แคร์สุขภาพ

5 เมนูแก้ง่วงช่วงบ่าย กินอะไรแก้ง่วงดี?

ผู้เขียน : คะน้าใบเขียว

นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care

close
Published June 21, 2022

เชื่อว่าหลายคนน่าจะได้เริ่มกลับเข้าทำงานที่ออฟฟิศกันแล้ว และนอกจากปัญหาเรื่องงานต่าง ๆ แล้ว สิ่งที่หลายคนมักประสบพบเจอก็คือปัญหาเรื่องความง่วงในช่วงบ่ายนั่นเอง! แน่ล่ะสิ ถ้ายังคง work from home ก็คงหาจังหวะงีบหลับแก้ง่วงได้ แต่หากมางีบกลางที่ทำงานคงไม่ดีแน่ แล้วแบบนี้จะต้องกินอะไรแก้ง่วงบ้างที่ช่วยเราได้? แบบไหนเรียกง่วงจนผิดปกติ เกิดเป็นโรคขึ้นมา ต้องทําประกันสุขภาพที่ไหนดี? ไปดูกันเลยดีกว่า!

ไขข้อข้องใจ ทำไมคนเราถึงง่วงช่วงบ่ายกัน?

เคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมเราถึงง่วงช่วงบ่ายกันนะ? อาการง่วงในช่วงบ่ายอาจเกิดจากสาเหตุที่แตกต่างกันออกไป โดยสาเหตุหลัก ๆ ที่พบได้ มักจะมาจาก

  • ทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตหรือน้ำตาลมากเกินไป

การทานมื้อกลางวันที่เยอะมากเกินความจำเป็นโดยเฉพาะการทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าว ก๋วยเตี๋ยว ขนมปัง หรืออาหารที่มีน้ำตาลมากจนเกินไป รวมไปถึงอาหารที่มีไขมันสูง จะทำให้เลือดไหลไปเลี้ยงกระเพาะอาหารมากขึ้น เพื่อเร่งย่อยอาหารในปริมาณมากให้แล้วเสร็จ ส่งผลให้เลือดที่ไหลไปเลี้ยงสมองมีน้อยลง หรือไหลเวียนช้าลง ทำให้เราง่วงซึม เฉื่อยชา ได้

โดยวิธีการแก้นั่นก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยการลดปริมาณการทานอาหารมื้อใหญ่ ๆ ที่หนักแป้ง หนักน้ำตาลลง กินให้อิ่มแต่พอดี หรือจะเปลี่ยนไปทานคาร์โบไฮเดรตจากแป้งไม่ขัดสีแทน เพราะอาหารเหล่านี้ จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดในร่างกายควบคุมระดับน้ำตาลได้ดี ระดับน้ำตาลในเลือดจึงไม่เพิ่มขึ้น และลดลงอย่างรวดเร็ว จนเป็นสาเหตุของอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง หรือง่วงนอนตลอดวันนั่นเอง

  • ไม่มีการเคลื่อนไหวร่างกายระหว่างวัน 

การนั่งอยู่กับที่ เพื่อทำงานนนาน ๆ ไม่ขยับ ลุกเดินไปไหน ไม่เพียงเสี่ยงต่อการเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้ร่างกายรู้สึกง่วงได้ เพราะมีผลวิจัยออกมาว่า เมื่อร่างกายไม่ได้ใช้งาน อุณหภูมิร่างกายก็จะลดต่ำลง ทำให้ร่างกายหลั่งเมลาโทนินที่ช่วยให้หลับออกมานั่นเอง

รวมถึงการจดจ่ออยู่กับอะไรนาน ๆ เอง ก็ยิ่งทำให้เพลียและอ่อนล้า โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นประจำ ที่จะมีอาการล้าสายตา ส่งผลให้ร่างกายต้องการการพักผ่อนระหว่างวันมากยิ่งขึ้นไปด้วย

ดังนั้น ให้คุณลองเปลี่ยนท่าทางระหว่างวันบ้าง อาจจะลุกขึ้นยืดเส้นสาย เดินไปเข้าห้องน้ำ เปลี่ยนท่านั่ง รวมถึงการพักสายตาต่าง ๆ ก็ช่วยคลายความง่วงระหว่างวันได้เป็นอย่างดี

  • นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ

อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้หลายคนมีอาการง่วงระหว่างวัน โดยการพักผ่อนไม่เพียงพอ ไม่ใช่แค่การนอนดึก นอนน้อย นอนไม่เพียงพอเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงคุณภาพการนอนที่ไม่ดี ทำให้หลับ ๆ ตื่น ๆ หรือตื่นบ่อยกลางดึก เช่น อาการนอนกรน หรือภาวะขาอยู่ไม่สุขขณะหลับ ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณพักผ่อนไม่เพียงพอ จนเกิดอาการง่วงในช่วงบ่ายได้

  • เกิดจากปัญหาด้านสุขภาพ

บางครั้งอาหารง่วงระหว่างวันอาจเกิดจากปัจจัยด้านสุขภาพ  ซึ่งส่งผลให้รู้สึกอ่อนเพลีย และเหนื่อยล้าได้ง่ายกว่าปกติ เช่น ภาวะบกพร่องฮอร์โมน, ไทรอยด์, โรคโลหิตจาง, ความดันโลหิตสูง, โรคเบาหวาน, โรคหัวใจ, เป็นแผลในกระเพาะอาหาร,โรคซึมเศร้า หรือโรคจากการหลับ เป็นต้น  นอกจากนี้ อาจมาจากปัจจัยอย่างยารักษาโรคบางตัวที่ทานแล้วทำให้เกิดอาการง่วงก็ได้เช่นกัน

กินอะไรแก้ง่วงดี? ต้องนี่เลย 5 ของกินแก้ง่วงยามบ่าย!

จะเห็นได้ว่าอาการง่วงนอนระหว่างวัน หรือง่วงในช่วงบ่ายไม่ได้เกิดแค่จากการพักผ่อนไม่เพียงพอเท่านั้น แต่เกิดได้จากหลากหลายปัจจัย แต่ระหว่างหาทางแก้ไข รักษา จะให้ง่วงจนหลับกลางที่ทำงานคงดูไม่ดี ลองกินอะไรแก้ง่วงดูสิ และนี่ก็คือ 5 เมนูแก้ง่วง ที่ แรบบิท แคร์ ขอแนะนำ!

  • จิบน้ำเปล่าสิดี

สำหรับสายสุขภาพที่ไม่อยากทานอะไรจุบจิบระหว่างวัน เครื่องดื่มง่าย ๆ อย่าง น้ำเปล่า เพียงแค่จิบระหว่างวันให้ร่างกายได้รับน้ำอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ระดับออกซิเจนในร่างกายเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ร่างกายสดชื่น ไม่ขาดแคลนน้ำ และตื่นตัวอยู่เสมอ เพราะร่างกายของคนเราปกติจะมีนํ้ามากกว่า 70% ถ้าหากเมื่อใดที่ร่างกายขาดนํ้า ย่อมส่งผลให้อ่อนเพลียได้ ดังนั้นการหมั่นจิบน้ำบ่อย ๆ ในวันที่พักผ่อนน้อย หรือรู้สึกเหนื่อยล้าจะช่วยคุณได้อย่างแน่นอน

โดยน้ำดื่มนั้น ควรเป็นน้ำอุ่นอุณหภูมิห้อง เพราะจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมไปใช้ในระบบไหลเวียนมาเลี้ยงเลือดได้ทันที นับได้ว่าเป็นตัวช่วยชั้นเลิศในการแก้ง่วงเลยก็ว่าได้!

  • แซ่บยามบ่าย ของเผ็ดสิตื่นจริง

บอกเลยว่าไม่ต้องถึงขั้นเคี้ยวพริกเป็นเม็ด ๆ อย่างที่หลายคนเข้าใจหรอกนะ! แต่การทานอาหารที่มีรสเผ็ดเล็กน้อย เพราะจะช่วยให้ประสาทตื่นตัว นอกจากนี้ยังให้ผลดีเกี่ยวกับการเผาผลาญไขมันได้อีกด้วย! 

แต่ทั้งนี้ต้องระวัง ควรทานแต่พอดี เพราะการทานอาหารเผ็ด ของเผ็ด หรือขนมที่มีรสเผ็ดมากเกินไป อาจทำให้กระเพาะระคายเคือง ซ้ำยังอาจนำพามาสู่การเป็นโรคกระเพาะ รวมถึงขับถ่ายยากได้ เช่น ลูกอมรสเผ็ด, ถั่วรสวาซาบิ, ยำวุ้นเส้น เป็นต้น 

  • เสริมวิตามินซีระหว่างวัน ด้วยการทานผลไม้รสเปรี้ยว

หากเบื่อของเผ็ด กลัวว่าทานมากจะไม่ดีกับร่างกาย ลองเปลี่ยนมาทานของเปรี้ยว เช่น มะนาว, ส้ม, เสาวรส, ฝรั่ง โดยเมนูที่อุดมไปด้วยวิตามินซีนั้น นอกจากจะช่วยให้ร่างกายตื่นตัว ไม่ง่วงแล้ว ยังช่วยให้ร่างกายสดชื่น ลดอาการอ่อนเพลีย ช่วยในเรื่องขับถ่าย ลดอาการปวดหัว ช่วยต้านความเหนื่อยล้าที่มาจากความเครียดและกังวลได้เป็นอย่างดี เหมาะกับชาวออฟฟิศที่หักโหมงานหนัก พักผ่อนน้อย รวมไปถึงผู้ที่มักขับรถทางไกลเป็นอย่างมาก

  • ชอบง่วงช่วงบ่าย ลองเมนูไขมันต่ำเป็นมื้อเที่ยง

จากผลการศึกษาของวารสาร SLEEP พบว่า อาหารที่มีไขมันสูงเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้กลุ่มคน 18 – 65 ปี มีอาการง่วงนอน และอ่อนเพลียระหว่างวันได้มากยิ่งกว่าการทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนสูงเสียอีก โดยการเลือกเมนูกลางวันครั้งต่อไป คุณอาจจะเลือกมื้อเที่ยงเป็นอาหารไขมันต่ำ  เช่น ปลา ที่มีโปรตีน กรดไขมันโอเมก้า 3 สูง เป็นส่วนช่วยให้สมองแจ่มใส หรือจะเน้นอาหารที่ปรุงด้วยวิธีต้ม อบ ตุ๋น นึ่ง ยำ 

นอกจากนี้ ควรพยายามหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปไขมันสูง เช่น ไส้กรอก แฮม รวมไปถึงอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลสูงด้วย เช่น เปลี่ยนจากข้าวขัดขาวธรรมดา มาเป็นข้าวกล้อง ที่ช่วยให้ร่างกายค่อย ๆ เพิ่มระดับน้ำตาลในร่างกายได้อย่างสมดุล ลดอาการง่วงเหงาหาวนอนได้ตลอดทั้งวัน

  • ลูกอมรสเย็น ๆ

การอมลูกอมที่มีรสเย็นๆ เช่น มิ้นต์ จะช่วยให้คุณตาสว่างได้มากขึ้น นอกจากจะตาสว่างแล้ว ยังช่วยในเรื่องของกลิ่นปาก และลมหายใจที่สดชื่นอีกด้วย  แต่ควรทานแต่พอดี เพราะการทานมากเกินไป อาจเกิดปัญหาทำให้ตับอ่อนต้องหลั่งอินซูลินออกมามากขึ้น และเมื่อน้ำตาลในเลือดสูง จะส่งผลให้เราเกิดความรู้สึกง่วงนอนตามมา แทนที่จะตื่น กลับกลายเป็นง่วงนอนมากกว่าเดิมคงไม่ดีแน่!

ทั้งนี้ทั้งนั้น หากทำทุกอย่างเรายังมีอาการง่วงนอน นอกจากลองสำรวจยาที่อาจจะทานแล้ว คุณอาจลองปรึกษาแพทย์เพื่อค้นหาสาเหตุที่แท้จริงของอาการง่วงนอนระหว่างวัน เพราะนี่อาจเป็นสัญญาณอันตรายของการเริ่มต้นเป็นโรคร้ายต่าง ๆ ก็ได้! 

อย่ามองข้าม ง่วงช่วงบ่ายอาจอันตรายกว่าที่คิด!

การง่วงนอนระหว่างวันไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด บางครั้งแค่ปรับเลี่ยนพฤติกรรมก็ช่วยให้คุณหมดปัญหาได้ไม่ยาก แต่หากแก้ไขอย่างไรก็ไม่หายเสียที บางครั้งอาจเป็นสัญญาณเตือนบางอย่างจากร่างกายก็ได้! ไม่ว่าจะเป็น

  • โรคนอนไม่หลับ
  • โรคนอนกรน
  • โรคอ่อนเพลียเรื้อรัง 
  • โรคโลหิตจาง
  • โรคหัวใจ
  • โรคไทรอยด์ 
  • โรคเบาหวาน 
  • โรคหยุดหายใจขณะหลับ
  • โรคลมหลับ
  • โรคร่าเริง
  • โรคที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจิตต่าง ๆ เช่น โรคเครียด, โรคซึมเศร้า
  • ความดันโลหิตสูง
  • เป็นแผลในกระเพาะอาหาร หรืออวัยวะส่วนอื่น ๆ ในร่างกาย

โดยหลักการที่ใช้สังเกตว่าคุณกำลังมีอาการง่วงนอน หรืออยากงีบระหว่างวันนั้นผิดปกติ ให้ลองสังเกตว่าอาหารเหล่านี้ก่อปัญหาในชีวิตประจำวันให้คุณมากน้อยแค่ไหน รวมถึงส่งผลกระทบต่อการทำงานหรือไม่ หากส่งผลกระทบมาก ไม่สามารถควบคุมอาการง่วงนอนของคุณได้ เช่น มักเผลองีบหลับ หรือ หลับขณะขับรถจนอาจทำให้เกิดอันตราย, หากต้องนั่งอยู่นิ่ง ๆ เป็นระยะเวลาสักพัก จะเริ่มง่วงนอนทันที โดยที่ไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์, เริ่มควบคุมการหลับระหว่างวันไม่ได้แม้แต่ตอนทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน

นอกจากนี้ หากมีอาการง่วงงุน หรือง่วงซึมตลอดวัน ร่วมกับอาการข้างเคียงอย่างอื่น เช่น ปากแห้ง, อ่อนล้า, อ่อนเพลีย, ง่วงนอนมากผิดปกติ, สมองเฉื่อยชา, บางรายมีอาการแขนขาชาระหว่างการนอน, มักมีอาการมึนงง แน่นหน้าอก หรือหายใจไม่เต็มอิ่ม

การที่ง่วงนอนตลอดเวลา หรือแม้แต่อาการนอนไม่หลับในตอนกลางคืน อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นจากร่างกายส่งสัญญาณเตือนโรคร้ายบางอย่างโดยที่เราไม่รู้ตัว ดังนั้น การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการนอนหลับถือเป็นวิธีที่ดีที่สุด 

ซึ่งเบื้องต้น แพทย์จะนัดทำ Sleep Lab เพื่อทำการหาสาเหตุโดยต้องเข้าพักที่โรงพยาบาลเป็นเวลา 1 คืน โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยควบคุมดูแลตลอด และมีการจดวิเคราะห์ข้อมูลของคนไข้อย่างใกล้ชิด หลังจากนั้นจึงติดตามผลการวินิจฉัยเพื่อหาแนวทางของการรักษาต่อไป โดยราคาค่าตรวจนั้นจะเริ่มต้นหลัก 10,000 บาท ขึ้นไป ขึ้นอยู่โรงพยาลที่เข้ารับการตรวจด้วย

จะเห็นได้ว่าเรื่องสุขภาพไม่ใช่เรื่องไกลตัว บางครั้งอาจเริ่มต้นจากอาการเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นอนไม่หลับ พักผ่อนไม่เพียงพอ จนพัฒนาเป็นอาการง่วงนอนที่บ่อยมากยิ่งขึ้นระหว่างวัน แต่ไม่ว่าจะเป็นอาการเจ็บป่วยแบบไหน ก็ให้คุณหมดกังวลกับเรื่องค่าตรวจ หรือค่ารักษาต่าง ๆ เพียงแค่คุณมีประกันสุขภาพ

และสำหรับใครที่ไม่แน่ใจว่าประกันเดิมของตนครอบคลุมดีหรือไม่ หรือไม่รู้จะทําประกันสุขภาพที่ไหนดี ลองคลิกมาปรึกษากับ แรบบิท แคร์ สิ! ที่นี้ นอกจากจะมีบริการเปรียบเทียบประกันสุขภาพ ให้คุณเลือกสรรได้ตามไลฟ์สไตล์แล้ว ยังมีประกันโรคร้ายแรงที่ช่วยให้คุณรับมือกับหลากหลายโรคร้ายอย่าง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน หรือโรคร้ายที่ใครก็ต้องหวาดกลัวอย่างมะเร็ง!

สมัครง่าย พร้อมให้คำปรึกษา และบริการหลังการขาย ที่ช่วยให้อุ่นใจ แคร์คุณไม่แพ้ใคร ต้อง ประกันสุขภาพ กับ แรบบิทแคร์ คลิกเลย!


 

บทความแคร์สุขภาพ

แคร์สุขภาพ

โยคะ (Yoga) มีประโยชน์อย่างไร สามารถบำบัดทั้งร่างกายและจิตใจได้จริงหรือไม่ ?

โยคะ หนึ่งในศาสตร์การออกกำลังกายที่แน่นอนว่าหลายคนคงคุ้นหูกันเป็นอย่างดีและทราบกันถึงประโยชน์หลาย ๆ อย่างที่โยคะมีต่อร่างกายของคนเรา
Nok Srihong
11/04/2024

แคร์สุขภาพ

ดนตรีบำบัด คืออะไร ? ดนตรีสามารถบำบัดจิตใจและความเครียดได้จริงหรือไม่ ?

เราต่างก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเสียงดนตรีสามารถช่วยให้เกิดความผ่อนคลายของร่างกายและจิตได้
Nok Srihong
11/04/2024