อการสื่อสารแบบไร้ขีดจำกัดกับ Mazda Connect มาพร้อมระบบ Apple CarPlay
ราคาจำหน่าย 546,000 – 799,000 บาท
Nissan Almera
นิสสัน อัลเมร่า ใหม่ เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร เทอร์โบ รหัส HRA0 ของ นิสสัน อัลเมร่า ใหม่ ให้กำลังมากสูงสุด 100 พีเอส (Ps) และแรงบิดถึง 152 นิวตันเมตร (Nm) มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสูงสุดถึง 23.3 กม. ต่อลิตร* มีอัตราเร่งความเร็วสูงจากแรงบิดแบบต่อเนื่อง (Flat Torque) สมรรถนะของอัลเมร่า ใหม่ จึงโดดเด่นในรถยนต์กลุ่มซิตี้คาร์ และเป็นรถยนต์อีโคคาร์เฟส 2
ภายใต้การออกแบบใหม่ ดีไซน์ให้มิติภายนอกปราดเปรียวขึ้น กว้าง และยาวขึ้น ภายใต้ปรัชญาในการสร้างสรรค์รถยนต์ของนิสสัน แบบ “รูปทรงเรขาคณิตที่สื่อถึงอารมณ์ หรือ Emotional Geometry” นิสสัน อัลเมร่า ใหม่ มีองค์ประกอบที่โดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์ เช่น กระจังหน้าแบบ V-Motion ไฟหน้าและไฟท้ายทรงบูมเมอแรง แนวเสาหลังคาหลังที่ถูกยกขึ้น (kick-up C-pillars) และ หลังคาแบบลอยตัว (floating roof)
ภายในของ นิสสัน อัลเมร่า ใหม่ ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด เพื่อรองรับแผงหน้าปัดแบบใหม่ หน้าจออินโฟเทนเมนต์ พวงมาลัยและที่นั่งผู้โดยสาร และภายในห้องโดยสารถูกออกแบบอย่างมีสไตล์ ใช้วัสดุคุณภาพสูงที่เน้นความประณีตในการประกอบ พร้อมด้วยพื้นที่ว่างเหนือศีรษะ และพื้นที่วางขาที่กว้างขวาง คงไว้ซึ่งความเป็นผู้นำในด้านความกว้างขวางที่ดีที่สุดในรถยนต์ระดับเดียวกัน
นอกจากนี้ นิสสัน อัลเมร่า ใหม่ ยังโดดเด่นด้วยเทคโนโลยี นิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี (Nissan Intelligent Mobility) ที่ช่วยตรวจสอบความปลอดภัยและป้องกันผู้ขับขี่และผู้โดยสาย เทคโนโลยีสัญญาณเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์ด้านหน้าขณะขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning – IFCW) และเทคโนโลยีตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน (Moving Object Detection – MOD) ด้วยกล้องสี่ตัวที่ด้านหน้า ด้านหลังและด้านข้าง รอบคัน
ราคาจำหน่าย 499,000 – 639,000 บาท
Mitsubishi Attrage และ Mitsubishi Mirage
มิตซูบิชิ แอททราจ และ มิตซูบิชิ มิราจ ใหม่ “พลังจากข้างใน ไปให้สุด” เน้นย้ำตำแหน่งผู้นำรถซิตี้คาร์ที่มีอุปกรณ์ครบครันที่สุดเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน รถซิตี้คาร์ใหม่ทั้งสองรุ่นนี้ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับยนตรกรรมมิตซูบิชิให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นด้วยดีไซน์ Advanced ‘Dynamic Shield’ เอกลักษณ์การออกแบบระดับโลกของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส
มิตซูบิชิ แอททราจ ใหม่ โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยสีขาวใหม่ White Diamond พร้อมกระโปรงหน้าดีไซน์ใหม่ กระจังหน้าตกแต่งด้วยเส้นสีแดง กันชนหน้าใหม่ ไฟหน้าแบบ Bi-LED พร้อมไฟเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ ชุดไฟตัดหมอก ไฟท้ายแบบ LED และ ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 15 นิ้ว พร้อมกันนี้ มิตซูบิชิ มิราจ ใหม่ ซึ่งได้รับการปรับโฉมดังกล่าวเช่นกันแล้ว ยังมาพร้อมกับ 2 สีใหม่ ได้แก่ สีขาว White Diamond และ สีเหลือง Sand Yellow พร้อมสปอยเลอร์หลังดีไซน์สปอร์ต
ภายในห้องโดยสารของรถซิตี้คาร์ใหม่ทั้งสองรุ่นได้รับการยกระดับใหม่ ได้แก่ จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ High Contrast การตกแต่งด้วยลายคาร์บอนดีไซน์ใหม่ เบาะนั่งวัสดุหนังสังเคราะห์ดีไซน์ใหม่ สำหรับ มิตซูบิชิ แอททราจ ใหม่ และ เบาะนั่งวัสดุหนังสังเคราะห์และผ้าดีไซน์ใหม่สำหรับ มิตซูบิชิ มิราจ ใหม่ เหนือระดับไปอีกขั้นด้วยแผงควบคุมเปิด-ปิดกระจกข้างตกแต่งด้วยลายคาร์บอนดีไซน์ใหม่ พร้อมวัสดุบุนุ่มบริเวณแผงประตู โดยรถซิตี้คาร์ทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมกับหน้าจอระบบสัมผัส Smartphone – Link Display Audio (SDA) ขนาด 7 นิ้ว รองรับแอปเปิล คาร์เพลย์ และระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และการเชื่อมต่อบลูทูธ
Mitsubishi Mirage 474,000 – 619,000 บาท
Mitsubishi Attrage 494,000 – 624,000 บาท
หากใครมองหารถยนต์ใหม่ ขอแนะนำให้ลองเข้าไปเลือกรุ่นที่ชอบ และเปรียบเทียบราคาที่ดีที่สุด กับ autospinn รับรองว่าได้รถคุณภาพดี และดีลพิเศษสุด ๆ
ทีมกองบรรณาธิการ กลุ่มนักเขียนผู้มีประสบการณ์ด้านรถยนต์ การเงิน และประกันภัย ของ แรบบิท แคร์ ที่เปิดดำเนินการมาแล้วมากกว่า 10 ปี