เลือกหน้ากากอนามัยยังไง ให้กันได้ทั้ง โควิด – 19 และ pm 2.5
ไวรัสยังไม่ทันหายระบาด ฝุ่น pm 2.5 ก็มา! แบบนี้จะเลือกหน้ากากอนามัยอย่างไร ให้ครอบคลุม ป้องกันได้ ทั้ง โควิด-19 และ pm 2.5 กันนะ มาดูวิธีการเลือกหน้ากากอนามัยให้เข้ากับสถานการณ์ช่วงนี้กันดีกว่า
เลือกหน้ากากอนามัยยังไง ให้กันได้ทั้ง โควิด – 19 และ pm 2.5
รู้จักกับประเภทหน้ากากอนามัย ก่อนเลือกใช้งาน
ฝุ่น pm 2.5 ถึงแม้หลายคนอาจจะเคยรับมือมาจากปีก่อนๆ แล้ว แต่ในปีที่ยังมี โควิด-19 ระบาดอยู่แบบนี้ การมีฝุ่น pm 2.5 ก็เปรียบเสมือนเพิ่มปัจจัยเสี่ยงต่อระบบทางเดินอากาศ และภูมิคุ้มกันต่างๆ ของเรามาก ทำให้อาจเสี่ยงกับการเป็นโควิด หรือเป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจได้ง่ายดายขึ้น
และแน่นอน ก่อนจะเลือกหน้ากากให้ป้องกันได้ทั้งฝุ่น ทั้งไวรัส มารู้จักกับหน้ากากอนามัยในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป กันดีกว่า
หน้ากาก N95
หน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐาน และได้รับการยอมรับ มักใช้กับบุคลากรในโรงพยาบาลที่มีโอกาสเสี่ยงพบผู้ป่วยมาก โดยประสิทธิภาพในการป้องกันของหน้ากากนี้จะสูงกว่าหน้ากากอนามัยแบบทั่วไป เพราะสามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 รวมไปถึงเชื้อโรคต่างๆ ที่มีขนาดเล็ก 0.3 ไมครอน และป้องกันโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี ซึ่งหากให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ในช่วงที่ โควิด-19 ระบาด ควรจะเลือกใช้แบบไม่มีวาลว์ระบายอากาศจะดีกว่า
แต่ถึงแม้ว่า หน้ากาก N95 จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันค่อนข้างสูง แต่หากจำเป็นต้องอยู่ในพื้นที่แออัดหรือพื้นที่เสี่ยง เช่น โรงพยาบาล ควรมีการเปลี่ยนหน้ากากทุกวัน ไม่ควรนำหน้ากากมาใช้ซ้ำ แต่หากไม่ได้มีความจำเป็นต้องอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ก็สามารถนำหน้ากากมาใช้ซ้ำได้ 2 – 3 วัน เพื่อเป้นการประหยัดได้ แต่ถ้าหากหน้ากากที่ใช้ซ้ำเริ่มหายใจยากขึ้น แม้จะผ่านไปแค่วันเดียว ก็ไม่ควรนำมาใช้ซ้ำ
หน้ากากอนามัยแบบเยื่อกระดาษ
เป็นหน้ากากแบบที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคย สามารถหาซื้อได้ทั่วไป ช่วยป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคและแบคทีเรียจากการไอหรือจามได้ บางชนิดสามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 และป้องกันไวรัสโควิด-19 ได้ในระดับนึง แต่เนื่องจากเยื่อกระดาษอาจไม่ถึง 3 ชั้น จึงไม่ควรนำกลับมาใช้ซ้ำ และอาจไม่ป้องกันน้ำจากการไอ จาม ได้เท่าที่ควร
หน้ากากอนามัยแบบเยื่อกระดาษ 3 ชั้น
หน้ากากอนามัยแบบเยื่อกระดาษ 3 ชั้น หรือ “หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ (surgical masks)” มีคุณสมบัติกันน้ำได้จึงเหมาะที่สุดในการป้องกันทั้งเชื้อไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อรา ป้องกันได้ทั้งละอองน้ำลายน้ำมูกที่อาจกระจายออกมาเวลาไอหรือจาม
โดย ชั้นนอก จะเคลือบสารกันน้ำไว้ ส่วนชั้นกลาง จะเป็นแผ่นที่สามารถกรองฝุ่นละเอียดได้ และชั้นใน (ที่ติดกับหน้าเรา) จะทำหน้าที่ในการดักน้ำมูกน้ำลายได้ดี
แต่หากเป็นฝุ่นละอองที่เล็กกว่า 2.5 ไมครอนอย่าง PM2.5 รุ่นนี้จะป้องกันได้ในระดับนึง แต่หากต้องการการป้องกันที่ดียิ่งขึ้น อาจจะจะเลือกใส่หน้ากากชนิดป้องกันฝุ่น pm 2.5 ซ้อนสองชั้นก็ได้
หน้ากากคาร์บอนสีดำ
หน้ากากคาร์บอนสีดำ มีคุณสมบัติหลักคือป้องกันกลิ่นไม่พึ่งประสงค์ แบคทีเรีย และฝุ่นละอองตั้งแต่ขนาด 3 ไมครอนขึ้นไป และจะไม่สามารถป้องกันฝุ่น PM2.5 และเชื้อโรคที่มีขนาดเล็กกว่าได้
หน้ากาก Pitta รุ่นมาตรฐาน
หรือหน้ากากโฟม เป็นหน้ากากสำหรับกรองอากาศโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะฝุ่นควัน หรือมลภาวะต่างๆ ซักทำความสะอาดแล้วนำมาใส่ซ้ำได้ สามารถกันฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็ก และเกสรดอกไม้ได้ แต่จะไม่สามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 และโควิด-19 ได้
หน้ากากแบบผ้า
เป็นหน้ากากที่ผลิตขึ้นมาจากผ้าต่างๆ สามารถที่ใช้ซ้ำได้ หลังจากการซักทำความสะอาดให้เรียบร้อย เช่น หน้ากากผ้ามัสลิน ถึงแม้จะไม่สามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้ และป้องกัน โควิด-19 ได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ปัจจุบัน มีบางแห่งได้พัฒนาสเปรย์กันน้ำ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานหน้ากากผ้า จึงเป็นอีกทางเลือกนึงที่น่าสนใจ สำหรับใครที่มีงบจำกัด
ถึงแม้หน้ากากอนามัยจะไม่สามารถป้องกันได้อย่างเต็มร้อย แต่ก็ช่วยลดความเสี่ยงลงได้ ทั้งการไอ จาม และฝุ่น
สำหรับใครที่กังวลว่า งบประมาณไม่พอซื้อหน้ากากแพงๆ ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะ โควิด-19 นั้น ทางการแพทย์หลายแห่ง ได้ให้ความเห็นแล้วว่า ถึงแม้หน้ากากอนามัยที่ใช้ จะไม่ใช่หน้ากากอนามัยเกรดทางการแพทย์ หรือเป็นหน้ากากผ้า ก็มีส่วนช่วยป้องกันได้ในระดับนึง รวมไปถึงเรื่อง pm 2.5
เพราะการเลือกใส่ ย่อมดีกว่าไม่ใส่เลยอย่างแน่นอน
แล้วแบบนี้ เลือกยังไง ให้เหมาะกันนะ ?
หลักๆ แล้ว การเลือกหน้ากากอนามัยให้เหมาะกับตัวเอง คือ เลือกหน้ากากที่ได้มาตราฐาน เหมาะสมกับขนาดของใบหน้าผู้สวมใส่ เพราะหน้ากากอนามัยต้องกระชับ เพราะถ้าไม่กระชับแล้ว อาจทำให้สิ่งแปลกปลอมหลุดรอดเข้าไปได้
ส่วนการเลือกหน้ากากที่เหมาะสมในการป้องกันทั้งฝุ่น PM 2.5 และ โควิด-19 เมื่อเปรียบเทียบดูแล้ว หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ หรือ หน้ากากอนามัยที่มี 3 ชั้น ดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากสามารถใช้ป้องกันฝุ่น pm 2.5 ได้ในระกับนึงแล้ว ยังช่วยป้องกัน โควิด-19 ได้เป็นอย่างดี หรือถ้าใครกังวล ก้สามารถหาหน้ากากที่กันฝุ่น pm 2.5 โดยเฉพาะ ใส่ซ้อนก็ได้
แต่ถ้าใครที่พอมีกำลังทรัพย์ หน้ากากอนามัย N95 ก็ยังเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ควรระวังการซื้อแบบที่มีวาลว์ระบายอากาศ เนื่องจากผลการศึกษา พบว่า อาจไม่ช่วยกัน โควิด -19 ได้เท่าที่ควร ควรใช้แบบไร้วาลว์อากาศเท่านั้น
สรุปแล้ว หากใครต้องการใช้หน้ากากอนามัยให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด คุณอาจจะ เลือกใส่หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ไว้ด้านใน แล้วใส่หน้ากากโฟม หรือหน้ากากผ้าทับด้านนอก จะได้กดให้หน้ากากอนามัยกระชับใบหน้า ไม่เลื่อนหลุดเวลาที่เดินหรือเคลื่อนไหว ก็จะสามารถป้องกันได้ทั้งฝุ่น PM2.5 และโรค covid-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพในราคาประหยัดได้ไม่ยาก
ที่สำคัญ อย่าลืมเรื่องรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ส่วนเรื่อง ฝุ่น pm 2.5 ช่วงนี้อาจจะต้องหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งลงเสียหน่อย ปิดหน้ากาก เปิดเครื่องฟอกอากาศ ก็จะช่วยคุณได้
เพราะเรื่องสุขภาพไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัว ไม่ว่าจะฝุ่น หรือ ไวรัส แม้แต่เรื่องโรคภัยรอบตัวก็ไม่ควรมองข้าม คลิกเลย กับ ประกันสุขภาพ จาก Rabbit Care ที่มีให้คุณเลือกอย่างหลากหลาย แม้แต่โรคร้ายก็หายห่วง!
นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct