แคร์เรื่องประกันสุขภาพ

ใครบ้างที่ต้องรีบซื้อประกันสุขภาพในต้นปี 67?

ผู้เขียน : Tawan
Tawan

Tawan มีประสบการณ์สร้างสรรค์ผลงานออนไลน์ 2 ปี เขียนด้านยานยนต์ ประกันยานยนต์ที่ Rabbit Care และ Asia Direct มีใบอนุญาตเป็นนายหน้าประกันชีวิตและนายหน้าประกันวินาศภัย มีความเชี่ยวชาญด้านประกันรถยนต์และประกันชีวิต

close
linkedin icon
แก้ไขโดย : คะน้าใบเขียว
คะน้าใบเขียว

นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct

close
linkedin icon
 
Published: December 15,2021
  
Last edited: March 9, 2022
Who Must Choose To Buy Health Insurance Before This End Year

แม้ว่าคุณจะเตรียมพร้อมรับความเสี่ยงปัญหาสุขภาพด้วยประกันสุขภาพดีแค่ไหน แต่ในยุค New Normal ที่สถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนแบบนี้ ประกันที่คุณมีอาจมีความคุ้มครองไม่เพียงพอต่อทั้งไวรัสสายพันธุ์ใหม่ โรคภัยไข้เจ็บทั่วไป โรคร้ายแรงถึงชีวิต หรือแม้กระทั่งค่ารักษาพยาบาลที่น้อยกว่าความเป็นจริง

สมัครประกันสุขภาพกับน้องแคร์ รับบริการปรึกษาแพทย์ฟรี! ไม่ต้องไปโรงพยาบาล
icon angle up or down

เลือกแผนประกันสุขภาพที่คุณสนใจ

    ชื่อนามสกุล

    หมายเลขโทรศัพท์

    แรบบิท แคร์ สรุปมาให้แล้วว่าใครบ้างที่ควรซื้อประกันสุขภาพตั้งแต่ต้นปี 65 นี้ และต้องทำตัวอย่างไรเมื่อต้นปี 65 นี้ คือ โอกาสที่ดีที่สุดในการซื้อประกันสุขภาพสำหรับทั้งคนที่มีประกันอยู่แล้ว และยังไม่มี

    1. คนที่มีทั้งประกันสุขภาพ และประกันโควิด-19 อยู่แล้ว

    สำหรับคนที่มีประกันสุขภาพครบถ้วนแล้ว ต้องไม่ลืมตรวจสอบแผนประกันให้ยังคงมีความคุ้มครองต่อเนื่อง และครอบคลุมกับโรคร้ายแรงและค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 6% – 8% ทุกปี

    1.1 ความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้น (จำนวนโรคร้ายแรง)

    แม้ว่าหลายคนจะเตรียมพร้อมรับความเสี่ยงปัญหาสุขภาพให้กับตัวเองเป็นอย่างดี ด้วยการซื้อประกันสุขภาพเหมาจ่าย หรือประกันสุขภาพไม่ต้องสำรองจ่ายตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ก็อาจลืมต่ออายุกรมธรรม์ หรือลืมทบทวนความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้นตามอายุ ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงในการเป็นโรคร้ายแรงที่มีจำนวนโรคเพิ่มมากขึ้น จากโรคไม่ติดต่อเรื้อรั้ง (Non-Communicable Diseases – NCDs) ที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของคนไทยต่อเนื่องตลอด 5 ปีซ้อน เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคทางระบบหัวใจ หรือโรคมะเร็งต่างๆ ทำให้ไม่ได้รับความคุ้มครองในความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้น

    1.2 อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มมากขึ้น

    ค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ เฉลี่ย 6% – 8% ต่อปี และจะแพงขึ้นอีกเท่าตัวในอีก 10 ปี ข้างหน้า ตัวอย่างเช่น ในปัจจุบันได้ทำประกันที่มีค่าห้องพยาบาล จำนวน 5,000 บาท แต่เมื่อค่ารักษาพยาบาลมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 8% เท่ากับว่าในปีหน้า อาจต้องหาแบบประกันที่มีค่าห้องมากกว่า 5,400 บาท หรือในปัจจุบันมีต้นทุนในการรักษาไข้หวัดอยู่ที่ 1,500 บาท ใน 10 ปีข้างหน้า อาจมีต้นทุนในการรักษาเพิ่มสูงขึ้นถึง 3,000 บาทก็เป็นได้ 

    ทำให้อาจพูดได้ว่าแม้จะทำประกันเตรียมไว้ก่อน และได้รับความคุ้มครองบางส่วนแล้ว แต่ถ้าไม่ตรวจสอบความคุ้มครองให้เพียงพอ ก็จะไม่สามารถใช้ประกันได้อย่างเต็มที่ 

    1.3 สิทธิลดหย่อนภาษีเพิ่มมากขึ้น (ประกันสุขภาพพ่อแม่)

    หลายคนอาจไม่รู้ว่าประกันสุขภาพลดหย่อนภาษี ไม่ได้ใช้สิทธิลดหย่อนได้แค่ประกันที่ทำให้กับตัวเองเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงประกันสุขภาพที่ทำให้พ่อแม่ก็สามารถนำมาใช้ลดหย่อนภาษีเพิ่มได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาทอีกด้วย

    ทำให้คนที่มีประกันอยู่แล้ว และเลือกซื้อเพิ่มให้กับตัวเอง หรือพ่อแม่ในช่วงต้นปี 65 นี้ จะได้รับความคุ้มครองที่ครบถ้วนมากขึ้น ทั้งจำนวนโรคร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้น และค่ารักษาพยาบาลที่เพียงพอ พร้อมกับได้ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง

    2. คนที่ไม่มีประกันสุขภาพ และมีแต่ประกันโควิด-19

    ใครที่ยังไม่มีประกันสุขภาพ และเน้นซื้อแต่ประกันโควิด-19 โดยเฉพาะประเภทเจอจ่ายจบ ควรต้องรีบซื้อประกันเพิ่มตั้งแต่ต้นปี 65 เนื่องจากอาจไม่ได้รับความคุ้มครองต่อเนื่อง

    Why Individual Who Has Only COVID-19 Insurance Must Choose To Buy More Health Insurance Before This End Year

    2.1 สถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ไม่แน่นอน

    เมื่อยอดเคลมประกันโควิดยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้บริษัทประกันภัยหลายรายไม่สามารถจ่ายค่าชดเชยได้อย่างรวดเร็วเท่าที่ควร และอาจนำไปสู่การพิจารณาขอยกเลิก หรือไม่รับต่อกรมธรรม์ประกันโควิดเมื่อครบกำหนดความคุ้มครอง

    ประกันภัยโควิดประเภทเจอจ่ายจบ จะจ่ายค่าชดเชยเฉพาะเมื่อมีการตรวจพบเชื้อโควิด-19 เท่านั้น โดยมีวงเงินชดเชยตั้งแต่ระหว่าง 10,000 – 200,000 บาทต่อกรมธรรม์ โดยจะไม่มีวงเงินผลประโยชน์ในส่วนของค่ารักษาพยาบาล หรือค่าชดเชยรายวันกรณีที่ต้องเข้าพักรักษาที่โรงพยาบาล ทำให้นอกจากจะเสียโอกาสในการเข้ารับการรักษาอย่างรวดเร็วในโรงพยาบาลชั้นนำใกล้บ้านแล้ว ยังจะไม่ได้รับความคุ้มครองปัญหาสุขภาพและโรคร้ายแรงอื่นๆ ที่นอกเหนือจากการติดเชื้อไวรัสโควิดอีกด้วย

    ในขณะที่ประกันสุขภาพส่วนใหญ่จะขยายความคุ้มครองเพิ่มเติมในส่วนของค่ารักษาพยาบาลที่เกี่ยวกับการติดเชื้อและเจ็บป่วยจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายในการตรวจหาเชื้อไวรัส หรือความคุ้มครองการฉีดวัคซีน COVID-19 ทำให้ได้รับทั้งความคุ้มครองสุขภาพและโรคร้ายแรง ไปจนถึงการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยไม่ต้องซื้อประกันภัยโควิดแยกเพิ่มเติมแต่อย่างใด

    2.2 สิทธิลดหย่อนภาษีเพิ่มมากขึ้น (ประกันสุขภาพตัวเอง)

    หากเลือกซื้อเฉพาะประกันโควิดอย่างเดียว ก็จะเสียสิทธิลดหย่อนภาษีด้วยเบี้ยประกันสุขภาพที่ทำให้ตัวเอง ซึ่งปัจจุบันได้ปรับให้ใช้สิทธิลดหย่อนได้ตามจำนวนเบี้ยที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 25,000 บาท จากเดิมที่สามารถลดหย่อนได้เพียง 15,000 บาทเท่านั้น โดยต้องแจ้งขอใช้สิทธิลดหย่อนกับบริษัทประกันภัยก่อนภายในก่อนทุกสิ้นเดือน ธ.ค. จึงจะสามารถใช้สิทธิลดหย่อนนี้ได้

    การซื้อประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายในช่วงต้นปี 65 นี้ จะช่วยให้ได้รับความคุ้มครองปัญหาสุขภาพ โรคร้ายแรง และการติดเชื้อโควิด-19 อย่างต่อเนื่องทันที โดยไม่ต้องรอลุ้นต่อประกันโควิด-19 ที่จะทยอยสิ้นสุดความคุ้มครองภายในเดือน มิ.ย. 65 นี้ และจะได้ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเต็มสิทธิ์อีกด้วย

    3. คนที่ยังไม่เคยมีประกันสุขภาพมาก่อน

    สำหรับใครที่ยังไม่เคยมีประกันสุขภาพมาก่อน ควรรีบเปรียบเทียบประกันและเลือกทำอย่างน้อย 1 กรมธรรม์ภายในปี 65 เพื่อให้ยังได้รับความคุ้มครองครบถ้วน ก่อนตรวจพบโรคร้ายแรง

    Why Individual Who Has No Health Cover Must Choose To Buy At Least One Health Insurance Before This End Year

    3.1 ความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้น (ประวัติการรักษาของตนเองและบุคคลในครอบครัว)

    หากตัดสินใจทำประกันในวันที่ตรวจพบปัญหาสุขภาพหรือโรคร้ายแรง และมีประวัติการรักษาไปเเล้ว บริษัทประกันภัยอาจขอเพิ่มข้อยกเว้นความคุ้มครองโรคที่เพิ่งตรวจพบก่อนเริ่มทำประกัน หรืออาจรับประกัน แต่ขอให้จ่ายเบี้ยสูงขึ้นกว่าปกติ 25% – 50% รวมไปถึงอาจปฏิเสธการทำประกันไปเลยก็เป็นได้

    นอกจากนั้นแล้ว หากคนใกล้ชิดในครอบครัวเคยมีประวัติเจ็บป่วยหรือเสียชีวิตด้วยโรคร้ายแรง บริษัทประกันภัยจะนำข้อมูลตรงนี้ไปใช้พิจารณารับประกันร่วมด้วย ซึ่งอาจทำให้กรมธรรม์มีวงเงินความคุ้มครองน้อยลง และต้องจ่ายเบี้ยแพงกว่าปกติ เมื่อเทียบกับการทำประกันของคนทั่วไปที่ไม่มีประวัติปัญหาสุขภาพและโรคร้ายแรงทั้งกับตัวเองและคนในครอบครัว

    การทำประกันสุขภาพในวันที่ ‘สุขภาพ’ ยังพร้อมอยู่ จะทำให้ได้เปรียบ และไม่พลาดโอกาสรับประโยชน์สูงสุดจากการทำประกัน เพราะจะได้รับความคุ้มครองปัญหาสุขภาพและโรคร้ายแรงครบถ้วนโดยไม่ต้องมีโรคที่ยกเว้นความคุ้มครอง และไม่ต้องจ่ายเบี้ยสูงกว่าเกณฑ์ปกติ

    3.2 มาตรฐานประกันสุขภาพแบบใหม่ที่เปลี่ยนไป 

    แม้ว่าการปรับมาตรฐานประกันสุขภาพแบบใหม่ที่เริ่มบังคับใช้มาตั้งแต่ 8 พ.ย. 64 ที่ผ่านมา จะให้ผู้ทำประกันได้รับผลประโยชน์เพิ่มมากขึ้น ตัวอย่างเช่น การกำหนดให้ต่ออายุในปีถัดไปได้แม้ว่าจะมีการเคลมโรคร้ายแรง หรือการกำหนดรายละเอียดการรักษาโรคมะเร็งด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้ชัดเจนขึ้น ซึ่งเป็นเหตุให้บริษัทประกันภัยเริ่มเตรียมหยุดขายประกันมาตรฐานเดิม และทยอยส่งประกันมาตรฐานใหม่มาให้เลือกซื้อกัน

    แต่ประกันที่ใช้มาตรฐานประกันสุขภาพแบบเก่าบางตัวที่มีความคุ้มครองสูง คุ้มค่าเบี้ยประกัน กำลังจะหยุดขายภายในปี 65 โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเบี้ยประกันและเงื่อนไขความคุ้มครองในกลุ่มประกันเหมาจ่ายทั้งในแบบมาตรฐานเดิม และมาตรฐานใหม่ที่เหมาจ่ายทุกรายการตามจริงไม่จำกัด ไม่ว่าจะเป็นระดับค่าห้อง วงเงินผู้ป่วยใน/นอก หรือแม้กระทั่งค่าคีโม ฉายแสง ล้างไต และค่ารักษามะเร็งแบบ Targeted Therapy

    ทำให้ยิ่งเห็นความโดดเด่นของประกันมาตรฐานเดิมบางตัวที่ควรต้องรีบซื้อไว้ก่อนภายในปีนี้อย่างยิ่ง เมื่อแบบประกันมาตรฐานเดิมยกเลิกการขายไปเเล้ว จะไม่เปิดขายให้กับลูกค้าใหม่ แต่อาจจะเปิดให้ต่อสัญญาแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

    คนที่ซื้อประสุขภาพภายในต้นปี 65 นี้ จะมีโอกาสทำประกันในขณะที่ยังสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี ไม่โดนจ่ายเบี้ยเพิ่ม หรือยกเว้นความคุ้มครองเฉพาะบางโรค และยังจะได้เลือกแบบประกันมาตรฐานเก่าที่ความคุ้มครองสูงที่กำลังจะเลิกขายในปี 65 นี้ โดยอาจเลือกต่อสัญญากรมธรรม์เดิม หรือเปลี่ยนไปซื้อประกันมาตรฐานใหม่ในปีหน้าที่อาจมีความคุ้มครองที่ดีกว่าได้

    บทสรุปส่งท้าย

    จากเหตุผลที่รวบรวมมาทั้งหมด จะเห็นได้ว่าต้นปี 65 นี้ คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเลือกซื้อประกันสุขภาพที่คุ้มค่าและเหมาะสมให้กับตัวเอง หรือคนในครอบครัวมากที่สุด เพราะหากยังลังเลตัดสินใจนานกว่านี้ อาจพลาดโอกาสใช้สิทธิลดหย่อนภาษีหรือพลาดโอกาสเลือกประกันความคุ้มครองสูงที่เตรียมยกเลิกขายจากการปรับมาตรฐานประกันสุขภาพแบบใหม่ที่มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันนี้ 

    หรืออาจไม่ได้รับความคุ้มครองจากโรคร้ายแรง หรือการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ใดใดเลยเนื่องจากสถานการณ์การเเพร่ระบาดเชื้อไวรัสที่ไม่แน่นอน และจากการที่ไม่ได้ซื้อประกันติดตัวไว้เลย

    อยากรู้ว่าประกันสุขภาพที่ไหนดี? ให้ แรบบิท แคร์ ช่วยเปรียบเทียบประกันสุขภาพให้ฟรีสิ! เพราะ แรบบิท แคร์ รวมความแคร์ให้ครบ กับหลากหลายแผนประกันสุขภาพ พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่เลือกซื้อประกันกับ แรบบิท แคร์ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเท่านั้น รับสิทธิพิเศษเพิ่มทันทีไปเลย 


     

    บทความแคร์เรื่องประกันสุขภาพ

    Rabbit Care Blog Image 96541

    แคร์เรื่องประกันสุขภาพ

    เช็กลิสต์ สิ่งที่ต้องระวังเมื่อเลือกซื้อประกันสุขภาพ

    ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า การเลือกประกันสุขภาพให้กับตัวเอง หรือบุคคลที่เรารักนั้นสำคัญมาก
    คะน้าใบเขียว
    13/09/2024
    Rabbit Care Blog Image 96116

    แคร์เรื่องประกันสุขภาพ

    เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของประกันชีวิตผู้สูงอายุ

    เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ การมีประกันชีวิตที่เหมาะสมถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับคุณและครอบครัว
    Nok Srihong
    26/08/2024
    Rabbit Care Blog Image 96108

    แคร์เรื่องประกันสุขภาพ

    วิธีเลือกประกันสุขภาพให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ

    การเลือกประกันสุขภาพที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคุณเป็นเรื่องสำคัญ เพราะแต่ละคนมีความต้องการและรูปแบบการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันไป
    Nok Srihong
    26/08/2024