หน้าร้อนอันตราย! สัตว์เลี้ยงก็เป็นโรคฮีทสโตรกได้นะ!

หน้าร้อนอันตราย! สัตว์เลี้ยงก็เป็นโรคฮีทสโตรกได้นะ!

ฮีทสโตรกในสัตว์เลี้ยง แตกต่างจากคนไหมนะ

หน้าร้อนไม่ได้อันตรายสำหรับมนุษย์อย่างเราๆ เท่านั้น เพราะในสัตว์เลี้ยงแสนรัก อย่าง น้องหมา น้องแมว ก็มีปัญหาไม่แตกต่างกันเลย โดยเฉพาะ “โรคลมแดด” หรือ “ฮีทสโตรก (Heat Stroke)” 

ฮีทสโตรก เป็นโรคที่เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะในคน หรือสัตว์เลี้ยงเลี้ยงลูกด้วยนมเกือบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น สุนัข แมว กระต่าย กระรอก หนูแกสบี้ หนูแฮมสเตอร์ ชูการ์ไกรเดอร์ เฟอเรท หรือแม้แต่ปลาโลมา เป็นต้น 

เกิดขึ้นจากอากาศที่มีอุณหภูมิสูงขึ้นกว่าระดับปกติ โดยทั่วไปอุณหภูมิของสุนัข และแมว จะอยู่ที่ประมาณ 103 องศาฟาเรนไฮต์ หรือประมาณ 39 องศาเซลเซียส  แต่ถ้าอยู่ในสถานที่ที่ปิดทึบและมีอุณหภูมิสูงกว่า 41 องศาเซลเซียส จะทำให้สุนัขมีโอกาสเป็นโรคลมแดดได้ง่าย และการที่อุณหภูมิในร่างกายสูงเกินไป อาจส่งผลถึงอวัยวะหลายส่วนล้มเหลว และถึงแก่ชีวิตได้

ดังนั้น ภาวะการเกิดฮีทสโตรกจึงเป็นเรื่องที่เราควรระมัดระวังเป็นพิษ ไม่ต่างจากโรคพิษสุนัขบ้าเลย

อาการของโรคลมแดด หรือ ฮีทสโตรกในสัตว์เลี้ยง เกิดจากการที่อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นมากกว่า 40 องศาเซลเซียสอย่างรวดเร็ว และระบายความร้อนออกสู่ภายนอกไม่ทัน ส่งผลต่ออาการผิดปกติต่างๆ ในสัตว์เลี้ยง ดังนี้ 

• อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น ซึ่งอุณหภูมิปกติจะอยู่ที่ 38-39 องศาเซลเซียส หากเกินกว่านี้ให้รีบพาไปพบแพทย์โดยด่วน
  
  
• สัตว์เลี้ยงบางตัว มีอาการอาเจียน ถ่ายเหลว หรือถ่ายเป็นเลือด
  
  
• เหงือกจะสีแดงเข้ม บางตัวอาจมีเลือดออกเป็นจุดตามลำตัว และอาจมีน้ำลายไหลเยอะ หายใจถี่ปนหอบ ควรให้น้องจิบน้ำทุกๆ 5 นาที หากอยู่ในที่ร้อนจัด
  
  
• ผิวหนังไม่ยืดหยุ่น
  
  
• น้ำลายไหลมาก แต่กลับปัสสาวะน้อย หรือแทบไม่ปัสสาวะเลย
  
  
• หอบหายใจ ลมหายใจร้อนผิดปกติ และอาจมีกลิ่นปากแรง
  
  
• อ่อนแรง ม่านตาขยาย ในสัตว์ลี้ยงบางราย อาจมีอาการมึนงง ดุร้าย จำเจ้าของไม่ได้ชั่วคร่าว
  
  
• ในกรณีของแมว จะเริ่มมีพฤติกรรมที่แปลกไปกระวนกระวาย กระสับกระส่ายไปมา และเลียขนมากกว่าปกติ
  
  
• หัวใจมีการเต้นเร็ว เหงื่ออกบริเวณอุ้งเท้า
  
  
• ช็อก เป็นลมหมดสติ 

หากสังเกตว่าสัตว์เลี้ยงของเรามีอาการตัวร้อน ใบหูร้อน เดินโซเซไม่ตรงทาง หายใจลำบาก หัวใจเร็ว รัว หอบ หายใจเสียงดัง หรือหายใจทางปาก นั่นแสดงว่าสัตว์เลี้ยงของเราเริ่มมีอาการฮีทสโตรกแล้ว 

ทั้งนี้อาการจะร้ายแรงหรือไม่นั้นจะขึ้นอยู่กับขนาด สายพันธุ์ และอายุของสัตว์เลี้ยง แต่ทางที่ดี เจ้าของอย่างเราๆ ไม่ควรปประมาท เมื่อมีอาการ ควรรีบปฐมพยาบาลสัตว์เลี้ยงเบื้องต้น ก่อนนำส่งสัตวแพทย์ โรงพยาบาลสัตว์ หรือคลินิกรักษาสัตว์ใกล้บ้านทันที อย่าปล่อยไว้นานเกินไป เพราะไม่อย่างนั้น อาจอันตรายถึงชีวิตสัตว์เลี้ยงได้

เช็กอาการฮีทสโตรก และความเสี่ยงในสัตว์เลี้ยงแสนรัก

สำหรับวิธีการเช็กในสัตว์เลี้ยง เราสามารถตรวจสอบได้ โดยใช้หลังมือแตะบริเวณขาหนีบ เนื่องจากมีขนน้อยที่สุดและเป็นแหล่งรวมเลือดไหลเวียน โดยใช้หลังมือมาแตะบริเวณขาหนีบ ซึ่งอุณหภูมิปกติทั่วไป จะอยู่ที่ประมาณ 37-38 องศาเซลเซียส

นอกจากนี้ยังสามารถใช้ปรอทวัดไข้สำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะได้ แต่จะมาในรูปแบบปรอทที่มีส่วนปลายกลมเล็ก และต้องวัดทางทวารหนักเท่านั้น หากไม่แน่ใจในวิธีวัดไข้ด้วยปรอทว่าจะทำได้ถูกวิธีหรือไม่ ควรให้สัตว์แพทย์เป็นคนวัดไข้ให้ เพื่อลดความเสี่ยงในการทำให้สัตว์เลี้ยงมีอาการบาดเจ็บได้

ส่วนสาเหตุที่ทำให้สัตว์มีภาวะอุณหภูมิร่างกายสูง มีดังนี้ 

• สัตว์เลี้ยงของเรา อยู่ในที่ๆ ร้อน  อากาศถ่ายเทไม่สะดวก หรือสัตว์เลี้ยงอยู่ในตำแหน่งในบ้านที่อุณหภูมิสูงในตอนกลางวัน เช่น โรงรถ หรือสนามหน้าบ้าน
  
  
• ทิ้งสัตว์เลี้ยงไว้ในรถกลางแดดจัด
  
  
• เฝ้าระวังเป็นพิเศษ หากสัตว์เลี้ยงของคุณ มีร่างกายอ่อนแอ มีอายุมาก อ้วน พันธุ์ขนยาว พันธุ์ที่มีใบหน้าสั้น หรือสัตว์ป่วยที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ เพราะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคลมแดดสูง 

ปฐมพยาบาลเบื้องต้นยังไง ถ้าสัตว์เลี้ยงเป็นฮีทสโตรกแล้ว

อย่างที่ทราบกันดี ฮีทสโตรกนั้นเกิดจากการที่ร่างกายในสัตว์เลี้ยงมีอุณหภูมิสูง ระบายความร้อนไม่ทัน ทำให้วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น เมื่อสัตว์เลี้ยงเป็นฮีทสโตรก เป็นสิ่งที่เหล่าเจ้าของอย่างเราๆ ต้องรู้ และเตรียมรับมือเผื่อไว้ ก่อนนำสัตว์เลี้ยงไปส่งโรงพยาบาลสัตว์ โดยเราสามารถรีบช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงแสนรักเบื้องต้นได้ ดังนี้

• ย้ายสัตว์ป่วยออกจากสภาวะแวดล้อมที่มีอากาศร้อน อาจนำไปหลบที่บริเวณที่มีร่มเงา หรือห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ
  
  

• ถอดเสื้อ ปลดสายรัดอก หรือสายรัดคอ ออกจากตัวสัตว์เลี้ยง  ไม่ควรห่มผ้า และนำสัตว์ป่วยไปไว้ในกรงหรือกล่องทึบ
  
  

• ค่อยๆ ปรับอุณหภูมิร่างกายของสัตว์เลี้ยง เช่น เช็ดตัว หรือเอาน้ำลูบใต้ฝ่าเท้าให้สัตว์เลี้ยงเพื่อระบายความร้อน หรือนำน้ำเย็นใส่ขวดมาประคบบริเวณที่บริเวณ ขาหนีบ หรือใต้รักแร้ รวมถึงบนหัวสักพัก 
  
  

• ไม่ควรใช้น้ำแข็ง หรือน้ำเย็นจัด หรือแช่สุนัขลงในน้ำเย็นทั้งตัว เพราะจะทำให้หลอดเลือดบริเวณผิวหนังหดตัว ทำให้การระบายความร้อนลำบากมากกว่าเดิม

• ไม่ควรลดอุณหภูมิร่างกายสุนัขให้ลดลงต่ำกว่า 103 องศาฟาเรนไฮด์ หรือลด หรือเปลี่ยนอุณหภูมิในร่างกายในสัตว์เลี้ยงแบบกระทันหัน เพราะอาจทำให้เกิดอาการอื่นๆ ตามมา เช่น หัวใจวายเฉียบพลัน

• เมื่อสัตว์เลี้ยงของเรามีอาการเริ่มดีขึ้นแล้ว ให้ค่อยๆ ให้กินน้ำเย็น แต่อย่าให้กินน้ำเย็นจัด เพื่อให้สุนัขค่อยๆ ได้ปรับลดอุณหภูมิในร่างกายต่อ แต่ก็ไม่ต้องฝืนบังคับให้สุนัขกินน้ำ

• รีบนำสัตว์เลี้ยงที่มีอาการฮีทสโตรกไปส่งที่โรงพยาบาลสัตว์ เพื่อให้สัตวแพทย์ได้ทำการตรวจวินิจฉัยและรักษาภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคลมแดดต่อไป ที่สำคัญระหว่างนำสุนัขไปส่งโรงพยาบาล อย่าลืมเปิดแอร์ในรถให้เย็นๆ ด้วยนะ

สำหรับหนทางการหลีกเลี่ยงการเกิดฮีทสโตรกในสัตว์เลี้ยง ได้ดีที่สุด คือพยายามหลีกเลี่ยงให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในสถานที่ร้อนๆ ควรให้อยู่ในที่ๆ อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่โดนแดดส่อง มีลมพัดผ่าน และอย่าลืมการดูแลน้ำดื่มสะอาดให้สัตว์เลี้ยงกินได้ตลอดเวลา 

ที่สำคัญ หมั่นสังเกตอาการของสัตว์เลี้ยงอย่างสม่ำเสมอ หากพบอาการข้างต้น หอบหายใจ น้ำลายไหลมาก ท่าทางซึม อ่อนแรง และมีอุณหภูมิสูง ควรรีบปฐมพยาบาล ระบายอุณหภูมิให้สัตว์เลี้ยงทันที

สัตว์เลี้ยงแสนรัก ก็เหมือนกับคนในครอบครัว แต่บางครั้งไม่ใช่แค่โรคลมแดดเท่านั้นที่เป็นปัญหา แต่อาการเจ็บป่วยอื่นๆ ก็อาจเกิดขึ้นได้ และแน่นอนว่าเงินที่ใช้รักษาสัตว์เลี้ยง บางครั้งก็ไม่ใช่เงินก้อนน้อยๆ ฉะนั้น ต้องนี่เลย! บัตรกดเงินสด จาก Rabbit Care เหมาะกับทุกธุระเร่งด่วน ที่ต้องใช้เงินก้อนในระยะเวลาสั้นๆ

สมัครง่าย อนุมัติไว มีให้คุณเลือกหลากหลาย คลิกเลย!

บทความแนะนำอื่น ๆ

คะน้าใบเขียว

นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct