4 เรื่องหนุ่มสาวยุค Millennials ที่คนรอบข้างต้องรู้!
คนในแต่ละยุคแต่ละสมัยต่างได้รับการเรียนรู้จากสภาพแวดล้อม อุปนิสัย และบุคลิกภาพที่แตกต่างกัน ทำให้ปัจจุบันมีคนหลายยุค หลายเจนเนอเรชั่น อยู่ร่วมกันในสังคม แน่นอนว่าการปรับตัวเป็นเรื่องที่สำคัญสุด ๆ เพราะต่างเจนก็ต่างความคิด ต่างอุดมการณ์
โดยเฉพาะกลุ่มคน Millennials หรือหลายคนอาจจะคุ้นเคยกับการเรียกว่า Gen M หรือ Gen Me โดย Gen M หรือ Gen Me นี้เป็นช่วงกลุ่มคนที่อยู่ระหว่าง Gen Y และ Gen Z ซึ่งเป็นกลุ่มที่กำลังได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก มีความน่าสนใจอย่างไร Rabbit Care จะพาไปทำความรู้จักกับคนกลุ่มนี้กัน
ทำความรู้จักกับกลุ่มคน Millennials
ประชากรในประเทศไทยมีจำนวนกลุ่มคน Millennials หรือ เจนเอ็ม อยู่ประมาณ 20.6 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 30 ของประชากรทั้งหมด โดยมีการประเมินว่า ในเอเชียแปซิฟิกจะมีคนกลุ่ม Millennials ประมาณ 45% ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นกลุ่มที่มีอายุ 17- 36 ปี หรือปีเกิดระหว่าง พ.ศ. 2523-2542 หรือ ค.ศ. 1980-1999
Gen M เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีและมีความสามารถในการใช้งานเทคโนโลยีได้ดี เพราะมีชีวิตที่อยู่กับโลกออนไลน์ตลอดเวลา ไม่ว่าจะอยากรู้อะไร อยากได้อะไร หรืออยากหาอะไรก็ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือค้นหานั่นเอง
โดยภาพรวมกลุ่มคน Millennials ล้วนแล้วแต่มีแนวความคิดเป็นของตนเอง มีการศึกษาสูง มีหน้าที่การงานประจำที่แน่นอนในองค์กรเอกชนขนาดใหญ่ ใช้ชีวิตโดยมีเป้าหมายเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก และทุ่มเทเพื่อให้ประสบความสำเร็จ และต้องการให้ที่ทำงานมีความสนุกและเหมือนการเข้าสังคม แต่มีความคิดที่ว่า การทำงานที่มีการกำหนดเวลาที่กำหนดเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น และชอบที่จะตัดสินใจเองว่า จะทำงานเมื่อไหร่ จากที่ไหนก็ได้ที่ไม่จำเป็นต้องเป็นออฟฟิศ เพราะบุคลิกหลัก ๆ เป็นคนรักความอิสระ พึ่งพาตนเอง และมองโลกในแง่ดี
ขยาย 4 ข้อหลักสำคัญของคน Millennials
1.ทำงานแบบยืดหยุ่นสร้างสมดุลให้ชีวิต
ถ้าบริษัทใดหรือองค์กรใดที่ให้ความสมดุลชีวิตกับการทำงาน Work Life Balance หรือมีเวลาทำงานที่ยืดหยุ่นได้ ไม่ต้องมีการตอกบัตรเข้า – ออกตามเวลา มักจะดึงดูดใจคนกลุ่ม Millennials เป็นอย่างมาก เนื่องจากคนทำงานในยุคนี้ ให้ความสำคัญกับการทำงาน และการเข้าสังคมหรือทำกิจกรรมกับเพื่อนฝูงเท่า ๆ กัน นอกเหนือจากเงินเดือนประจำ และสวัสดิการของทางบริษัทที่มีให้
เพราะฉะนั้นองค์กรไหนยังอยู่ในกรอบเดิม ๆ ไม่เคารพไอเดียสร้างสรรค์ หรือความเป็นปัจเจก ก็ไม่ตอบโจทย์คนเจนนี้
2.มีการพัฒนาตัวเองและความสามารถ
กลุ่มคน Millennials ยึดถือความรู้สึกของตัวเองเป็นที่ตั้ง ถ้าบริษัทไหนหรือองค์กรใดสั่งงานให้คนกลุ่มนี้ทำเพียงอย่างเดียว ถือว่าไม่ตอบโจทย์ เพราะคนกลุ่มนี้ต้องการที่จะพัฒนาทักษะและความสามารถด้วยตัวเอง ชอบงานที่ท้าทาย มีเป้าหมายเป็นเดิมพัน ถ้าลองได้ปล่อยให้เขามีความคิดและใช้ความสามารถในการทำงานอย่างเต็มที่ บอกเลยว่าคุณจะได้ผลงานชิ้นโบว์แดงที่สร้างความภาคภูมิใจให้หน่วยงาน หรือองค์กรเลยทีเดียว
Gen M เชื่อว่าการทำงานภายใต้กรอบ หรือข้อจำกัดต่าง ๆ ส่งผลให้คุณภาพของงานลดลง เพราะเมื่อไหร่ที่มีเงื่อนไข ย่อมเกิดความอัดอั้นใจตามมา
3.โซเชียลมีเดียคือเครื่องมือการทำงาน
กลุ่มคน Millennials เติบโตมากับอินเทอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์ ดังนั้นพวกเขาจึงใช้เทคโนโลยีในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว การทำงานที่ต้องลองผิดลองถูกไปมาซ้ำ ๆ จะไม่ใช่แนวทางของคนทำงานกลุ่มนี้
ผลการวิจัยของ Cisco พบว่า คนในกลุ่มนี้จะไม่สมัครงานในบริษัทที่ห้ามให้พวกเขาเล่นโซเชียลมีเดีย เพราะนั่นคือเครื่องมือที่ช่วยในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการสืบค้นข้อมูล หาแรงบันดาลใจ หรือมองหาไอเดียใหม่ ๆ และไม่จำเป็นต้องกังวลว่า Gen M จะใช้เวลากับโซเชียลมีเดียมากเกินไป เพราะคนเจนนี้มีความรับผิดชอบสูง
โซเชียลมีเดียไม่ใช่เรื่องไร้สาระ สำหรับคน Gen M
4.ชอบวางแผนชีวิตล่วงหน้า
กลุ่มคน Millennials ให้ความสำคัญในเรื่องของการวางแผนเพื่อให้ไปสู่เป้าหมายโดยเร็ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน ครอบครัว หรือโดยเฉพาะในเรื่องของการวางแผนทางการเงิน ที่คนกลุ่มนี้อาจจะวางแผนระยะยาวแบบ 5 ปี 10 ปี ว่าจะต้องมีเงินไปลงทุนทำอะไรบ้าง โดยเป้าหมายของการเงินสำหรับ Gen M ก็เพื่อการท่องเที่ยวเป็นอันดับแรก ตามมาด้วยการออมเงิน ลงทุน และต่อยอดสินทรัพย์ให้งอกเงย
Gen M ให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางการเงิน จึงพยายามคิดหารูปแบบการเก็บเงินที่มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการฝากประจำ ซื้อกองทุน ลงทุนทองคำ ซื้อเงินตราต่างประเทศ รวมทั้งการซื้อประกันชีวิต ที่ได้ทั้งความคุ้มครองและเงินก้อนในวันข้างหน้า
ประกันชีวิตที่ลดหย่อนภาษีได้สำหรับ Gen M
แม้คนกลุ่ม Millennials เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่หลงใหลในเทคโนโลยี แต่การวางแผนด้านการเงินก็ให้ความสำคัญด้วยเช่นกัน ยิ่งใกล้จะสิ้นปีแบบนี้คนกลุ่มนี้ต้องมีการวางแผนด้านภาษีที่จะนำไปลดหย่อนได้ในปีถัดไป ประกันชีวิตก็เป็นอีกทางเลือกที่ดี ซึ่งมีประกัน 3 ประเภทที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
- ประกันชีวิต ในรูปแบบประกันสะสมทรัพย์ ที่สามารถนำมาลดหย่อนทางภาษีได้ แต่ต้องประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ที่สามารถใช้เบี้ยประกันที่คุณจ่ายไปในแต่ละปีมาลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
- ประกันสุขภาพ นอกจากจะนำเบี้ยประกันมาลดหย่อนภาษีได้แล้ว ยังได้ในเรื่องของความคุ้มครองการรักษาพยาบาลจากการเจ็บป่วยหรืออาการบาดเจ็บ รวมถึงคุ้มครองและชดเชยทุพพลภาพหรือสุญเสียอวัยวะ
- ประกันแบบบำนาญ เน้นเป็นการออมเพื่อหลังเกษียณอายุ ต้องออมอย่างต่อเนื่องตามกรมธรรม์ที่ได้ระบุไว้ และนำเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย
สนใจทำประกันเพื่อลดหย่อนภาษี คลิกเข้ามาที่ Rabbit Care โบรกเกอร์ชั้นนำที่รวมรวบประกันให้คุณเลือกหลากหลายรูปแบบ พร้อมบริการเปรียบเทียบเบี้ยประกันด้วยตัวคุณเอง
มีประสบการณ์สร้างสรรค์ผลงานออนไลน์ 10 ปี เขียนด้านเงิน การลงทุน บทความวิเคราะห์สถานการณ์การเงินในประเทศ และฝากผลงานไว้ที่ Rabbit Care ถึง 4 ปี