กองทุน ETF นวัตกรรมการลงทุน ทางเลือกที่ไม่ควรพลาด
ในช่วงที่ภาวะการลงทุนในตลาดโลกต้องรับมือกับความผันผวน การเลือกเข้ามาลงทุนใน กองทุน ETF จึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีได้ มือใหม่สมัครเล่นอย่างเราๆ ก็อาจจะเกิดความสงสัยได้ว่า คือการลงทุนประเภทใด มีนโยบายการลงทุนอย่างไร วันนี้ Rabbit Care ได้หาข้อมูลมาเสิร์ฟก่อนที่จะลงสนามการลงทุนจริงกันค่ะ
ใครคือผู้คิดค้นการลงทุนกองทุน ETF
ย้อนไปเมื่อปี 2536 Mr.Nate Most ได้นำใบเสร็จการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ หรือที่เรียกว่า commodity ในโกดังแทนการซื้อขายที่มีการเคลื่อนย้ายสินค้า จึงเป็นจุดกำเนิดของการนำประสบการณ์ในครั้งนั้นมาใช้ จนกระทั่งได้เกิดการพัฒนาจนมาเป็น
กองทุน ETF กองแรกของโลก โดยมีชื่อว่า Standard & Poor’s-500 Depositary Receipts หรือ SPDRs เรียกกันง่ายๆ ว่า Spiders และยังคงเป็นกองทุน ETF ที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย
นอกจากนี้แล้ว ยังได้ขยายไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นประเทศแถบยุโรป ญี่ปุ่น แคนาดา อังกฤษ ซึ่งมีการเติบโตต่อเนื่องมาโดยตลอด ยิ่งไปกว่านั้นเกือบทุกตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาคเอเชีย เช่น เกาหลี ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย จีน และไทย ก็ได้จัดตั้งและซื้อขายกองทุน ETF เช่นกัน แต่ในบ้านเรา ETF เริ่มเข้ามามีบทบาทในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อช่วงปี 2550 หรือ 11 ปีที่แล้ว
ETF คืออะไร ทำไมถึงน่าลงทุน
ETF หรือ Exchange Traded Fund เป็นกองทุนรวมประเภทกองทุนเปิดที่ไม่มีกำหนดอายุโครงการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เสมือนหุ้นที่สามารถซื้อขายเหมือนหลักทรัพย์ตัวหนึ่งที่สามารถซื้อขายได้ตลอดวัน แต่มีความต่างจากกองทุนประเภทอื่นที่สามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ที่ราคาสินทรัพย์สุทธิ (NAV) ณ สิ้นวันทำการเท่านั้น
โดยมีนโยบายการลงทุนที่คล้ายคลึงกับ Index fund ซึ่งเป็นการลงทุนที่อ้างอิงกับดัชนีต่างๆ เช่น ดัชนีที่อ้างอิงหุ้น (หุ้นขนาดใหญ่ หุ้นขนาดกลาง หุ้นขนาดเล็ก หรือหุ้นรายกลุ่มอุตสาหกรรม) หรือดัชนีราคาตราสารหนี้ (ตราสารหนี้ระยะสั้น ตราสารหนี้ระยะยาวตราสารหนี้ภาครัฐ และตราสารหนี้ภาคเอกชน) หรือดัชนีหุ้นกู้บริษัทเอกชน รวมถึงดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์ (ราคาทองคำแท่ง) เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ETF เป็นกองทุนรวมประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมในวงการตลาดทุนในต่างประเทศ จากการศึกษาโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยพบว่า มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการของกองทุน ETF ทุกกองทุนทั่วโลกรวมกัน มีมูลค่ามหาศาล
ประเภทของการลงทุน ETF มีอะไรบ้าง
กองทุน ETF มีลักษณะคล้ายดัชนีทางการเงิน จึงสามารถลงทุนในหลักทรัพย์ได้ทุกประเภท หากหลักทรัพย์ประเภทที่อ้างอิงดัชนี ได้แก่
1.อ้างอิงดัชนีราคาหุ้น (Equity ETF)
- กองทุน ETF ที่อ้างอิงดัชนีราคาหุ้นโดยรวม เช่น SET50 Index, S&P500 Index, NASDAQ Composite Index ฯลฯ
- อ้างอิงดัชนีราคาหุ้นโดยรวมของแต่ละประเทศ หรือดัชนีราคาหุ้นระหว่างประเทศ เช่น MSCI World Index ฯลฯ
- กองทุน ETF ที่อ้างอิงดัชนีราคาหุ้นรายกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น SET Energy & Utilities Sector Index ฯลฯ
2.อ้างอิงดัชนีราคาตราสารหนี้
- กองทุน ETF ที่อ้างอิงดัชนีราคาพันธบัตรรัฐบาล หรือ Treasury Bond Index
- อ้างอิงดัชนีร าคาหุ้นกู้บริษัทเอกชน หรือ Corporate Bond Index
3.อ้างอิงหลักทรัพย์หรือดัชนีอื่นๆ
- กองทุน ETF ที่อ้างอิงดัชนีราคาสินค้าโภคภัณฑ์ หรือ Commodity ETF
- อ้างอิงดัชนีราคาทองคำ หรือ Gold ETF
นโยบายการลงทุนใน ETF
ETF ส่วนใหญ่มีนโยบายการบริหารจัดการลงทุนในเชิงรับ หรือที่เรียกว่า Passive Management Strategy ที่เน้นสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนี หรือราคาของสินทรัพย์ที่กองทุนใช้อ้างอิงมากที่สุด ไม่ได้เป็นการบริหารจัดการลงทุนในเชิงรุก หรือเรียกว่า Active Management Strategy เพื่อเอาชนะตลาดเหมือนกองทุนรวมส่วนใหญ่ จึงทำให้ ETF มีค่าใช้จ่ายตลอดจนค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการที่ต่ำกว่ากองทุนรวมทั่วไป
ลงทุนใน ETF รับผลตอบแทนแบบไหน
การลงทุนใน ETF จะได้รับผลตอบแทนเป็น 2 แบบ ได้แก่
- กำไรจากส่วนต่างของราคา (capital gain) โดยหากผู้ลงทุนที่สามารถซื้อหน่วย ETF ในราคาต่ำแล้วสามารถขายได้ในราคาสูงกว่าตอนที่ซื้อมา จะได้รับกำไรจากส่วนต่างของราคา
- เงินปันผล (dividend) ผู้ลงทุนจะได้รับเงินปันผลจากการถือหน่วย ETF ซึ่งได้มาจากเงินปันผลของบริษัทที่เป็นองค์ประกอบของ SET50 Index โดยผู้จัดการกองทุนจะจัดสรรเงินปันผล หลังจากหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายของกองทุน
เบื้องต้นเราได้เห็นแล้วว่า การลงทุนใน ETF มีหลากหลายประเภท แต่ที่นิยม และนักลงทุนคุ้นเคยกันมากที่สุดเห็นที่จะเป็นการลงทุนที่อ้างอิงกับดัชนีหุ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การลงย่อมมีความเสี่ยง เพราะฉะนั้นแล้วก่อนตัดสินใจเข้ามาลงทุน ก็ควรที่จะศึกษาให้ดีเสียก่อนนะคะ
มีประสบการณ์สร้างสรรค์ผลงานออนไลน์ 10 ปี เขียนด้านเงิน การลงทุน บทความวิเคราะห์สถานการณ์การเงินในประเทศ และฝากผลงานไว้ที่ Rabbit Care ถึง 4 ปี