อนาคต Crypto future investment เติบโตขนาดไหน?

หากย้อนกลับไปเมื่อช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา ตลาดคริปโทเคอร์เรนซี เริ่มเป็นที่รู้จักของนักลงทุนไทย จนกระทั่งถึงปัจจุบันที่มีนักลงทุนจำนวนมากต่างให้ความสนใจกันอย่างคึกคัก และคาดว่าในอนาคตมีโอกาสที่จะเติบโตเพิ่มมากขึ้น หลังจากที่สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่หลายแห่งต่างเข้ามาในตลาดนี้บ้างแล้ว โดยเฉพาะบิทคอยน์ ซึ่งถือว่าเป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่น่าสนใจ

อนาคต Cryptocurrency ที่สดใส

ต้องยอมรับว่าช่วงหลายปีก่อนคนที่ลงทุนในตลาด Cryptocurrency มีน้อยมาก เพราะยังไม่มั่นใจทำให้ไม่เกิดความคึกคักเท่ากับปัจจุบันนี้ และยิ่งในช่วงที่ราคาบิทคอยปรับเพิ่มขึ้น เรายิ่งจะเห็นนักลงทุนหน้าใหม่ ๆ ที่เข้ามาลงทุนในตลาดกันเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อยและรายใหญ่ที่เราจะสังเกตเห็นได้จากช่องทางโซเชียล

ทั้งนี้ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่า ในช่วงที่ตลาด Cryptocurrency ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี คงดูได้จากการลงทุนในบิทคอยน์ได้รับการยอมรับมากขึ้น โดยการเพิ่มช่องทางการลงทุนซื้อขาย บิทคอยน์ผ่าน Paypal โดยใช้แพลตฟอร์ม Wallet Digital ของ Paypal ที่มีทั้ง 20 ล้านร้านค้า และสมาชิกผู้ใช้ทั่วโลกอยู่ 346 ล้านสมาชิก รวมไปถึงความร่วมมือของ Visa และ USDC ซึ่งจะทำให้ร้านค้าจำนวน 60 ล้านร้านค้าทั่วโลกเข้าถึงการใช้เงิน Cryptocurrency ในอนาคตได้มากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ หากลองพิจารณาดูจะเห็นได้ว่า ความน่าเชื่อถือของการลงทุนใน Cryptocurrency ในอนาคตยังมีอยู่มาก เพราะปัจจุบันบริษัทขนาดใหญ่ในสหรัฐฯต่างให้ความสำคัญลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้นอย่างก้าวกระโดดถ้าเทียบกับช่วง 3 ปีที่ผ่านมา อาทิ

•  MicroStrategy ซื้อบิทคอยน์ไปถึง 650 ล้านดอลลาร์ ที่ช่วงราคาประมาณ 21,925 ดอลลาร์
  
  

•  MassMutual ซื้อทั้งบิทคอยน์และหุ้นส่วนของ NYDIC ซึ่งเป็นบริษัทการเงินที่เน้นการลงทุนในบิทคอยน์เป็นเงิน 100 ล้านดอลลาร์
  
  

• เจ้าของ Hedge Fund ขนาดหลายพันล้านดอลลาร์ที่มีชื่อเสียง เช่น Paul Tudor Jones, Ruffer Investment Hedge Fund ลงทุนในบิทคอยน์ไป 745 ล้านดอลลาร์
  
  

• SkyBridge Capital Hedge Fund เข้าซื้อบิทคอยน์ไป 182 ล้านดอลลาร์, One River Asset Management เข้าซื้อบิทคอยน์ไป 600 ล้านดอลลาร์ และตั้งใจจะซื้ออีกจนครบ 1 พันล้านดอลลาร์
  
  

• 10 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถือบิทคอยน์สูงสุด นำโดย MICROSTRATEGY มีมูลค่า 3,326.49 ล้านดอลลาร์ รองลงมาเป็น TESLA มีมูลค่า 2,021.40 ล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันตลาดคริปโทเคอร์เรนซี มีมูลค่าทางตลาดอยู่ที่ 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ โดย บิทคอยน์มีมูลค่าทางการตลาดสูงถึง 60% เนื่องจากนักลงทุนมองว่า การลงทุนประเภทนี้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มีสภาพคล่อง เพิ่มมากขึ้น เพราะนักลงทุนต่างนำเงินมาลงที่บิทคอยน์ จนทำให้มีราคาเพิ่มมากขึ้นได้

นอกจากนี้ ปัจจัยที่ที่ทำให้คริปโทเคอร์เรนซีมีราคาสูง คือ การยอมรับในตลาดการซื้อขาย ไม่เพียงแต่ในต่างประเทศเท่านั้นที่ใช้ซื้อขายสิ่งของ แต่ในไทยเองก็สามารถทำได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น การซื้อสุดยอดซุปเปอร์คาร์ในดวงใจของใครหลายคน อย่าง Lamborghini กับบริษัท Spyder, ศัลยกรรมเพื่อแก้ไขส่วนที่บกพร่อง หรือเสริมบุคลิกภาพ กับ Vertex Clinic, ซื้อคอนโด ในเครือโครงการของ Ananda, ดูหนัง ด้วยคริปโทฯ กับ Major Cineplex, ใช้จ่ายตามร้านอาหารต่างๆ ที่เปิดรับการชำระ หรือแม้แต่จ้างดารา นักร้อง ศิลปิน ต่างๆ ที่แจ้งว่าเปิดรับค่าจ้างด้วยสกุลเงินดิจิตอล เป็นต้น

และในอนาคตคาดว่า จะมีนักลงทุนรายใหม่ ๆ ต่างทยอยเข้ามาเพิ่มมากยิ่งขึ้นเช่นกัน

คริปโทเคอร์เรนซี่ สินทรัพย์ปลอดภัยที่โตได้

คุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ มีมุมมองต่อตลาดคริปโทเคอร์เรนซีมีการเติบโตขึ้นไปอีก จากเหตุผล 2 หลักที่สำคัญคือ 

ขณะเดียวกัน จากการยอมรับคริปโทเคอร์เรนซี่ในปัจจุบัน ทำให้ล่าสุด ณ วันที่ 17 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา หลังจากบริษัทกลับมาเปิดรับลูกค้าใหม่เพียงไม่กี่สัปดาห์ ส่งผลให้ Bitkub มีผู้เข้าใช้งานบนแพลตฟอร์มอย่างล้นหลาม พร้อมกับราคาบิทคอยน์พุ่งทะยานสู่ 1.2 ล้านบาท ส่งผลให้บิทคับมีมูลค่าการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลรวมกว่า 13,000 ล้านบาท ซึ่งขึ้นไปถึงอันดับที่ 15 ของโลกจากการจัดอันดับบนเว็บไซต์ Coingecko.com อีกด้วย

สนใจลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลกับ Bitkub ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน

สมัครได้เลย!

คะน้าใบเขียว

นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct