วิธีเลือกรถยก รถสไลด์ รถลาก ควรเลือกใช้อย่างไรให้ตรงตามความต้องการ
รถเสียเป็นปัญหาที่สร้างความหนักใจให้กับผู้ใช้งานรถยนต์ทุกท่าน เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงภาวนาว่าอย่าให้ปัญหานี้เกิดขึ้นกับตัวเองเลย ซึ่งเราต้องยอมรับความจริงอย่างหนึ่งว่าปัญหารถเสียนี้ถึงแม้ว่าเราจะเตรียมรับมืออย่างไรก็ตามแต่โอกาสในเกิดก็มีขึ้นก็มีได้ตลอด ไม่ว่าจะเป็นการที่อยู่ดี ๆ รถสุดที่รักก็มีปัญหาจนไม่สามารถขับต่อไปได้หรือว่าจะเป็นอุบัติเหตุที่ถึงแม้ว่าเราจะขับรถอย่างระมัดระวังแล้วก็ตาม แต่ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันจนทำให้รถของเราเสียหายใช้งานต่อไม่ได้
การแก้ปัญหารถเสียที่ดีที่สุดนั่นก็คือการนำรถยนต์ไปเข้าอู่เพื่อเข้ารับการซ่อมแซม แต่ว่ารถเจ้ากรรมดันแน่นิ่งไม่สามารถขยับไปไหนได้ นี่จึงเป็นเวลาสำคัญที่เพื่อนรู้ใจยามยากอย่างรถยก รถลากจะถึงคราวออกโรงนั่นเอง โดยในวันนี้น้องแคร์ขออาสาพาเพื่อน ๆ ทุกคนไปรู้จักกับตระกูลรถยกกันให้มากขึ้น รับรองได้เลยว่าเมื่ออ่านบทความนี้จบลงเพื่อน ๆ จะเข้าใจการใช้งานของรถประเภทนี้กันมากขึ้น
รถยก รถสไลด์ รถลากคืออะไร
เรียกได้ว่าบริการรถยก รถลากในปัจุบันเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่กำลังเติบโตและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยที่รถยก รถลากคือบริการสำหรับการเคลื่อนย้ายรถยนต์ต่าง ๆ ที่ประสบปัญหาไม่ว่าจะเป็นรถเสียที่เกิดจากความขัดข้องของตัวรถเอง ไปจนถึงรถยนต์ที่ประสบอุบัติเหตุจนไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ โดยรถยกจะทำการเคลื่อนที่รถของเพื่อน ๆ ไปยังจุดหมายปลายทางที่กำหนด
โดยส่วนใหญ่แล้วคนที่เลือกใช้บริการของรถยก รถลากก็คงเลือกที่จะกำหนดจุดหมายปลายทางไปยังอู่ที่ใกล้ที่สุดหรือไม่ก็จะเป็นอู่รู้ใจที่ใช้บริการกันมานาน เพื่อให้รถสไลด์เคลื่อนย้ายตัวรถไปทำการซ่อมแซมตัวรถให้กลับมาใช้งานได้เร็วที่สุด เพราะสำหรับใครหลาย ๆ คนรถยนต์เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตไม่ว่าจะเป็นการใช้รถเพื่อเป็นพาหนะสำหรับการเดินทางหรือว่าจะใช้เป็นอุปกรณ์เลี้ยงชีพดังนั้นรถสไลด์จึงเป็นตัวช่วยที่สำคัญ
เลือกรถยก รถสไลด์ รถลากอย่างไรให้ตรงกับการใช้งาน
เมื่อถึงคราวที่รถเสียใช้งานต่อไม่ได้แล้วต้องใช้บริการของรถยก หรือว่ารถลาก เพื่อลากตัวรถของเราไปยังอู่ซ่อมหรือที่หมายต่าง ๆ มีปัจจัยที่เราควรให้ความสนใจนั่นก็คือการเลือกประเภทของรถยก รถสไลด์ที่จะนำมาใช้ในการเคลื่อนย้ายรถของเรานั่นเอง
เนื่องจากรถยก รถสไลด์แต่ละประเภทจะมีข้อดี ข้อเสียรวมไปถึงวิธีเคลื่อนย้ายรถที่แตกต่างกันออกไปไม่ว่าจะเป็นการยกรถหรือว่าลากรถเองก็ตาม อีกทั้งยังมีรายละเอียดในเรื่องของความเหมาะสมระหว่างตัวรถยกกับรถยนต์ที่ต้องขนย้าย ในส่วนนี้เองน้องแคร์จึงได้รวมจุดเด่นของรถแต่ละประเภทมาให้เพื่อน ๆ ทุกคนนำไปพิจารณาเลือกใช้บริการ ไปดูกันว่ารถสไลด์แต่ละประเภทจะมีข้อดีตรงไหนบ้าง
รถยกหรือรถสไลด์คืออะไร
รถยกหรือรถสไลด์จัดเป็นรถในรูปแบบเดียวกัน โดยที่รถสไลด์ส่วนมากมักจะเป็นรถบรรทุกขนาดใหญ่หรือไม่ก็จะเป็นรถกระบะที่ได้รับการดัดแปลงเป็นพิเศษให้เป็นรถยกเพื่อให้เหมาะกับการนำรถยนต์ทั้งคันขึ้นไปวางบรรทุกได้ นอกจากนี้รถยก รถสไลด์ยังมีระบบล็อคล้อรถยนต์ที่ถูกบรรทุกไว้ ช่วยทำให้รถยนต์ของคุณอยู่ติดกับรถสไลด์ ไม่มีการเคลื่อนที่ไปมาระหว่างรถสไลด์เคลื่อนย้ายรถไปยังจุดหมาย
โดยรถยกหรือรถสไลด์เหมาะกับการเคลื่อนย้ายรถที่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ(4 Four-Wheel Drive) การทำงานของรถยกหรือรถสไลด์ประเภทนี้ก็คือจะทำการเคลื่อนตัวรถยนต์ที่ประสบปัญหาไปยังที่ถาดยกรถ จากนั้นทำการยกหรือสไลด์รถยนต์คนดังกล่าวขึ้นมาบรรทุกและนำไปส่งยังที่หมาย โดยการใช้รถสไลด์จะไม่ถือว่าเป็นการสร้างความเสียหายเพิ่มให้กับตัว เหตุผลนี้เองจึงทำให้คนรักรถหลายคนมักนิยมเลือกใช้รถสไลด์ในการเคลื่อนย้ายรถ
ใช้รถยก รถสไลด์ เมื่อไหร่
- รถที่มีปัญหาเป็นรถที่ระบบการขับเคลื่อน 4 ล้อจึงเลือกใช้รถยก
- เลือกใช้รถสไลด์เมื่อรถยนต์ของคุณประสบปัญหาหรือเจออุบัติเหตุอย่างรุนแรง เกิดความเสียหายหนัก
- ต้องเคลื่อนย้ายรถยนต์ไปไกลกว่า 20 กิโลเมตร การบรรทุกด้วยรถยกเป็นตัวเลือกดีที่สุด
- ต้องการถนอมตัวรถยนต์ไม่ให้ตัวรถเสียหายจากการลากรถการเลือกรถสไลด์จึงแก้ปัญหาที่ถูกจุด
ข้อดีของรถยก รถสไลด์
- เป็นการถนอมรถยนต์ เพราะการใช้รถยกตัวรถที่บรรทุกจะไม่สัมผัสกับถนน ทำให้ตัวรถและช่วงล่างไม่เสียหาย
- มีความปลอดภัยสูงเนื่องจากตัวล้อของรถได้ถูกล็อคไว้อย่างดีติดกับรถยก ทำให้รถไม่เคลื่อนไหวขณะขนย้าย
- รถยก รถสไลด์สามารถทำการเคลื่อนย้ายรถยนต์ได้แม้ตัวรถจะได้รับความเสียหายหนัก
ข้อควรระวังในการใช้งาานรถยก
- มีค่าใช้จ่ายที่สูง โดยรถประเภทนี้จะมีอัตราค่าบริการเริ่มต้นที่ประมาณ 2,000 บาท ภายในระยะทางที่กำหนด หากเกินกว่านั้นการใช้บริการรถสไลด์จะมีการเก็บเงินเพิ่ม
รถลากคืออะไร? มีลักษณะอย่างไร?
รถลากคือเป็นรถเคลื่อนย้ายที่มาในระบบการลากจูงเป็นระบบการเคลื่อนย้านที่ต่างจากรถยก ลองนึกภาพง่าย ๆ ก็เหมือนกับการลากรถเล่นเมื่อตอนสมัยที่เราเป็นเด็กนั่นเอง โดยรถประเภทนี้จะทำการลากจูงตัวรถผ่านอุปกรณ์ที่มีความแข็งแรงทนทานและยืดหยุ่นสูง โดยรถยนต์ที่เหมาะกับการใช้บริการรถยกนั่นก็คือรถที่มีระบบขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อไม่ว่าจะเป็นการขับเคลื่อนด้วยล้อหน้าหรือว่าจะเป็นล้อหลังซึ่งต่างจากรถยก
สถานการณ์ไหนควรเลือกใช้บริการรถลาก
- เป็นรถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ
- รถยนต์ประสบปัญหาหรือเสียหายไม่หนักมาก สามารถใช้บริการลากรถไปได้
- ระยะทางในการเคลื่อนย้ายต่ำกว่า 20 กิโลเมตร
ข้อดีของรถลาก
- มีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่ารถสไลด์ โดยอัตราเริ่มต้นของการลากรถอยู่ที่ประมาณ 1,500 บาท ตามระยะทางที่กำหนด หากเกินกว่านั้นจะมีการเก็บค่าบริการเพิ่ม
ข้อควรระวังในการใช้บริการรถลาก
- ตัวรถอาจเกิดความเสียหายได้ เพราะในการขนย้ายตัวรถจะมีการลากรถซึ่งมีสัมผัสกับถนนอยู่ตลอดซึ่งต่างจากการใช้บริการรถสไลด์
หลังจากที่เราได้รู้ถึงข้อมูลการเลือกใช้รถยก รถลากกันไปแล้วเราอาจจจะสรุปการเลือกใช้งานรถทั้ง 2 ประเภทเพื่อความเข้าใจอย่างง่าย ๆ ได้ดังนี้
- ความเสียหาย : หากเกิดความเสียหายมากให้เลือกใช้รถยก
- ระยะทาง : หาระยะทางที่ต้องการขนส่งไม่ไกลมากให้เลือกใช้รถลาก
- ค่าใช้จ่าย : รถยกจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า
- คนรักรถ : เลือกใช้บริการรถยกรถสไลด์ เพื่อจะไม่ทำให้ตัวรถและช่วงล่างเสียหาย
แนวทางการรับมือเมื่อรถยนต์เสียหรือประสบอุบัติเหตุ
ก่อนจะไปถึงขั้นตอนการเรียกรถยก เมื่อรถเราประสบปัญหาไม่สามารถเคลื่อนที่ไปไหนได้โดยไม่ว่าจะเกิดจากตัวรถเองหรือว่าเป็นอุบัติเหตุไม่คาดฝัน น้องแคร์อยากแนะนำขั้นตอนเบื้องต้นในการปฏิบัติตนเมื่อรถยนต์เกิดปัญหาไว้เป็นตัวช่วยให้กับเพื่อน ๆ ทุกคนได้นำไปปรับใช้ในเหตุการณ์จริง ซึ่งจะมีอะไรบ้างไปติดตามกันได้เลย
ตั้งสติให้มั่น
เวลารถยนต์มีปัญหาโดยเฉพาะอย่างยิ่งเลยเมื่อเวลาประสบอุบัติเหตุอย่าว่าแต่เรียกรถยกหรือโทรหาประกันเลย แค่ประครองสติให้หายตกใจยังเป็นเรื่องยากสำหรับใครหลาย ๆ คน ดังนั้นเมื่อรถเสียไม่ว่าจะเกิดจากเหตุผลอะไรก็ตาม น้องแคร์อยากให้เพื่อน ๆ ตั้งสติให้ได้เป็นอันดับแรกเพื่อประเมินสถานการณ์คร่าว ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น จากนั้นจะได้คิดหาทางแก้ปัญหาเป็นขั้นเป็นตอนไปถึงการเรียกบริการลากรถมาช่วยแก้ไขก็ได้
เปิดไฟฉุกเฉิน
ที่สำคัญเลยเมื่อรถยนต์ของคุณเกิดปัญหาและไฟฉุกเฉินของคุณยังทำงานได้ อย่าลืมเปิดไฟฉุกเฉินทิ้งไว้เพื่อที่จะได้เตือนให้รถยนต์ที่ขับตามมาหรือว่ารถยนต์ผ่านไปมาทราบว่ารถยนต์ของเพื่อน ๆ มีปัญหา ซึ่งเพื่อน ๆ อาจโชคดีเจอกับเพื่อนร่วมทางที่พร้อมให้ความช่วยในกรณีต่าง ๆ ไปจนถึงช่วยประสานงานตามหารถยกหรือบริการลากรถมาช่วยเพื่อน ๆ ด้วย
ติดต่อประกันขอความช่วยเหลือ
ขั้นตอนต่อมาสำหรับการรับมือกับรถที่มีปัญหานั่นก็คือติดต่อประกันให้ทราบเรื่องเพื่อที่จะให้ความช่วยเหลือ โดยตัวประกันจะให้คำแนะนำขั้นตอนในการช่วยเหลือและเดินทางมาที่เกิดเหตุเพื่อประเมินความเสียหายในขั้นต้นว่ารถยนต์ของเพื่อน ๆ เป็นอย่างไร โดยประกันแต่ละชนิดที่เพื่อน ๆ ทำจะมอบสิทธิและประโยชน์ต่าง ๆ ตามประเภทของประกันที่เพื่อน ๆ ทำไว้ โดยในประกันรถยนต์ชั้น 1 จะมาพร้อมกับบริการรถยกในกรณีที่รถที่เกิดปัญหาไม่สามารถเคลื่อนที่ได้อีกด้วย
แจ้งให้คนสนิททราบ
หลังจากที่ทำตามขั้นตอนด้านต้นไปจนถึงการเรียกรถยกเป็นที่เรียบร้อย อีกหนึ่งสิ่งที่ควรทำหลังเกิดปัญหาเกี่ยวกับรถยนต์นั่นก็คือแจ้งปัญหาที่เกิดขึ้นให้กับคนสนิททราบ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ พี่น้อง แฟน เพื่อนสนิท หรือคนที่ไว้ใจ ทราบถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเหตุผลก็คือเพื่อให้คนที่คุณรักไม่ต้องเป็นห่วง และจะได้ช่วยกันหาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยอาจจะช่วยติดต่อรถยกเพื่อช่วยเหลือคุณก็เป็นได้
มีเบอรโทรฉุกเฉินติดเครื่องไว้
เบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉินเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ควรมีติดเครื่องไว้โดยน้องแคร์ได้รวมเบอร์โทรฉุกเฉินในกรณีที่เพื่อน ๆ เกิดปัญหาไว้ดังนี้ซึ่งบางหน่วยงานอาจจะมีบริการรถยกหรือรถลากให้เพื่อน ๆ ใช้งานได้อีกด้วย
- 1669 : สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ
- 191 : ติดต่อตำรวจ
- 1193 : ตำรวจทางหลวง
- 1677 : สถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน
- 1644 : สถานีวิทยุ สวพ.91
- 1137 : ศูนย์รับแจ้งอุบัติเหตุ จส.100
- 1586 : สายด่วนกรมทางหลวง
- 1543 : การทางพิเศษแห่งประเทศไทย
หลังจากข้อมูลที่น้องแคร์ได้แจ้งให้เพื่อน ๆ ทุกคนทราบคงช่วยให้ทุกคนเข้าใจกับรถยก รถลากกันมากขึ้น และช่วยทำให้สามารถเลือกรถใช้งานได้ตรงกับปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งรถลากในปัจจุบันก็จะมีอัตราค่าบริการที่แตกต่างกันไป ซึ่งหากเพื่อน ๆ คนไหนเลือกใช้ประกันรถยนต์ชั้นหนึ่งและไม่อยากใช้บริการลากรถจนรถสุดที่รักเสียหายแล้วล่ะก็สามารถใช้บริการรถยกได้อย่างฟรี ๆ ซึ่งถ้าเพื่อน ๆ คนไหนที่สนใจทำประกันรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นชั้นหนึ่งหรือว่าจะชั้นอื่น ๆ ก็ตามสามารถสมัครทำประกันภัยรถยนต์ได้ที่แรบบิท แคร์กัน ได้เลย เพราะที่นี่มีประกันให้เลือกหลากหลาย อีกทั้งยังมีสิทธิพิเศษและผลประโยชน์ให้เลือกมากมาย
Thirakan Thongseenual เป็นนักเขียนที่มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี ที่ RabbitCare และ Asia Direct โดยมีความชำนาญในประกันรถยนต์ เน้นเขียนบทความที่เผยแพร่บน Blog และมีความเชี่ยวชาญด้าน SEO กว่า 4 ปี ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอได้ใช้ในการสร้างความรู้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของ RabbitCare อย่างมีประสิทธิภาพ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ปริญญาตรี สาขา Information Technology