เริ่มกักตุน! ชาวจีนเหมาหน้ากากอนามัยกลับประเทศ หลังจีนขาดแคลน
หลังจากข่าวการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ทำให้ในหลาย ๆ ประเทศ รวมทั้งจีนเองต่างยกระดับการควบคุมการป้องกันโรคแพร่ระบาด ซึ่งนับว่าเป็นปัญหาสุขภาพที่ทั่วโลกจับตา
หลังจากมีประกาศปิดเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนทั้งอาหาร น้ำ ยา และหน้ากากอนามัย จนเป็นเหตุให้นักท่องเที่ยวจีน และในกลุ่มประเทศเสี่ยงหลาย ๆ ประเทศ เริ่มการกักตุนหน้ากากอนามัยเพิ่มมากขึ้น
ชาวจีนเหมาหน้ากากอนามัยกลับประเทศ
จากหลายแหล่งข่าวที่ลงพื้นที่สำรวจ พบว่า ในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวจีน เช่น ย่านรัชดาภิเษก สยาม สีลม และอีกหลายพื้นที่ที่ชาวจีนนิยมไปเที่ยว มีนักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งซื้อเหมาหน้ากากอนามัยแบบ N95 และหน้ากากแบบธรรมดากลับประเทศจำนวนมาก
พนักงานร้านสะดวกซื้อในย่านดังกล่าวให้ข้อมูลว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนจะซื้อหน้ากากเป็นจำนวน 3,000-4,000 บาท ต่อบิลใบเสร็จเพื่อนำกลับจีน หรือมัคคุเทศก์นำเที่ยวทัวร์จีน ระบุว่า ส่วนใหญ่จะซื้อกลับไปจำนวนมาก บางคนซื้อกักตุนทันทีที่ถึงสนามบินประเทศไทย เพราะจะนำกลับเพื่อสวมใส่ป้องกันไวรัสโคโรนาที่กำลังระบาดในจีน หรือแม้แต่พวกพ่อค้าแม่ค้าหัวใส ซื้อไปโก่งราคา เนื่องจากตอนนี้ที่จีน หน้ากากอนามัยเริ่มขาดแคลนอย่างหนัก
ส่วนในประเทศต่าง ๆ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี ก็มีผู้ใช้งานโซเชียลบางส่วนออกมาให้ข้อมูล และพูดถึงหน้ากากอนามัยว่ามีการถูกซื้อไปเป็นจำนวนมาก หลายพื้นที่หน้ากากอนามัยเริ่มขาดตลาด โดยเฉพาะในย่านท่องเที่ยว
หน้ากากอนามัยนั้น ไม่ใช่แค่เฉพาะหน้ากากอนามัยทั่วไปที่ป้องกันไวรัสเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงหน้ากากอนามัยประเภท N95 อีกด้วย ซึ่งหลายคนได้เริ่มแสดงความวิตกกังวลถึงการที่นักท่องเที่ยวจีนได้ทำการกักตุนหน้ากากอนามัย จนทำให้คนไทยเองอาจมีไม่เพียงพอต่อจำนวนประชากรและการใช้งาน
ทางด้านเมืองอู่ฮั่นได้ประกาศปิดเมือง ก็มีชาวเมืองคนหนึ่งนำมาเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ สะท้อนให้เห็นถึงบรรยากาศในตัวเมืองที่เงียบราวกับเป็นเมืองร้าง ในขณะที่โรงพยาบาลเต็มไปด้วยผู้ป่วย ส่วนทางออกนอกเมืองตามจุดต่าง ๆ จะมีตำรวจประจำการอยู่เพื่อป้องกันการเข้าออกเมือง
ทั้งนี้นอกจากมาตรการปิดเมืองอู่ฮั่นแล้ว ทางการยังห้ามรถยนต์เข้าไปในเมืองอีกด้วย โดยทางการได้เตรียมรถแท็กซี่ 6,000 คันไว้รับส่งผู้ที่ต้องการเดินทางเข้าไปในตัวเมือง
ส่วนระบบขนส่งสาธารณทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นรถไฟ รถประจำทางรวมถึงเครื่องบิน ต่างหยุดให้บริการอย่างไม่มีกำหนด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการปิดเมืองเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสดังกล่าว
ด้านสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในมณฑลหูหนาน เสฉวน กานซู และอันฮุยที่ต่างก็ปิดให้บริการ ทั้ง ๆ ที่ตามปกติแล้วในช่วงเทศกาลตรุษจีน สถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้จะแน่นขนัดไปด้วยผู้คนที่ออกเดินทางท่องเที่ยว
นอกจากนี้ นักศึกษาไทยที่ไปศึกษาต่อที่จีน โดยเฉพาะในเมืองอู่ฮั่น ได้พยายามเรียกร้องและยื่นเรื่องต่อสถานทูตไทยเพื่อขอเดินทางกลับประเทศไทย
เนื่องจากการใช้ชีวิตยากลำบาก ทั้งเรื่องของการเดินทาง อาหารการกิน การสื่อสาร และมีการปิดระบบขนส่งมวลชน ทำให้ไม่สามารถออกไปไหนได้ และอาหารมีราคาแพงขึ้นจนกระทบกับค่าใช้จ่าย และเริ่มขาดแคลน เพราะคนในพื้นที่ต่างกักตุนสินค้า
ขณะนี้คนงานก่อสร้างกว่า 1,000 คน และเครื่องจักรประมาณ 100 เครื่อง ถูกระดมมาจากทั่วประเทศ เพื่อสร้างโรงพยาบาลขนาด 1,000 เตียง ที่จะใช้รองรับผู้ติดเชื้อและตรวจสอบผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อ คาดว่าที่นี่จะถูกใช้เป็นศูนย์กลางของการรักษา ซึ่งจะทำให้การรักษาผู้ติดเชื้อมีประสิทธิภาพมากขึ้น คาดว่าโรงพยาบาลแห่งนี้จะแล้วเสร็จในวันที่ 3 ก.พ. นี้
และจากรายงานเมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2563 คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) แจ้งว่า มีผู้ติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2,744 คน เสียชีวิต 80 คน โดยมีประชาชนที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย จำนวน 32,799 คน อยู่ภายใต้การสังเกตการณ์ทางการแพทย์
ส่วนจำนวนผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสในต่างประเทศ แบ่งเป็นประเทศไทย 8 คน, ญี่ปุ่น 3 คน, เกาหลีใต้ 3 คน, สหรัฐฯ 3 คน, เวียดนาม 2 คน, สิงคโปร์ 4 คน, มาเลเซีย 3 คน, เนปาล 1 คน, ฝรั่งเศส 3 คน และออสเตรเลีย 4 คน
สถานการณ์ในไทยตอนนี้ยังคงทรงตัว แม้จะติดอันดับประเทศที่เสี่ยงต่อการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาก็ตาม ทว่าก็มีการออกมาให้ข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับโรคดังกล่าวเป็นระยะ รวมถึงวิธีป้องกันเบื้องต้น และอาการต่าง ๆ ที่สามารถช่วยกันสังเกตได้
ขอบคุณที่มา : news.thaipbs.or.th/content/288338
นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct