บัตรเครดิตแบบเงินคืน คุ้มจริงหรือ?
จะทำบัตรเครดิตทั้งที หลายคนน่าจะเจอโปรโมชั่นจากแต่ละสถาบันการเงินไม่มากก็น้อย กับการโปรโมทว่า บัตรเครดิตของตัวเอง เป็นบัตรเครดิตแบบเงินคืน เอ๋? แล้วแบบนี้มันคุ้มจริงอย่างที่หลายเจ้าโฆษณาไหมนะ? วันนี้ Rabbit Care มีคำตอบมาให้คุณ
บัตรเครดิตแบบเงินคืน คุ้มจริงหรือ?
บัตรเครดิตทั่วไปต่างจากบัตรเครดิตเงินคืนยังไงกันนะ? บัตรเครดิตแบบเงินคืน คือ บัตรเครดิตที่ถูกออกแบบมาเพื่อจูงใจให้ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตมากขึ้น จะเรียกว่าเป็นโปรโมชั่นชนิดหนึ่งก็ไม่ผิดนัก โดยหลักการแล้ว ผู้ใช้จะได้รับเงินคืนเข้ามาในบัญชี เช่น เมื่อคุณใช้จ่ายเงินถึงยอด ก็จะได้เงินคืนตามเปอร์เซ็นต์ที่บัตรเครดิตแต่ละเจ้ากำหนดไว้
ส่วนมากธนาคารจะออกข้อเสนอบัตรเครดิตคืนเงินเมื่อมีการทำโปรโมชั่นร่วมกับห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ร้านอาหาร หรือปั๊มน้ำมัน เพื่อเป็นการส่งเสริมการขายของตนไปด้วย และกระตุ้นการใช้จ่ายของลูกค้าที่ถือบัตรเครดิตให้ตัดสินใจซื้อง่ายกว่าเดิม
บัตรเครดิตแบบเงินคืน มีแบบไหนบ้างนะ ?
สำหรับใครที่เป็นมือใหม่กับการใช้บัตรเครดิต โดยเฉพาะการใช้ อาจจะยังมีข้อสงสัยอยู่ เรามาลองแยกประเภทของบัตรเครดิตเงินคืนดูดีกว่า ว่าแบบไหนเหมาะกับคุณ
- แบบใช้จ่ายถึงยอด ได้รับเงินคืนทันที
สำหรับบัตรเครดิตประเภทนี้ จะมีลักษณะการใช้งานให้คุณรูดใช้จ่ายถึงยอดที่ทางสถาบันการเงินกำหนดเอาไว้ จากนั้นก็จะคืนเงินตามที่ได้แจ้งเอาไว้ เช่น สถาบันการเงินกำหนดให้ทุกการใช้จ่าย 10,000 บาท ได้เงินคืน 1% หากคุณรูดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตครบ 10,000 บาท ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าไหน ๆ คุณก็จะได้รับเงินคืนเข้ามาในบัญชีบัตรเครดิต 100 บาท
บัตรเครดิตเงินคืนประเภทนี้ เหมาะกับขาช้อปฯ ที่รูดซื้อสินค้าบ่อย ๆ และอาจจะซื้อสินค้าที่มีราคาแพง หรือยอดเงินเยอะ ๆ เพราะถ้ายิ่งรูดมาก ก็จะได้เงินคืนกลับมามากไปด้วยนั่นเอง
- แบบใช้แต้มสะสมแลกเงินคืน
บัตรเครดิตบางเจ้าจะใช้เทคนิคให้คุณนำคะแนนสะสมที่ได้จากการใช้จ่ายทั้งหมดไปแลกเป็นเครดิตเงินคืน หรือ voucher เงินสด หลังปิดรอบบิล เพื่อนำมาใช้จ่าย หรือเป็นส่วนลดในรอบบิลถัดไป เช่น บัตรเครดิตเคทีซี วีซ่า แพลทินัม ให้คุณใช้แต้มสะสมทุก ๆ 1,000 แต้ม ในการแลกเงินคืน 100 บาท ซึ่งก็ถือว่าคุ้มค่าเลยทีเดียว
โดยบัตรเครดิตเงินคืนประเภทนี้ เหมาะสำหรับคนที่ชอบความยืดหยุ่น นาน ๆ ครั้งถึงใช้บัตรเครดิตรูดซื้อสินค้า หรือชอบสะสมแต้มไว้ใช้แลกบริการต่าง ๆ เช่น ส่วนลด, ตั๋วเครื่องบิน, โปรโมชั่นต่าง ๆ ที่คุ้มค่า เพราะการแลกแต้มสะสมมักให้เวลานาน 6 เดือน หรือ 12 เดือน ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องรีบรูด รีบแลกให้ทันรอบบิลแต่ละเดือนก็ได้
- แบบคืนเงิน ตามโปรโมชั่นเฉพาะร้านค้า
บัตรเครดิตแบบคืนเงินประเภทนี้ ส่วนมากจะเป็นโปรโมชั่นที่ทางสถาบันการเงินทำร่วมกับร้านค้าชั้นนำ หรือห้างสรรพสินค้ายอดนิยม นิยมจัดเป็นโปรโมชั่นที่มีกำหนดระยะเวลาอย่างชัดเจน เช่น บัตรเครดิตซิตี้ แคชแบ็ก แพลตตินั่ม ได้เงินคืน 11% ที่ BTS, MRT และ 1% สำหรับยอดใช้จ่ายอื่น ๆ เมื่อใช้บัตรเครดิตรูดเติมเงิน แสดงว่า หากคุณเติมเงินให้ BTS, MRT 1,000 บาท คุณจะได้เงินคืนทันที 110 บาท
บัตรเครดิตประเภทนี้ค่อนข้างเจาะจงผู้ใช้งาน หรือจะเรียกว่าฟิตกับคุณสมับติของผู้ใช้งานก็ว่าได้ เพราะถ้าคุณศึกษาเงื่อนไขต่าง ๆ แล้วพบว่าตรงกับไลฟ์สไตล์ของคุณ เช่น ปกติคุณเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ซื้อของในวัตสัน ทุกเดือน บัตรเครดิตที่จัดร่วมกับพันธมิตรก็เหมาะมาก ๆ
แบบนี้ คุ้มจริงไหม ? น่าทำหรือเปล่า ?
หากเราพิจารณาดูจากประเภทบัตรเครดิตแบบคืนเงินดูแล้ว จะพบว่าบัตรแต่ละแบบ ก็จะเหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น เราต้องเลือกสำรวจตัวเองก่อนว่าบัตรเครดิตใบนี้จะใช้งานอย่างไรบ้าง บางคนอาจจะอยากทำบัตรเครดิตเพียงแค่ใบเดียวแต่อยากให้คุ้มค่าที่สุด หรือบางคนโอเคกับการมีบัตรเครดิตหลายใบ ก็ลองสำรวจตัวเองดูให้ดีนะ
คุณอาจจะลองถามตัวเองดูว่าชอบทานข้าวร้านเดิม ช้อปปิ้งที่เดิม เดินทางแบบเดิม ๆ ไปตลอดหรือไม่? หรือจริงๆ แล้วคุณชอบความแปลกใหม่ ซื้อของที่ไหนก็ได้มีมีโปรโมชั่น เพราะคำตอบของคุณจะบอกได้ว่าบัตรเครดิตใบไหนเหมาะสำหรับคุณมากที่สุด
สำหรับบัตรเครดิตเงินคืนนั้น ถ้าให้ตอบว่าคุ้มจริงหรือไม่ ? เราอาจจะฟันธงให้คุณไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะแต่เดิมแล้วเงินคืนเหล่านี้ล้วนมาจากโปรโมชั่นจูงใจให้ใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิตมากขึ้น หากคุณจำเป็นต้องใช้จ่ายอยู่แล้ว เงินคืนเหล่านี้จะเปรียบเสมือนส่วนลดต่างๆ ที่ได้รับจากบัตรเครดิตคู่ใจ
เทคนิคขั้นโปร เขาใช้บัตรเครดิตแบบเงินคืน ยังไงนะ ?
จะพกบัตรเครดิตเงินคืนทั้งที Rabbit Care ก็แอบเอาเทคนิคโปรๆ มาฝากคุณกัน มาดูกันว่าทำยังไงให้ใช้แล้วคุ้มค่าที่สุด
1. วางแผนล่วงหน้าก่อนรูดใช้บัตรเครดิต
ถ้ารู้แน่นอนอยู่แล้วว่าจะต้องใช้จ่ายอะไรบ้าง ลองวางแผนการใช้บัตรเครดิตเพื่อให้ตรงตามโปรโมชั่นหรือสิทธิพิเศษที่ธนาคารกำหนดไว้สิ เพราะเมื่อคุณทำการคืนเงิน ก็จะเหมือนคุณได้ส่วนลดไปเลยฟรี ๆ ยังไงล่ะ
2. เปรียบเทียบการใช้ cash back (เครดิตเงินคืน) หรือการสะสมคะแนน
ถ้าเปรียบเทียบง่าย ๆ ทุกการใช้จ่ายบัตรเครดิตเงินคืนคืนเงิน 1% ในขณะที่บัตรเครดิตแบบสะสมแต้มทุก 20 บาทได้ 1 แต้ม หมายความว่า เราจะได้เงินคืนเพียง 0.5% เท่านั้น หากคุณต้องการคืนเงินทันที และไม่ชอบใช้แต้มสะสมเท่าไหร่ การสมัครบัตรแบบที่ได้เงินคืนทันทีจะคุ้มค่ากว่า แต่ถ้าคุณใช้บัตรเครดิตที่แต้มสะสมไม่จำกัดระยะเวลา หรือมีโปรโมชั่นการใช้แต้มคะแนนสะสมที่น่าสนใจมากกว่า ก็อาจจะเก็บแต้มสะสมไว้ก่อน เรียกว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวานในภายภาคหน้า
3.ตรวจเช็คยอดเครดิตเงินคืนที่ระบุในใบบันทึกรายการรายเดือน
ตรวจสอบความถูกต้องของเครดิตเงินคืน และเช็กให้มั่นใจทุกครั้งว่า เครดิตเงินคืนเข้าบิลต่าง ๆ มาในรอบไหนบ้าง เพื่อเป็นการตรวจสอบว่าเราได้เงินคืนจริง ๆ ในทุกรอบการใช้งานนั้นเอง อย่าได้ละเลยหรือวางใจไปนะคะ เพราะเหตุผิดพลาดทางการเงินก็มีให้เจออยู่บ่อย ๆ ยังไงก็กันไว้ดีกว่าแก้ ที่สำคัญยังเป็นการรักษาผลประโยชน์ของคุณเองด้วย
รู้แบบนี้แล้ว ใครที่อยากได้บัตรเครดิตแบบเงินคืนไว้ใช้จ่าย แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นเลือกบัตรเครดิตอย่างไร ก็ต้องนี่เลย Rabbit Care กับ บริการเปรียบเทียบบัตรเครดิตที่มีให้เลือกหลากหลาย รับรองว่าถูกใจ และตอบโจทย์แน่นอน
นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct