แคร์แม่และเด็ก

10 เทคนิคขับรถสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

ผู้เขียน : กองบรรณาธิการ

ทีมกองบรรณาธิการ กลุ่มนักเขียนผู้มีประสบการณ์ด้านรถยนต์ การเงิน และประกันภัย ของ แรบบิท แคร์ ที่เปิดดำเนินการมาแล้วมากกว่า 10 ปี

close
Published June 14, 2017

สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ การขับรถก็ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ อาจจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ในบางสถานการณ์ แต่คุณก็ไม่จำเป็นจะต้องรับความเสี่ยงแบบเต็มๆ เพราะเรามีเทคนิคที่เหมาะสำหรับการขับรถสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์มาฝากกัน

เทคนิคการขับรถสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

1.ลดอัตราการขับ

ยิ่งการตั้งครรภ์ของคุณผ่านไปนานเท่าไร ท้องของคุณก็ยิ่งโตเข้าใกล้พวงมาลัยมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นคุณก็ควรลดอัตราการขับรถ ถ้าหากไม่จำเป็น แต่ในกรณีที่ต้องขับจริง ๆ คุณก็ควรจะวางแผนล่วงหน้าเอาไว้ก่อน เช่น วางแผนหาจุดพักยืดแข้งยืดขาหรือเข้าห้องน้ำ แล ะควรบอกคนใกล้ชิดตัวก่อนที่จะออกเดินทางไปไหน

2.ขับอย่างระมัดระวัง

อย่าใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับ ลดความเร็วในการขับ สังเกตสิ่งรอบข้างตลอดเวลา และที่สำคัญ ลองพิจารณาทางเลือกในการเดินทางอย่าง ระบบขนส่งสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็น รถแท็กซี่ รถไฟฟ้า BTS รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT เป็นต้น เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในการขับขี่ของคุณ และลดภาระความเครียดที่อาจจะเกิดขึ้นในการขับรถได้อีกด้วย

3.รัดเข็มขัดตลอดเวลา

อาจเคยมีความเชื่อผิดๆ ที่ว่าคุณแม่ตั้งครรภ์ไม่ควรรัดเข็มขัด ทว่าการไม่รัดเข็มขัดจะยิ่งเป็นอันตรายต่อทั้งตัวคุณแม่และลูกในท้องมากกว่าเสียอีก การรัดเข็มขัดนิรภัย คุณควรรัดจากไหล่พาดลงมาทางกระดูกสะโพกผ่านตรงหน้าอก และคุณไม่ควรคาดเข็มขัดนิรภัยด้านบนหน้าท้องหรือข้ามหน้าท้องของคุณ

4.ปรับที่นั่งให้ถูกตำแหน่ง

ปรับตำแหน่งที่นั่งของคุณให้ห่างจากพวงมาลัยอย่างน้อย 25 เซนติเมตร โดยคุณอาจจะปรับห่างไปอีกหน่อยเพื่อความสบายยิ่งขึ้น พยายามนั่งท่าที่พวงมาลัยเอียงเข้ากระดูกหน้าอกมากกว่าตรงส่วนท้องของคุณ และนั่งพิงเบาะเก้าอี้เพื่อกันไม่ให้ก้นของพวงมาลัยมาชนกับท้องของคุณ

5.หากเกิดการชน

ไม่ว่าการชนนั้นจะเล็กน้อย หรือคุณรู้สึกว่าไม่น่าจะเป็นอะไรมากเท่าไรก็ตาม อย่างน้อยคุณก็ควรที่จะไปตรวจอัตราการเต้นหัวใจของลูกในท้อง เนื่องจากการวิจัยพบว่าคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ประสบอุบัติเหตุการชน แล้วไม่มีการไปบันทึกหรือตรวจอาการบาดเจ็บ มีความเสี่ยงที่จะมีอาการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดได้

6.หยุดพักอย่างสม่ำเสมอ

คุณควรจะมีการหยุดพักเพื่อรักษาสุขภาพร่างกายของคุณอยู่เสมอ โดยเฉพาะในส่วนขา แค่หยุดพักเพื่อยืดแข้งยืดขา พักสายตา หรือพักจิตใจจากบนท้องถนนซักพักในที่ปลอดภัยก็จะทำให้คุณมีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้นอย่างแน่นอน

7.ลดการขับขี่ในเวลากลางคืน

โดยปกติ การขับขี่ในเวลากลางคืนก็อันตรายอยู่แล้ว แต่สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ ก็ยิ่งอันตรายขึ้นไปอีก การขับรถในเวลากลางคืนลดความสามารถในการมองเห็นของคุณลง พร้อมทั้งยังมีโอกาสที่จะเจอกับคนขับที่เมามากขึ้นกว่าปกติอีกด้วย ดังนั้นหากหลีกเลี่ยงการขับในเวลากลางคืนได้ ก็ควรจะหลีกเลี่ยง

8.เตรียมอุปกรณ์เผื่อเหตุฉุกเฉิน

ไม่มีใครจะสามารถคาดเดาได้ว่าเหตุการณ์ฉุกเฉินจะเกิดขึ้นเมื่อใด ดังนั้นคุณควรจะพกอุปกรณ์สำคัญต่าง ๆ เอาไว้ในกรณีเหล่านี้ เช่น หมอน เครื่องแป้ง โทรศัพท์ที่ชาร์จแบตเตอรี่มาเต็ม และเสื้อผ้าสำรอง ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้ยังสามารถช่วยคุณได้ในกรณีคลอดก่อนกำหนดอีกด้วย

9.เตรียมอาหารและน้ำให้พร้อม

สำคัญมากที่ คุณแม่ควรจะต้องรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในจุดที่สุขภาพดีเอาไว้ และพยายามงดอาหารที่ไม่ดีไม่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ดังนั้นคุณควรที่จะกินอะไรมาก่อนออกจากบ้าน พกน้ำ อาหารว่าง และผลไม้ติดตัวมาในรถ

10.หยุดขับรถหากใกล้กำหนดคลอด

ยิ่งคุณใกล้กำหนดที่จะคลอดมากขึ้นเท่าไร คุณควรยิ่งพิจารณาขับให้น้อยลงเท่านั้น ไม่ว่าคุณจะขับรถไปทำงาน หรือไปสังสรรค์กับเพื่อน ก็ไม่คุ้มค่ากับความเสี่ยง ยกเว้นกรณีที่ไม่มีทางเลือกแล้วจริง ๆ ถ้าหากการตั้งครรภ์อยู่ในช่วงไตรมาสที่สามแล้ว คุณควรที่จะนั่งอยู่เบาหลัง และให้เพื่อนหรือคนใกล้ชิดของคุณขับให้แทน โดยปกติแล้วคุณแม่ที่ตั้งครรภ์มักจะหยุดขับรถในช่วงสัปดาห์ที่ 30 ของการตั้งครรภ์เป็นต้นไป


ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าลูกในท้องของคุณ

(cc) http://mypregnanthealth.com/

แม้เราจะเข้าใจ ว่าในบางครั้งการขับรถขณะที่กำลังตั้งครรภ์อยู่เป็นทางเลือกที่จำเป็นจริง ๆ แต่เราก็อยากที่จะให้คุณแม่ทุกท่าน พิจารณาถึงทางเลือกอื่นๆ ก่อนการขับรถด้วยตนเองไว้เสมอ เพราะต้องเข้าใจว่า ท่านไม่ได้แค่พยายามจะปกป้องชีวิตของตัวท่านเองเท่านั้น แต่ยังตัวลูกน้อยในท้องของท่านอีกด้วย ซึ่งคงไม่มีเงินเดือน ค่าจ้าง หรือรางวัลอะไรที่จะสำคัญไปกว่าลูกของท่านอีกแล้ว แน่นอนว่า การทำประกันรถยนต์กับ Rabbit Care ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยทำให้คุณแม่รู้สึกอุ่นใจระหว่างการขับรถขึ้นได้บ้างเช่นกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก: wheels24


บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง


บทความแคร์แม่และเด็ก

แคร์แม่และเด็ก

ความสามารถพิเศษที่ควรให้ลูกมีติดตัวไว้ เพราะอาจได้ใช้และต่อยอดได้ในระยะยาว

ความสามารถพิเศษ สิ่งที่เราต่างก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าหากมีติดตัวเอาไว้ย่อมเป็นผลดีมากกว่าไม่มี
Nok Srihong
25/03/2024

แคร์แม่และเด็ก

ผ่าคลอด มีข้อดีอย่างไร ? ปลอดภัยกว่าคลอดธรรมชาติหรือไม่ ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ?

สำหรับว่าที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ จะผ่าคลอดหรือคลอดธรรมชาติคงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะต้องตัดสินใจ ว่าจะผ่าคลอดดีหรือไม่ การผ่าคลอดปลอดภัยกว่าคลอดธรรมชาติไหม
Nok Srihong
12/03/2024