
รถเทสไดร์ฟ หรือรถ test drive คือ อะไร ทำไมมีราคาถูกกว่ารถปกติ
ปกติแล้วเวลาเติมลมยางตามปั๊มน้ำมัน หรือตามจุดเติมลมบางแห่ง อาจไม่ได้ยินคำว่าลมไนโตรเจนบ่อยครั้งนัก เนื่องจากเป็นลมที่มีคุณสมบัติแตกต่างจากปกติ ซึ่งผู้คนที่ใช้รถแล้วเกิดคำถามว่า ลมไนโตรเจน คืออะไร, ลมไนโตรเจน ดียังไง, ลมไนโตรเจน เติมลมธรรมดาได้ไหม, ลมไนโตรเจน กับลมธรรมดา ต่างกันยังไง, แล้วเติมลมไนโตรเจน อยู่ได้นานแค่ไหน และเติมลมยางไนโตรเจนต้องไปเติมที่ไหน บทความนี้ แรบบิท แคร์ เตรียมคำตอบมาให้ครบถ้วน
ลมไนโตรเจน คือ ลมที่ผ่านการคัดกรองเอาออกซิเจนและความชื้นออก เหลือเพียงแค่ลมไนโตรเจนแบบเพียว ๆ ซึ่งมีความนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมาแล้วในต่างประเทศ นอกจากการใช้เติมลมยางรถยนต์แล้ว ยังมีการนำไปใช้กับล้อของเครื่องบิน และรวมไปถึงล้อรถแข่งที่ต้องใช้ความเร็วสูงด้วยเช่นกัน
ปกติเติมลมยางธรรมดามาตลอด ไม่เคยรู้ว่าลมไนโตรเจน ดียังไง คราวนี้ลองมาดูกันว่าข้อดีของไนโตรเจน คือ มีความชื้นที่น้อยมาก ๆ, มีแรงดันคงที่ไม่ว่าจะในสภาพอากาศแบบไหน, ขยายตัวได้น้อยกว่าการเติมลมยางธรรมดา, ช่วยล้อกระทะที่ทำจากเหล็กไม่เกิดสนิม เพราะไม่มีความชื้น, ไม่ต้องเติมลมยางบ่อย ๆ และให้สัมผัสการขับขี่ที่นุ่มนวลกว่า
ยกตัวอย่างเช่น หากเราเติมลมยางธรรมดาเข้าไปที่แรงดัน 30 psi หากขับไปนาน ๆ จะเกิดการขยายตัว ทำให้แรงดันเพิ่มขึ้นเป็น 33-35 psi ได้ แต่หากเป็นการเติมลมไนโตรเจน จะมีการขยายตัวน้อยกว่า โอกาสระเบิดน้อยกว่า ทำให้เหมาะสมอย่างมากต่อการใช้งานในยางที่ต้องใช้ความเร็วสูง
ลมไนโตรเจนกับลมธรรมดา ต่างกันยังไง ต้องเริ่มจากการเทียบด้วยคุณสมบัติของลมธรรมดาตามปั๊มน้ำมัน ที่จะมีอัตราส่วนของไนโตรเจนอยู่แล้วถึง 78% นอกจากนั้นจะเป็นน้ำที่อยู่ในรูปแบบของความชื้น, ออกซิเจน และก๊าซเฉื่อยที่ปะปนอยู่
ส่วนลมไนโตรเจนที่ใช้เติมลมยางรถยนต์ จะมีไนโตรเจนอยู่ถึง 93-95% มีการขยายตัวต่ำ อุณหภูมิคงที่ มีการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างน้อย แรงดันเสถียรและอยู่ได้นานกว่าการเติมลมยางปกติ ทำให้ประหยัดมากกว่าในทางทฤษฎีนั่นเอง
เติมลมไนโตรเจน เติมลมธรรมดาได้ไหม คำตอบ คือ สามารถเติมลมยางธรรมดาผสมเข้าไปในลมยางไนโตรเจนได้ แต่ถ้าหากค่าไนโตรเจนในยางของเรามีต่ำกว่า 93% ก็จะสูญเสียประสิทธิภาพของไนโตรเจนไป แต่จะไม่เกิดผลเสียอย่างใดต่อยางที่เราใช้งาน ซึ่งในอนาคตถ้าต้องการเติมลมยางด้วยไนโตรเจนอีกครั้ง ต้องมีการไล่ลมยางธรรมดาออกให้หมด เพื่อให้เหลือแต่ลมไนโตรเจนที่ประมาณ 93-95% เหมือนเดิม
เติมลมไนโตรเจน อยู่ได้นานแค่ไหน ซึ่งปกติแล้วการเติมลมยางด้วยลมไนโตรเจน จะอยู่ได้ประมาณ 1 เดือน หลังจากที่ขับขี่ไปได้สักระยะหนึ่ง แล้วความดันในยางมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง นั่นอาจเป็นปัญหาที่กำลังส่อแววว่าที่เราเพิ่งทำการเติมลมยางมา อาจเป็นลมยางไนโตรเจนปลอม
เติมลมไนโตรเจนได้ที่ไหน คำตอบ คือ สามารถเติมลมยางไนโตรเจนได้ตามสถานที่ให้บริการเกี่ยวกับยางรถยนต์ทั่วไป เช่น B-Quick, Cockpit, Tyreplus และสถานที่อื่น ๆ ที่มีแจ้งว่าพร้อมให้บริการ
กรณีที่มีการเติมลมยางธรรมดามาก่อนหน้านี้ แล้วต้องการเติมลมยางไนโตรเจนเข้าไปแทน จะต้องทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
สำหรับการเติมลมยางด้วยลมไนโตรเจน โดยส่วนใหญ่แล้วจะเหมาะกับรถยนต์ที่ต้องใช้ความเร็วสูงอย่างต่อเนื่อง ยิ่งถ้าต้องขับด้วยความเร็วสูงเป็นเวลานาน ถือว่าการเติมลมยางไนโตรเจนเหมาะสมอย่างมาก เช่น คนที่ต้องเดินทางข้ามจังหวัดบ่อยครั้ง หรือเหล่ารถบรรทุก รถกระบะที่ขนของหนักและเดินทางไกล เพื่อให้เกิดความเสถียรในลมยาง และปลอดภัยตลอดการเดินทาง
ถ้าเวลาเดินทางไกลใครที่กลัวปัญหาเรื่องเกี่ยวกับยาง แล้วไม่อยากรับผิดชอบเองแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย การทำประกันรถยนต์ที่ดูแลครอบคลุมอย่างประกันชั้น 1 เอาไว้ คงจะเป็นเรื่องที่ดีและเหมาะสมที่สุดแล้ว เพราะประกันรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองเรื่องยางทั้งอุบัติเหตุทั่วไป เช่น ขับรถตกหลุม, ขับเบียดฟุตบาท, รถชน หรือถูกกลั่นแกล้งจากผู้ไม่ประสงค์ดี
ซึ่งการตัดสินใจเลือกซื้อประกันรถยนต์อาจต้องใช้เวลาเพื่อทำการศึกษา เข้าใจในเงื่อนไข และรายละเอียดกรมธรรม์ให้ดีก่อน ดังนั้น แรบบิท แคร์ จึงอยากแนะนำให้ทุกคนเข้ามาลองเช็คเบี้ยประกันรถยนต์และเปรียบเทียบข้อมูลประกันรถยนต์ เพื่อเฟ้นหาสิ่งที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด พร้อมโอกาสในการเข้าถึงโปรโมชั่นส่วนลดสูงสุดถึง 70% แถมยังเลือกผ่อน 0% ได้นานถึง 10 เดือนอีกด้วย หากสนใจสามารถคลิกลิงก์หรือติดต่อได้ที่ 1438 (ติดต่อได้ 24 ชั่วโมง)
นักเขียนบทความด้านประกันยานยนต์ รถยนต์ การเคลมประกันรถยนต์ ที่ Rabbit Care และ Asia Direct ตั้งใจเขียนงานให้ได้เกินครึ่งจากช่วงเวลาที่หาข้อมูล ยึดถือความถูกต้องเป็นหลัก
บทความแคร์รถยนต์
รถเทสไดร์ฟ หรือรถ test drive คือ อะไร ทำไมมีราคาถูกกว่ารถปกติ
รถเย็นสบายใจ คู่มือดูแลแอร์รถยนต์ให้เย็นฉ่ำ พร้อมวิธีรับมือเมื่ออากาศเย็น รถสตาร์ทไม่ติด
ที่จอดรถ BTS ใกล้ที่สุดของแต่ละสถานี มีจุดไหนบ้าง