แคร์สุขภาพ

ริดสีดวง โรคใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม!

ผู้เขียน : คะน้าใบเขียว
คะน้าใบเขียว

นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct

close
linkedin icon
แก้ไขโดย : Thirakan T
Thirakan T

Thirakan Thongseenual เป็นนักเขียนที่มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี ที่ RabbitCare และ Asia Direct โดยมีความชำนาญในประกันรถยนต์ เน้นเขียนบทความที่เผยแพร่บน Blog และมีความเชี่ยวชาญด้าน SEO กว่า 4 ปี ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอได้ใช้ในการสร้างความรู้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของ RabbitCare อย่างมีประสิทธิภาพ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ปริญญาตรี สาขา Information Technology

close
linkedin icon
 
Published: June 24,2022
  
Last edited: May 8, 2024
ผ่าตัดริดสีดวง ประกันสังคม

เมื่อเอ่ยถึงโรคริดสีดวง หลายคนน่าจะคุ้นเคยกันดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคริดสีดวงทวาร แต่คุณรู้หรือไม่ ว่าเราสามารถเป็นริดสีดวงในที่อื่น ๆ ของร่างกายได้ด้วย! แล้วทำไมถึงเป็นโรคที่ไม่ควรมองข้าม? ผ่าตัดริดสีดวง ประกันสังคมได้หรือไม่? ถ้าซื้อประกันสุขภาพจะเคลมได้ไหม? ไปหาคำตอบเพิ่มเติมกับทาง แรบบิท แคร์ กันดีกว่า 

รู้จักกันให้มากขึ้น กับ โรคริดสีดวงทวาร

รู้หรือไม่ หนึ่งในปัญหายอดฮิตอันดับต้น ๆ ของไทย ก็คือเรื่องระบบการขับถ่ายนี่แหละ! และนี่เองที่ทำให้ริดสีดวงทวารกลายเป็นหนึ่งในโรคใกล้ตัวของคนไทย ทั้งยังสามารถเป็นได้ทุกเพศทุกวัย ส่วนใหญ่มักจะพบในคนที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป และมีคนจำนวนไม่น้อยต้องประสบปัญหากับโรคริดสีดวงทวารนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่มีอาการมาก อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันได้ เพราะในบางเวลาแม้จะนั่งก็ยังลำบาก หรือแม้แต่การรักษาบางรายอาจจะต้องเข้ารับการผ่าตัด

สำหรับโรคริดสีดวงทวารนั้น แบ่งออกเป็น  2  ประเภท

  • ริดสีดวงทวารภายใน ประเภทนี้อาจมองไม่เห็นก้อนริดสีดวงทวาร แต่เมื่อขับถ่ายแล้วอาจมีเลือดปนออกมาด้วย
  • ริดสีดวงทวารภายนอก จะเห็นก้อนเนื้อออกมาจากทวารหนักชัดเจน ก้อนริดสีดวงอาจหลุดกลับเข้าไปเองได้หรืออาจต้องดันกลับเข้าไปในทวารหนัก

อกเหนือจากการขับถ่ายได้ลำบากแล้ว ผู้ป่วยริดสีดวงทวารอาจมีอาการผิดปกติอื่นเกิดร่วมด้วย เช่น ช่องท้องจนเกิดอาการเจ็บ ๆ คัน ๆ เวียนหัว หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม  ซึ่งหากมีอาการดังกล่าว ควรรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคอื่นได้อีกด้วย

ริดสีดวงทวาร

ปัจจัยการเป็นโรคริดสีดวงทวารมาจากอะไรบ้างนะ?

เบื้องต้นแล้ว การเป็นริดสีดวงทวารมาจากการที่บริเวณปลายสุดของลำไส้ใหญ่ และที่ขอบรูทวารหนักโป่งพองและยื่นออกมา ซึ่งโรคเหล่านี้ แม้จะไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจน แต่มักมีปัจจัยมาจาก 

  • ภาวะท้องผูกเรื้อรัง บางครั้งทำให้ติดนิสัยนั่งขับถ่ายนาน หรือเบ่งเพื่อขับถ่าย
  • ท้องเสียถ่ายอุจจาระบ่อย ๆ
  • พฤติกรรมนั่งขับถ่ายเป็นระยะนาน เช่น อ่านหนังสือหรือเล่นสมาร์ตโฟนขณะถ่ายอุจจาระ
  • คนในครอบครัวเคยมีประวัติว่าเป็นโรคริดสีดวงทวารหนัก ทำให้มีโอกาสเป็นโรคนี้สูงกว่าปกติ
  • ใช้ยาสวนอุจจาระหรือยาระบายบ่อย
  • การตั้งครรภ์ ทำให้ฮอร์โมนเปลี่ยน มดลูกขยายใหญ่ขึ้นก็ทำให้ขับถ่ายลำบาก 
  • ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน
  • การทานอาหารที่มีกากใยน้อย
  • ไอเรื้อรัง
  • ป่วยเป็นโรคตับแข็งที่เส้นเลือดดำที่ทวารหนักโป่งพอง หรือเมื่ออายุมากขึ้นก็มีโอกาสที่เบาะรองเลื่อนจะยื่นออกจากทวารหนักได้

นอกจากนี้ยังพบอีกว่าโรคในช่องท้อง เช่น ตับแข็ง ก้อนเนื้องอกในช่องท้อง มะเร็งลำไส้ใหญ่ ต่อมลูกหมากโต ก็มีผลกระทบต่อหลอดเลือดดำที่ทวารหนัก ทำให้เกิดเรื่องของโรคริดสีดวงทวารด้วย

ประกันสุขภาพ

แค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ก็ป้องกันได้แล้ว!

ทางที่ดีที่สุดในการลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการเกิดโรคริดสีดวงทวาร คือการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ลง ไม่ว่าจะเป็น

  • ดูแลเรื่องระบบขับถ่ายให้เป็นนิสัย
  • ไม่กลั้นอุจจาระ เพราะจะส่งผลเสียต่อระบบขับถ่ายที่ผิดปกติและถ่ายได้ยากมากขึ้น
  • ระวังอย่าให้เกิดอาการท้องร่วง ท้องเดิน หรือท้องเสียบ่อย ๆ
  • ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่มีกากใยเพิ่มมากขึ้น เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืชประเภทต่าง ๆ
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เพื่อช่วยให้อุจจาระอ่อนนุ่มและขับถ่ายออกได้ง่าย
  • หลีกเลี่ยงการยกของหนัก
  • ออกกำลังกายให้เพียงพอ พยายามเคลื่อนไหวร่างกายอย่างสม่ำเสมอ

แล้วแบบนี้ ถ้าอยากรักษาเริ่มต้นอย่างไรดีกับโรคริดสีดวงทวาร? 

สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคริดสีดวงทวารไม่ต้องตกใจ หรือกังวลใจเกินไป เพราะเบื้องต้น ทางแพทย์จะทำการวินิจฉัยโรคเสียก่อนว่าผู้ป่วยนั้น เข้าข่ายการเป็นโรคริดสีดวงทวารหรือไม่ หรือในบางรายอาจมีการตรวจโรคแยกชัดเจนมากขึ้น เช่น หากมีแนวโน้มเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ก็อาจมีการตรวจสอบในเรื่องของลำไส้เพิ่มเติม เพื่อให้เกิดการรักษาที่ถูกต้องก่อนเสมอ

ในปัจจุบันการรักษาโรคริดสีดวงทวารสามารถรักษาได้หลายวิธี ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ประกอบกับชนิดของโรคและระดับความรุนแรง ดังนี้

กรณีที่ไม่รุนแรง

หากอาการเจ็บป่วยไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน ทางแพทย์จะแนะนำวิธีในการดูแลตนเองควบคู่กับการใช้ยา โดยเน้นให้มีการรับประทานอาหารที่มีกากใยเพิ่มขึ้น ดูแลบริเวณที่เป็นริดสีดวงทวารให้แห้งและสะอาด รวมถึงมีการแช่น้ำอุ่นบริเวณก้นเป็นประจำ ควบคู่กับการทายา พื่อช่วยให้บรรเทาอาการปวด คัน หรือเจ็บบริเวณที่เป็นริดสีดวงทวารน้อยลงได้

กรณีขั้นรุนแรง

หากเป็นขั้นรุนแรงหรืออาการของโรคส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แพทย์จะมีการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ เพิ่มเติมนอกเหนือจากการใช้ยาและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ป่วย โดยสามารถแบ่งย่อยได้อีก ดังนี้ 

รักษาด้วยการฉีดยา

เพื่อให้หลอดเลือดเกิดการตีบและหดตัวกลับเข้าไป อาจก่อให้เกิดอาการปวดเล็กน้อยขณะฉีดยา จะเหมาะกับผู้ป่วยที่มีริดสีดวงทวารหลายหัว

รักษาด้วยการใช้ยางรัด

เพื่อตัดการไหลเวียนของเลือดบริเวณนั้น ทำให้เกิดการฝ่อและแห้งของริดสีดวงทวารภายใน 1 สัปดาห์ มีข้อดีตรงที่ไม่ต้องเสียเลือดและไม่ต้องเย็บแผล 

รักษาริดสีดวง

รักษาด้วยการจี้ริดสีดวงทวารด้วยเลเซอร์อินฟราเรด หรือเครื่องจี้ไฟฟ้า 

เป็นการใช้ความร้อนหรือเลเซอร์จี้ไปที่หัวริดสีดวงทวาร ปัจจุบันเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะไม่ต้องเย็บแผล และสามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติโดยที่ไม่ต้องพักฟื้นนาน ใกล้เคียงกับการรักษาด้วยวิธีผ่าตัด

รักษาด้วยการผ่าตัด 

เป็นวิธีใช้การรักษาโรคริดสีดวงทวารที่อยู่ในระยะรุนแรง โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 วิธี คือ

  • ผ่าตัดมาตรฐาน เป็นการผ่าเอาก้อนเนื้อออกไปแล้วเย็บปิดปากแผล ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ขึ้นไป นอนรพ. ประมาณ 1-2 วัน และพักที่บ้านประมาณ 1 สัปดาห์ 
  • ผ่าตัดด้วยเครื่องมือตัดเย็บอัตโนมัติ ใช้เวลาน้อยในการผ่าตัด ทำได้เฉพาะคนที่เป็นริดสีดวงภายในเท่านั้น หลังการผ่าตัดใช้เวลาพักฟื้นแค่ 2-3 วัน และฟื้นตัวได้เร็ว
  • ผ่าตัดเย็บหลอดเลือดริดสีดวง ต้องบล็อกหลังและดมยาสลับก่อนผ่าตัดต้องเปิดแผลเข้าไปแล้วก็เย็บหลอดเลือดที่หล่อเลี้ยงริดสีดวงเพื่อให้หดหรือฝ่อลง

รู้หรือไม่ จมูกก็เป็นริดสีดวงได้นะ!

หลายคนคุ้นชินกับโรคริดสีดวงทวาร แต่แท้จริงแล้ว จมูกเองก็สามารถเป็นริดสีดวงได้เหมือนกัน! โดยริดสีดวงจมูกนี้ จะเป็นผลกระทบมาจากการอักเสบและติดเชื้อของไซนัส ซึ่งพบได้บ่อยในกลุ่มผู้ป่วยเป็นโรคหอบหืด มีอาการภูมิแพ้ 

และเมื่อกิดการระคายเคือง อักเสบซ้ำ ๆ บ่อย ๆ จนส่งผลให้เกิดการบวมของเยื่อบุ บางรายมีอาการของเหลวไหลออกจากหลอดเลือดจนเกิดการบวมเรื้อรัง และกลายเป็นก้อนในโพรงจมูก ทำให้ไซนัสตีบแคบ และทำให้การไหลเวียนอากาศผิดปกติ โดยอาการที่บ่งบอกว่าคุณกำลังเสี่ยงเป็นโรคริดสีดวงจมูกนั้น สามารถเช็กได้ ดังนี้

  • คัดจมูก มีปัญหาในการรับกลิ่น หรือรสชาติ
  • มีน้ำมูกไหลลงคอ
  • น้ำมูกมีสีเขียว หรือเหลือง บางรายอาจข้นเหนียวเนื่องจากการติดเชื้อ ร่วมกับน้ำมูกมีกลิ่นเหม็น
  • รู้สึกปวด แน่น บริเวณใบหน้าและหน้าผาก
  • นอนกรน หรือมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

ซึ่งนี่เป็นเพียงอาการบางอย่างเท่านั้น นอกจากพบแพทย์แล้ว ควรดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เพราะแม้ริดสีดวงจมูกจะมีขั้นตอนรักษาที่ยุ่งยากน้อยกว่า แต่นี่คือโรคที่สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีกในอนาคต!

สำหรับการป้องกันและหลีกเลี่ยงโรคริดสีดวงจมูกสามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนี้ 

  • หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง หรือการอักเสบของโพรงจมูก เช่น สารก่อภูมิแพ้ ควันบุหรี่ หรือฝุ่นละออง
  • ดูแลเรื่องสุขอนามัยให้ตัวเองอยู่เสมอ เช่น ล้างมือให้สะอาด เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัส และแบคทีเรีย
  • ให้ความสำคัญกับการล้างจมูกโดยใช้น้ำเกลือเพื่อชะล้างสารก่อภูมิแพ้และลดการระคายเคืองของจมูก

ผ่าตัด ประกันสังคม

ไขข้อข้องใจ ผ่าตัดริดสีดวง ประกันสังคม ฟรี จริงหรือ? 

สำหรับใครที่อยากจะรักษาริดสีดวงทวารนั้น อย่างที่เราได้กล่าวไปในข้างต้นแล้วว่า การรักษาโรคริดสีดวงทวาร ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ทางแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาเองว่าผู้ป่วยเหมาะกับการรักษาแบบไหนเป็นหลัก

ซึ่งการรักษาที่หลายคนมักจะกังวลในเรื่องค่าใช้จ่ายคงหนีไม่พ้นหารต้องรักษาด้วยวิธีผ่าตัดนั่นเอง โดยการผ่าตัดริดสีดวง ประกันสังคมก็สามารถเบิกเคลมได้ฟรี โดยที่ไม่ต้องขอสินเชื่อ หรือออกค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด! แต่ทั้งนี้ จะมีเงื่อนไขว่า แพทย์ต้องลงความเห็นให้รักษาด้วยการผ่าตัดเท่านั้น

แต่ในบางกรณี การเข้าคิวรับการรักษาด้วยประกันสังคม ผู้ป่วยอาจจะต้องทนทรมานกว่าจะถึงคิวผ่าตัด รวมถึงบางผู้ป่วยที่แพทย์เสนอทางเลือกการรักษาทางอื่น ๆ ก่อน เช่น การทานยา ฉีดยา แต่ในกรณีนี้ หากใครที่ซื้อประกันสุขภาพส่วนตัวอยู่แล้ว อยากเปลี่ยนเป็นโรงพยาบาลเอกชนเพื่อความรวดเร็วในด้านการรักษาก็สามารถทำได้ 

โดยการรักษาริดสีดวงทวารแบบฉีดยา รวมไปถึงการรักษาของโรคริดสีดวงจมูก ที่ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล จะจัดเป็น ผู้ป่วย OPD ย่อมาจาก ผู้ป่วยนอก ส่วนมากจะเข้ารับการรักษาด้วยอาการป่วยที่ไม่รุนแรง

ส่วนผู้ที่รักษาริดสีดวงด้วยประเภทของการผ่าตัด หรือต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลติดต่อกันไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง แบบนี้จะถูกนับว่าเป็นผู้ป่วย IPD ย่อมาจาก ผู้ป่วยใน นั่นเอง 

ดังนั้น การเลือกซื้อประกันสุขภาพติดตัวเอาไว้ จะช่วยให้คุณเบิกเคลมค่ารักษาได้ทั้งโรคภัยอื่น ๆ หรือแม้แต่โรคริดสีดวงทวารที่ต้องผ่าตัดได้ ให้คุณอุ่นใจได้แม้จะเจ็บป่วยอะไรก็ตาม

คลิกเลย! ประกันสุขภาพ กับ แรบบิท แคร์ ที่นี้ นอกจากจะมีประกันสุขภาพ IPD – OPD แล้ว ยังมีบริการเปรียบเทียบประกันสุขภาพสุดพิเศษให้เลือกประกันสุขภาพได้ตรงใจ คุ้มครอง ครอบคลุม ด้วยเบื้ยประกันที่จับต้องได้และคุ้มค่า!

นอกจากนี้ แรบบิท แคร์ ยังมีประกันโรคร้ายแรงสำหรับใครที่กังวลถึงโรคมะเร็ง โรคหัวใจ เบาหวาน หรือประกันโรคอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย 


 

บทความแคร์สุขภาพ

Rabbit Care Blog Image 89748

แคร์สุขภาพ

โรคพุ่มพวงคืออะไร มีอาการอย่างไร อันตรายถึงชีวิตหรือไม่ ?

โรคที่คนไทยเรียกกันจนติดปากว่าโรคพุ่มพวง เนื่องจากคนไทยเรารู้จักโรคนี้กันอย่างแพร่หลายเมื่อศิลปินชื่อดังอย่างคุณพุ่มพวง ดวงจันทร์
Nok Srihong
23/05/2024