แคร์ไลฟ์สไตล์

6 โรคในเด็ก ที่ต้องระวัง!!! เมื่อลูกหลานคุณเปิดเทอม

ผู้เขียน : กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการ

ทีมกองบรรณาธิการ กลุ่มนักเขียนผู้มีประสบการณ์ด้านรถยนต์ การเงิน และประกันภัย ของ แรบบิท แคร์ ที่เปิดดำเนินการมาแล้วมากกว่า 10 ปี

close
Facebook iconIG iconlinkedin iconYoutube icon
แก้ไขโดย : คะน้าใบเขียว
คะน้าใบเขียว

นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct

close
linkedin icon
 
Published: August 6,2018
  
Last edited: July 30, 2019
โรคในเด็ก

เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน

วัยเด็กเป็นวัยที่ร่างกายอ่อนแอได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อโดนเชื้อโรค จากผู้ใหญ่หรือจากเด็กด้วยกันในช่วงเปิดเทอม วันนี้ Rabbit Care จึงมี 6 โรคในเด็ก ที่เด็กๆ มักเป็นกันบ่อยในช่วงเปิดเทอมมาบอก เพื่อให้คุณได้เตรียมตัว และเฝ้าระวังลูกหลานให้ห่างไกลจากโรคต่างๆ เหล่านี้

โดยช่วงอายุของเด็กที่เรากล่าวถึงจะอยู่ในช่วง 3-7 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่เสี่ยงติดเชื้อโรคได้ง่าย เพราะยังมีการดูแลตัวเองที่ไม่ดีนัก เอาเป็นว่าเราลองมาเช็กกันดูเลยว่าจะมีโรคอะไรกันบ้าง

ระวัง! 6 โรคในเด็ก ที่มักมาช่วงเปิดเทอม

โรคในเด็ก
ขอบคุณรูปภาพจาก www.healthandtrend.com

1. โรคไข้หวัด

มาเริ่มกันที่โรคในเด็กอันแรกอย่าง โรคไข้หวัด เป็นที่รู้กันดีว่า เจ้าโรคนี้ ติดต่อกันได้ง่ายมากที่สุด โดยเฉพาะในเด็กๆ ที่อยู่ในโรงเรียน มักจะติดกันได้ง่ายกว่าปกติ เพราะไม่ว่าจะเป็น การไอ หรือจาม แค่โดนละอองน้ำมูก น้ำลาย ก็สามารถติดกันได้แล้ว

อาการเบื้องต้น : โดยทั่วไปแล้วอาการที่พบได้คือ เด็กจะมีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยเนื้อตัว อ่อนเพลีย ซึม ไม่ร่าเริง มีน้ำมูก เจ็บคอ ไอ-จาม หรือบางรายอาจจะมีอาการ ปวดท้อง ท้องเสียร่วมด้วย ซึ่งหากผู้ปกครองเห็นอาการผิดปกติเหล่านี้ ต้องรีบพาลูกหลานไปพบแพทย์เพื่อหาทางรักษาก่อนที่อาการจะหนักมากขึ้น

วิธีป้องกัน : เพื่อเป็นการป้องกันการเป็นไข้หวัดต่อลูกหลาน สิ่งที่ผู้ปกครองควรทำ คือ

  • ต้องรักษาความสะอาดภายในบ้านอย่างสม่ำเสมอ
  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกันของเด็กตั้งแต่แรกเกิด ด้วยการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างน้อย 6 เดือน
  • ดูแลสุขอนามัยของลูกหลานให้สะอาด พร้อมทั้งให้ทานอาหาร และพักผ่อนให้เพียงพอ
  • ควรให้ลูกหลานได้รับวัคซีนตามที่แพทย์กำหนด
โรคในเด็ก
ขอบคุณรูปภาพจาก www.amarinbabyandkids.com

2. โรคไข้หวัดใหญ่

เมื่อเป็นไข้หวัดธรรมดาแล้ว แน่นอนว่ามีสิทธิ์ที่จะเสี่ยงเป็นไข้หวัดใหญ่ได้เช่นกัน ซึ่งการเป็นไข้หวัดใหญ่ดูจะเป็นเรื่องที่หนักหนากว่าไข้หวัดธรรมดาหลายเท่านัก โดยเฉพาะการรักษาก็ต้องได้รับการดูแลที่มากกว่าไข้หวัดทั่วไปด้วย

อาการเบื้องต้น : อาการของโรคไข้หวัดใหญ่ก็คล้ายๆ ไข้หวัดธรรมดาทั่วไป แต่อาจจะรุนแรงกว่า 

วิธีป้องกัน : เพราะโรคไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่ติดต่อกันได้ง่ายมาก โดยเฉพาะเด็กในโรงเรียนยิ่งต้องระวัง ซึ่งผู้ปกครองสามารถดูแลลูกหลานเบื้องต้นได้ ดังนี้

  • ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ยิ่งในเด็กที่มีโรคประจำตัวยิ่งต้องให้ความสำคัญ เพราะมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคไข้หวัดใหญ่ได้
  • บอกลูกหลานของคุณไม่ให้เล่น หรือคลุกคลีกับเพื่อนที่ป่วย  ในทำนองเดียวกันหากลูกหลานของคุณป่วย ก็ควรให้หยุดพักผ่อนอยู่บ้าน เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อ
  • สอนลูกหลานให้รู้จักดูแล ทำความสะอาดร่างกาย โดยเฉพาะมือ เพื่อเป็นการป้องกันเชื้อโรคเข้าปาก และจมูกจากการสัมผัส
โรคในเด็ก
ขอบคุณรูปภาพจาก www.amarinbabyandkids.com

3. โรคท้องร่วง

ท้องร่วงท้องเสีย เป็นอีกหนึ่งโรคที่เด็กๆ เป็นกันบ่อยไม่ว่าจะในเด็กเล็กหรือเด็กโต และก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญของการป่วยและการตายของเด็กในทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเจ้าโรคนี้มักเกิดขึ้นกับเด็กที่ไม่ได้กินนมแม่ หรือเด็กที่มีสุขอนามัยไม่ดีพอ

อาการเบื้องต้น :  สำหรับอาการของโรคท้องร่วงโดยทั่วไปเด็กจะปวดท้อง ถ่ายอุจจาระเหลวหรือเป็นน้ำ อ่อนเพลีย อาเจียน หรือมีไข้

วิธีป้องกัน : แม้ผู้ปกครองจะไม่สามารถดูแลบุตรหลานได้ตลอดเวลา แต่คุณก็สามารถสร้างภูมิคุ้มกันและสุขอนามัยที่ดี เพื่อเป็นเกราะป้องกันให้เขาได้ ดังนี้

  • เรายังคงยืนยันเสมอว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ จะทำให้ลูกมีภูมิต้านทานที่ดี
  • ไม่ให้ลูกหลานรับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ หรืออาหารที่มีแมลงตอม
  • สอนให้เขารู้จักเลือกรับประทานอาหารที่สด สะอาด
  • สอนให้ลูกหลานรู้จักล้างมือบ่อยๆ ทั้งก่อน-หลังทานอาหาร และหลังการขับถ่าย
  • ฉีดวัคซีนป้องกัน เพราะในวัคซีนบางตัวสามารถช่วยลดความรุนแรงของโรคท้องร่วงได้ เช่น วัคซีนป้องกันโรต้าไวรัส
โรคในเด็ก
ขอบคุณรูปภาพจาก pediatriya.az

4. โรคมือ เท้า ปาก

โรคมือ เท้า ปาก อีกหนึ่งโรคที่ต้องเฝ้าระวัง เป็นโรคที่เกิดกันมากในเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 10 ปี แต่ก็ยังสามารถพบในเด็กโตหรือผู้ใหญ่ได้เช่นกัน แต่อาการก็จะไม่รุนแรงเท่าเด็กเล็ก ซึ่งในเด็กเล็กส่วนใหญ่เมื่อเป็นแล้ว ก็จะต้องหยุดพักผ่อนกันยาวเลยทีเดียว

อาการเบื้องต้น : อาการที่พบได้ คือ เด็กจะมีไข้สูง ไอ เจ็บคอ ปวดท้อง อ่อนเพลีย ไม่อยากทานอาหาร ที่สำคัญจะมีตุ่มพอง ผื่น หรือแผลอักเสบ มีหนองที่ผิวหนังบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า และภายในปาก

วิธีป้องกัน : การป้องกันโรคมือ เท้า ปาก ในเด็กเล็ก ผู้ปกครองสามารถทำได้ดังนี้

  • เสริมสร้างสุขอนามัยในเรื่องของความสะอาดให้กับเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นการล้างมือให้ถูกต้อง รวมถึงไม่ให้เด็กใช้มือจับสิ่งของเข้าปาก
  • ทำความสะอาดเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านอย่างสม่ำเสมอ
  • ไม่ใช้ของ สัมผัสของ หรืออุปกรณ์ต่างๆ ร่วมกับผู้ที่ป่วยเป็นโรคมือ เท้า ปาก
  • ใช้ผ้าสะอาด หรือทิชชู่ ปิดปาก ปิดจมูกทุกครั้งที่ไอหรือจามจากนั้นให้ทิ้งลงถังขยะหลังใช้เสร็จแล้ว
  • แยกเด็กหรือผู้ป่วยที่เป็นโรคมือ เท้า ปากออกจากคนอื่นๆ เพื่อป้องกันการติดต่อ

5. โรคตาแดง

โรคตาแดง เป็นอีกหนึ่งโรคที่ต้องเฝ้าระวังในเด็ก ยิ่งช่วงเปิดเทอมเพราะโรคตาแดงนี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ อีกทั้งหากรู้ช้าว่าลูกหลานของคุณเป็นโรคตาแดงก็อาจจะทำให้เด็กคนอื่นๆ ติดโรคได้

อาการเบื้องต้น : หากเด็กๆ เป็นโรคตาแดง จะมีอาการ เยื่อบุตาอักเสบ บวมแดง เคืองตา น้ำตาไหล มีขี้ตามากและแฉะ หรืออาจจะมีอาการเป็นหวัดร่วมด้วยในบางราย

วิธีป้องกัน : การป้องกันไม่ให้เด็กๆ เป็นโรคตาแดง ผู้ปกครองควรปฎิบัติดังนี้

  • ห้ามลูกหลานอยู่ใกล้ หรือคลุกคลีกับผู้ที่ป่วยเป็นโรคตาแดง
  • ทำความสะอาดร่างกาย หรือล้างมือ บ่อยๆ เพื่อป้องกันเชื้อโรค
  • ไม่สัมผัส น้ำตา หรือสารคัดหลั่งต่างๆ ของผู้ป่วย ไม่ว่าจะทั้งทางตรงหรือ ทางอ้อมอย่างการใช้ผ้าเช็ดหน้า ผ้าห่ม ร่วมกันก็ตาม
โรคในเด็ก
ขอบคุณรูปภาพจาก http://baby.haijai.com

6. อีสุกอีใส

มาถึงโรคในเด็กสุดท้ายที่เราจะพูดถึงนั่นก็คือ อีสุกอีใส โรคติดต่อทางผิวหนังที่จะทำให้มีตุ่มขึ้นทั่วร่างกาย ซึ่งเกิดได้กับทุกคนไม่เฉพาะในเด็กเท่านั้น ใครที่ไม่เคยเป็นก็มีสิทธิ์ที่จะเป็นได้เช่นกัน อีกทั้งโรคนี้สามารถติดต่อกันได้อย่างรวดเร็วหากคุณไม่มีภูมิคุ้มกันที่ดี

อาการเบื้องต้น : ผู้ที่เป็นโรคอีสุกอีใสจะมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว มีไข้ต่ำ เหนื่อยง่าย เฉื่อยชา ปวดหัว เจ็บคอ  ไม่อยากอาหาร จากนั้นจะเริ่มมีตุ่มขึ้นตามผิวหนัง ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่มีอาการร้ายแรงเท่าไหร่นัก

วิธีป้องกัน : โรคอีสุกอีใส จริงๆ แล้วไม่ใช่โรคที่ร้ายแรงมากมายนัก โดยผู้ปกครองสามารถดูแลบุตรหลานได้ ดังนี้

  • สำหรับการป้องกันอีสุกอีใสที่ดีที่สุด คือ การฉีดวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส
  • ดูแลลูกหลานไม่ให้สัมผัส หรืออยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นอีสุกอีใส

เพื่อลูกหลานของคุณแล้ว การดูแลสุขภาพของพวกเขา เป็นเรื่องสำคัญ คุณเองในฐานะผู้ปกครอง ควรหมั่นสังเกตความผิดปกติ ความเปลี่ยนแปลงของลูกหลาน ว่ามีอะไรแปลกไปหรือไม่ มีตุ่มขึ้น เด็กซึมลงบ้างหรือเปล่า เพราะนั่นอาจจะเป็นอาการเบื้องต้นของโรคต่างๆ ก็ได้

ทั้งนี้เพื่อการดูแลที่ครอบคลุมแล้วการซื้อ ประกันสุขภาพ ติดไว้ให้ลูกหลาน ก็ช่วยบรรเทาค่าใช้จ่าย ค่ารักษา ที่ผู้ปกครองอย่างเราๆ จะต้องจ่ายไปได้มากทีเดียวค่ะ

แต่นอกจากประกันสุขภาพแล้ว รู้ไหมคะว่าคุณยังสามารถวางแผนอนาคตให้พวกเขาได้ง่ายๆ ด้วยการทำประกัน Easy วัยเรียน จากไทยประกันชีวิต หรือจะเลือกเป็น iGrow ประกันเพื่อทุนการศึกษา จากกรุงไทย แอกซ่า ก็ได้เช่นกัน อยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกเข้ามาคุยกันนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก amarinbabyandkids.combabimild.compobpad.com


 

บทความแคร์ไลฟ์สไตล์

Rabbit Care Blog Image 99136

แคร์ไลฟ์สไตล์

รวมที่จอดรถ mrt และอาคารจอดแล้วจร มีตรงไหนบ้าง? เช็กได้เลย!!

ถึงแม้ในปัจจุบันหลายคนจะมีรถยนต์เป็นของตัวเอง แต่ในเวลาเดินทางจริงต้องเลือกใช้บริการที่จอดรถ mrt หรือลานจอดรถ mrt
Natthamon
17/01/2025
Rabbit Care Blog Image 85349

แคร์ไลฟ์สไตล์

ปักหมุด 8 อุทยานแห่งชาติที่กำลังมาแรงแห่งปี 2568 ใครชอบธรรมชาติติดใจแน่นอน

ใช้ชีวิตในป่าคอนกรีต ทำงานเช้าเย็น เหนื่อยทั้งกายทั้งใจมานาน ลองมารีชาร์จ เติมพลังให้ตนเองซะหน่อยด้วยการกลับสู่ธรรมชาติ เข้าป่า ล่องลำธาร ส่องสัตว์ ลงทะเล
Nok Srihong
13/01/2025
Rabbit Care Blog Image 98485

แคร์ไลฟ์สไตล์

ข้อมูลสำหรับสายบินลัดฟ้า! พิกัดที่จอดรถสนามบินดอนเมือง ค่าจอดรถสนามบินดอนเมือง 2568

ใครเดินทางท่องเที่ยวด้วยเครื่องบินบ่อยต้องอ่าน กับข้อมูลที่จอดรถสนามบินดอนเมืองที่ควรรู้ต่าง ๆ ทั้งรายละเอียดอาคารจอดรถสนามบินดอนเมืองว่ามีกี่อาคาร
Nok Srihong
24/12/2024