
รวมที่จอดรถ mrt และอาคารจอดแล้วจร มีตรงไหนบ้าง? เช็กได้เลย!!
สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ การขับรถก็ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ อาจจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ในบางสถานการณ์ แต่คุณก็ไม่จำเป็นจะต้องรับความเสี่ยงแบบเต็มๆ เพราะเรามีเทคนิคที่เหมาะสำหรับการขับรถสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์มาฝากกัน
ยิ่งการตั้งครรภ์ของคุณผ่านไปนานเท่าไร ท้องของคุณก็ยิ่งโตเข้าใกล้พวงมาลัยมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นคุณก็ควรลดอัตราการขับรถ ถ้าหากไม่จำเป็น แต่ในกรณีที่ต้องขับจริง ๆ คุณก็ควรจะวางแผนล่วงหน้าเอาไว้ก่อน เช่น วางแผนหาจุดพักยืดแข้งยืดขาหรือเข้าห้องน้ำ แล ะควรบอกคนใกล้ชิดตัวก่อนที่จะออกเดินทางไปไหน
อย่าใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับ ลดความเร็วในการขับ สังเกตสิ่งรอบข้างตลอดเวลา และที่สำคัญ ลองพิจารณาทางเลือกในการเดินทางอย่าง ระบบขนส่งสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็น รถแท็กซี่ รถไฟฟ้า BTS รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT เป็นต้น เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในการขับขี่ของคุณ และลดภาระความเครียดที่อาจจะเกิดขึ้นในการขับรถได้อีกด้วย
อาจเคยมีความเชื่อผิดๆ ที่ว่าคุณแม่ตั้งครรภ์ไม่ควรรัดเข็มขัด ทว่าการไม่รัดเข็มขัดจะยิ่งเป็นอันตรายต่อทั้งตัวคุณแม่และลูกในท้องมากกว่าเสียอีก การรัดเข็มขัดนิรภัย คุณควรรัดจากไหล่พาดลงมาทางกระดูกสะโพกผ่านตรงหน้าอก และคุณไม่ควรคาดเข็มขัดนิรภัยด้านบนหน้าท้องหรือข้ามหน้าท้องของคุณ
ปรับตำแหน่งที่นั่งของคุณให้ห่างจากพวงมาลัยอย่างน้อย 25 เซนติเมตร โดยคุณอาจจะปรับห่างไปอีกหน่อยเพื่อความสบายยิ่งขึ้น พยายามนั่งท่าที่พวงมาลัยเอียงเข้ากระดูกหน้าอกมากกว่าตรงส่วนท้องของคุณ และนั่งพิงเบาะเก้าอี้เพื่อกันไม่ให้ก้นของพวงมาลัยมาชนกับท้องของคุณ
ไม่ว่าการชนนั้นจะเล็กน้อย หรือคุณรู้สึกว่าไม่น่าจะเป็นอะไรมากเท่าไรก็ตาม อย่างน้อยคุณก็ควรที่จะไปตรวจอัตราการเต้นหัวใจของลูกในท้อง เนื่องจากการวิจัยพบว่าคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ประสบอุบัติเหตุการชน แล้วไม่มีการไปบันทึกหรือตรวจอาการบาดเจ็บ มีความเสี่ยงที่จะมีอาการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดได้
คุณควรจะมีการหยุดพักเพื่อรักษาสุขภาพร่างกายของคุณอยู่เสมอ โดยเฉพาะในส่วนขา แค่หยุดพักเพื่อยืดแข้งยืดขา พักสายตา หรือพักจิตใจจากบนท้องถนนซักพักในที่ปลอดภัยก็จะทำให้คุณมีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้นอย่างแน่นอน
โดยปกติ การขับขี่ในเวลากลางคืนก็อันตรายอยู่แล้ว แต่สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ ก็ยิ่งอันตรายขึ้นไปอีก การขับรถในเวลากลางคืนลดความสามารถในการมองเห็นของคุณลง พร้อมทั้งยังมีโอกาสที่จะเจอกับคนขับที่เมามากขึ้นกว่าปกติอีกด้วย ดังนั้นหากหลีกเลี่ยงการขับในเวลากลางคืนได้ ก็ควรจะหลีกเลี่ยง
ไม่มีใครจะสามารถคาดเดาได้ว่าเหตุการณ์ฉุกเฉินจะเกิดขึ้นเมื่อใด ดังนั้นคุณควรจะพกอุปกรณ์สำคัญต่าง ๆ เอาไว้ในกรณีเหล่านี้ เช่น หมอน เครื่องแป้ง โทรศัพท์ที่ชาร์จแบตเตอรี่มาเต็ม และเสื้อผ้าสำรอง ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้ยังสามารถช่วยคุณได้ในกรณีคลอดก่อนกำหนดอีกด้วย
สำคัญมากที่ คุณแม่ควรจะต้องรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในจุดที่สุขภาพดีเอาไว้ และพยายามงดอาหารที่ไม่ดีไม่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ดังนั้นคุณควรที่จะกินอะไรมาก่อนออกจากบ้าน พกน้ำ อาหารว่าง และผลไม้ติดตัวมาในรถ
ยิ่งคุณใกล้กำหนดที่จะคลอดมากขึ้นเท่าไร คุณควรยิ่งพิจารณาขับให้น้อยลงเท่านั้น ไม่ว่าคุณจะขับรถไปทำงาน หรือไปสังสรรค์กับเพื่อน ก็ไม่คุ้มค่ากับความเสี่ยง ยกเว้นกรณีที่ไม่มีทางเลือกแล้วจริง ๆ ถ้าหากการตั้งครรภ์อยู่ในช่วงไตรมาสที่สามแล้ว คุณควรที่จะนั่งอยู่เบาหลัง และให้เพื่อนหรือคนใกล้ชิดของคุณขับให้แทน โดยปกติแล้วคุณแม่ที่ตั้งครรภ์มักจะหยุดขับรถในช่วงสัปดาห์ที่ 30 ของการตั้งครรภ์เป็นต้นไป
แม้เราจะเข้าใจ ว่าในบางครั้งการขับรถขณะที่กำลังตั้งครรภ์อยู่เป็นทางเลือกที่จำเป็นจริง ๆ แต่เราก็อยากที่จะให้คุณแม่ทุกท่าน พิจารณาถึงทางเลือกอื่นๆ ก่อนการขับรถด้วยตนเองไว้เสมอ เพราะต้องเข้าใจว่า ท่านไม่ได้แค่พยายามจะปกป้องชีวิตของตัวท่านเองเท่านั้น แต่ยังตัวลูกน้อยในท้องของท่านอีกด้วย ซึ่งคงไม่มีเงินเดือน ค่าจ้าง หรือรางวัลอะไรที่จะสำคัญไปกว่าลูกของท่านอีกแล้ว แน่นอนว่า การทำประกันรถยนต์กับ Rabbit Care ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยทำให้คุณแม่รู้สึกอุ่นใจระหว่างการขับรถขึ้นได้บ้างเช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก: wheels24
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ทีมกองบรรณาธิการ กลุ่มนักเขียนผู้มีประสบการณ์ด้านรถยนต์ การเงิน และประกันภัย ของ แรบบิท แคร์ ที่เปิดดำเนินการมาแล้วมากกว่า 10 ปี
บทความแคร์ไลฟ์สไตล์
รวมที่จอดรถ mrt และอาคารจอดแล้วจร มีตรงไหนบ้าง? เช็กได้เลย!!
ปักหมุด 8 อุทยานแห่งชาติที่กำลังมาแรงแห่งปี 2568 ใครชอบธรรมชาติติดใจแน่นอน
ข้อมูลสำหรับสายบินลัดฟ้า! พิกัดที่จอดรถสนามบินดอนเมือง ค่าจอดรถสนามบินดอนเมือง 2568