
เช็กลิสต์ 10 พฤติกรรมที่คุณ(อาจ)พลาด ขณะเลือกซื้อประกันสุขภาพ
เมื่อเอ่ยถึงโรคริดสีดวง หลายคนน่าจะคุ้นเคยกันดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคริดสีดวงทวาร แต่คุณรู้หรือไม่ ว่าเราสามารถเป็นริดสีดวงในที่อื่น ๆ ของร่างกายได้ด้วย! แล้วทำไมถึงเป็นโรคที่ไม่ควรมองข้าม? ผ่าตัดริดสีดวง ประกันสังคมได้หรือไม่? ถ้าซื้อประกันสุขภาพจะเคลมได้ไหม? ไปหาคำตอบเพิ่มเติมกับทาง แรบบิท แคร์ กันดีกว่า
รู้หรือไม่ หนึ่งในปัญหายอดฮิตอันดับต้น ๆ ของไทย ก็คือเรื่องระบบการขับถ่ายนี่แหละ! และนี่เองที่ทำให้ริดสีดวงทวารกลายเป็นหนึ่งในโรคใกล้ตัวของคนไทย ทั้งยังสามารถเป็นได้ทุกเพศทุกวัย ส่วนใหญ่มักจะพบในคนที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป และมีคนจำนวนไม่น้อยต้องประสบปัญหากับโรคริดสีดวงทวารนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่มีอาการมาก อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันได้ เพราะในบางเวลาแม้จะนั่งก็ยังลำบาก หรือแม้แต่การรักษาบางรายอาจจะต้องเข้ารับการผ่าตัด
สำหรับโรคริดสีดวงทวารนั้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
อกเหนือจากการขับถ่ายได้ลำบากแล้ว ผู้ป่วยริดสีดวงทวารอาจมีอาการผิดปกติอื่นเกิดร่วมด้วย เช่น ช่องท้องจนเกิดอาการเจ็บ ๆ คัน ๆ เวียนหัว หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม ซึ่งหากมีอาการดังกล่าว ควรรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคอื่นได้อีกด้วย
เบื้องต้นแล้ว การเป็นริดสีดวงทวารมาจากการที่บริเวณปลายสุดของลำไส้ใหญ่ และที่ขอบรูทวารหนักโป่งพองและยื่นออกมา ซึ่งโรคเหล่านี้ แม้จะไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจน แต่มักมีปัจจัยมาจาก
นอกจากนี้ยังพบอีกว่าโรคในช่องท้อง เช่น ตับแข็ง ก้อนเนื้องอกในช่องท้อง มะเร็งลำไส้ใหญ่ ต่อมลูกหมากโต ก็มีผลกระทบต่อหลอดเลือดดำที่ทวารหนัก ทำให้เกิดเรื่องของโรคริดสีดวงทวารด้วย
ทางที่ดีที่สุดในการลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการเกิดโรคริดสีดวงทวาร คือการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ลง ไม่ว่าจะเป็น
สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคริดสีดวงทวารไม่ต้องตกใจ หรือกังวลใจเกินไป เพราะเบื้องต้น ทางแพทย์จะทำการวินิจฉัยโรคเสียก่อนว่าผู้ป่วยนั้น เข้าข่ายการเป็นโรคริดสีดวงทวารหรือไม่ หรือในบางรายอาจมีการตรวจโรคแยกชัดเจนมากขึ้น เช่น หากมีแนวโน้มเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ก็อาจมีการตรวจสอบในเรื่องของลำไส้เพิ่มเติม เพื่อให้เกิดการรักษาที่ถูกต้องก่อนเสมอ
ในปัจจุบันการรักษาโรคริดสีดวงทวารสามารถรักษาได้หลายวิธี ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ประกอบกับชนิดของโรคและระดับความรุนแรง ดังนี้
หากอาการเจ็บป่วยไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน ทางแพทย์จะแนะนำวิธีในการดูแลตนเองควบคู่กับการใช้ยา โดยเน้นให้มีการรับประทานอาหารที่มีกากใยเพิ่มขึ้น ดูแลบริเวณที่เป็นริดสีดวงทวารให้แห้งและสะอาด รวมถึงมีการแช่น้ำอุ่นบริเวณก้นเป็นประจำ ควบคู่กับการทายา พื่อช่วยให้บรรเทาอาการปวด คัน หรือเจ็บบริเวณที่เป็นริดสีดวงทวารน้อยลงได้
หากเป็นขั้นรุนแรงหรืออาการของโรคส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แพทย์จะมีการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ เพิ่มเติมนอกเหนือจากการใช้ยาและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ป่วย โดยสามารถแบ่งย่อยได้อีก ดังนี้
รักษาด้วยการฉีดยา
เพื่อให้หลอดเลือดเกิดการตีบและหดตัวกลับเข้าไป อาจก่อให้เกิดอาการปวดเล็กน้อยขณะฉีดยา จะเหมาะกับผู้ป่วยที่มีริดสีดวงทวารหลายหัว
รักษาด้วยการใช้ยางรัด
เพื่อตัดการไหลเวียนของเลือดบริเวณนั้น ทำให้เกิดการฝ่อและแห้งของริดสีดวงทวารภายใน 1 สัปดาห์ มีข้อดีตรงที่ไม่ต้องเสียเลือดและไม่ต้องเย็บแผล
รักษาด้วยการจี้ริดสีดวงทวารด้วยเลเซอร์อินฟราเรด หรือเครื่องจี้ไฟฟ้า
เป็นการใช้ความร้อนหรือเลเซอร์จี้ไปที่หัวริดสีดวงทวาร ปัจจุบันเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะไม่ต้องเย็บแผล และสามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติโดยที่ไม่ต้องพักฟื้นนาน ใกล้เคียงกับการรักษาด้วยวิธีผ่าตัด
รักษาด้วยการผ่าตัด
เป็นวิธีใช้การรักษาโรคริดสีดวงทวารที่อยู่ในระยะรุนแรง โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 วิธี คือ
หลายคนคุ้นชินกับโรคริดสีดวงทวาร แต่แท้จริงแล้ว จมูกเองก็สามารถเป็นริดสีดวงได้เหมือนกัน! โดยริดสีดวงจมูกนี้ จะเป็นผลกระทบมาจากการอักเสบและติดเชื้อของไซนัส ซึ่งพบได้บ่อยในกลุ่มผู้ป่วยเป็นโรคหอบหืด มีอาการภูมิแพ้
และเมื่อกิดการระคายเคือง อักเสบซ้ำ ๆ บ่อย ๆ จนส่งผลให้เกิดการบวมของเยื่อบุ บางรายมีอาการของเหลวไหลออกจากหลอดเลือดจนเกิดการบวมเรื้อรัง และกลายเป็นก้อนในโพรงจมูก ทำให้ไซนัสตีบแคบ และทำให้การไหลเวียนอากาศผิดปกติ โดยอาการที่บ่งบอกว่าคุณกำลังเสี่ยงเป็นโรคริดสีดวงจมูกนั้น สามารถเช็กได้ ดังนี้
ซึ่งนี่เป็นเพียงอาการบางอย่างเท่านั้น นอกจากพบแพทย์แล้ว ควรดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เพราะแม้ริดสีดวงจมูกจะมีขั้นตอนรักษาที่ยุ่งยากน้อยกว่า แต่นี่คือโรคที่สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีกในอนาคต!
สำหรับการป้องกันและหลีกเลี่ยงโรคริดสีดวงจมูกสามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนี้
สำหรับใครที่อยากจะรักษาริดสีดวงทวารนั้น อย่างที่เราได้กล่าวไปในข้างต้นแล้วว่า การรักษาโรคริดสีดวงทวาร ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ทางแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาเองว่าผู้ป่วยเหมาะกับการรักษาแบบไหนเป็นหลัก
ซึ่งการรักษาที่หลายคนมักจะกังวลในเรื่องค่าใช้จ่ายคงหนีไม่พ้นหารต้องรักษาด้วยวิธีผ่าตัดนั่นเอง โดยการผ่าตัดริดสีดวง ประกันสังคมก็สามารถเบิกเคลมได้ฟรี โดยที่ไม่ต้องขอสินเชื่อ หรือออกค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด! แต่ทั้งนี้ จะมีเงื่อนไขว่า แพทย์ต้องลงความเห็นให้รักษาด้วยการผ่าตัดเท่านั้น
แต่ในบางกรณี การเข้าคิวรับการรักษาด้วยประกันสังคม ผู้ป่วยอาจจะต้องทนทรมานกว่าจะถึงคิวผ่าตัด รวมถึงบางผู้ป่วยที่แพทย์เสนอทางเลือกการรักษาทางอื่น ๆ ก่อน เช่น การทานยา ฉีดยา แต่ในกรณีนี้ หากใครที่ซื้อประกันสุขภาพส่วนตัวอยู่แล้ว อยากเปลี่ยนเป็นโรงพยาบาลเอกชนเพื่อความรวดเร็วในด้านการรักษาก็สามารถทำได้
โดยการรักษาริดสีดวงทวารแบบฉีดยา รวมไปถึงการรักษาของโรคริดสีดวงจมูก ที่ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล จะจัดเป็น ผู้ป่วย OPD ย่อมาจาก ผู้ป่วยนอก ส่วนมากจะเข้ารับการรักษาด้วยอาการป่วยที่ไม่รุนแรง
ส่วนผู้ที่รักษาริดสีดวงด้วยประเภทของการผ่าตัด หรือต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลติดต่อกันไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง แบบนี้จะถูกนับว่าเป็นผู้ป่วย IPD ย่อมาจาก ผู้ป่วยใน นั่นเอง
ดังนั้น การเลือกซื้อประกันสุขภาพติดตัวเอาไว้ จะช่วยให้คุณเบิกเคลมค่ารักษาได้ทั้งโรคภัยอื่น ๆ หรือแม้แต่โรคริดสีดวงทวารที่ต้องผ่าตัดได้ ให้คุณอุ่นใจได้แม้จะเจ็บป่วยอะไรก็ตาม
นอกจากนี้ แรบบิท แคร์ ยังมีประกันโรคร้ายแรงสำหรับใครที่กังวลถึงโรคมะเร็ง โรคหัวใจ เบาหวาน หรือประกันโรคอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย
นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct
บทความแคร์สุขภาพ
เช็กลิสต์ 10 พฤติกรรมที่คุณ(อาจ)พลาด ขณะเลือกซื้อประกันสุขภาพ
โรคพุ่มพวงคืออะไร มีอาการอย่างไร อันตรายถึงชีวิตหรือไม่ ?