
ที่จอดรถ BTS ใกล้ที่สุดของแต่ละสถานี มีจุดไหนบ้าง
คำถามคาใจสำหรับผู้ใช้รถ ต้องการทราบว่า ควรเติมน้ำมันเท่าไรดี เติมแบบไหนปั๊มติ๊กจึงจะไม่พัง ถ้าไม่อยากให้ปั๊มติ๊กพัง อย่าปล่อยให้น้ำมันหมดถัง และเราจะมีวิธีการสังเกตได้จากอะไร และมีวิธีการดูแลรักษาอย่างไรให้ปั๊มติ๊กไม่เสื่อมสภาพเร็ว วันนี้เรามาทำความรู้จักกับปั๊มติ๊กกันให้มากขึ้น โดยเราได้นำข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับคนรักรถมาฝากกัน
สำหรับปั๊มติ๊กนั้นมีหน้าที่คอยดูดน้ำมันจากตัวถังไปยังเครื่องยนต์ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ปั๊มติ๊กเสื่อมนั้นเกิดจากระดับน้ำมันเชื้อเพลิงน้อยจนเกินไป จะทำให้ปั๊มติ๊กทำงานหนักและระบายความร้อนไม่ดี จนส่งผลให้มอเตอร์ฟังและได้รับความเสียหายได้ อย่างไรก็ตาม ปกติแล้วบางคนไม่คิดมากเรื่องการเติมน้ำมัน ขึ้นกับเงินหรือความต้องการที่มี ขณะที่สายเปย์ ชอบเติมน้ำมันแบบเต็มถัง การเติมน้ำมันที่ถูกต้อง คือ เติมให้เกือบเต็มถัง แต่อย่ารอให้น้ำมันเหลือต่ำกว่า 1/4 ของถัง หรือปล่อยให้หมดถัง เพราะปั้มติ๊กจะทำงานหนัก จนร้อน เพราะน้ำมันที่ไหลผ่านปั้มติ๊ก จะช่วยให้ปั๊มติ๊กไม่ร้อนและมีการหล่อลื่น
เมื่อน้ำมันในถังเหลือน้อย ทำให้ปั๊มติ๊กต้องทำงานหนักมากขึ้นในการสูบน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำลงไป ประกอบกับไม่มีน้ำมันมาห่อหุ้มเพื่อระบายความร้อนและหล่อลื่นของปั๊มติ๊ก ซึ่งทั้งสองเหตุผลจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ปั๊มติ๊กเริ่มเสื่อมสภาพ สำหรับเวลาในการเติมน้ำมันหากเป็นเวลากลางคืน จะช่วยประหยัดน้ำมันได้ เพราะเวลากลางคืน น้ำมันจะมีการควบแน่นสูง สุดท้ายคือการเลือกรถยนต์ที่มีฟังก์ชั่นประหยัดน้ำมัน เป็นอีกทางเลือก
การเติมน้ำมันที่ไม่มีคุณภาพเข้าไปในปั๊มติ๊กอาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ ปั๊มติ๊กพัง หรือเสื่อมสภาพเร็วก่อนกำหนด รวมถึงการเติมน้ำมันที่ไม่เหมาะสมกับตัวเครื่องยนต์ที่รองรับ ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ปั๊มติ๊กเสื่อมสภาพ และอาจสังเกตจากการสตาร์ทรถไม่ติด แต่ระบบไฟฟ้าเป็นปกตินั้นแสดงว่าปั๊มติ๊กเสีย และถ้ายิ่งเป็นรถยนต์รุ่นเก่าก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ ปั๊มติ๊กจะไม่มีเสียง หรือสตาร์ทเครื่องยนต์แล้ว เครื่องยนต์เดินสะดุด เร่งไม่ขึ้น นั้นแสดงว่าปั้มติ๊กเสีย
ขณะเดียวกัน กรณีที่ปล่อยให้น้ำมันเชื้อเพลิงในถังเหลือน้อยอยู่เป็นประจำ ทำให้ไฟเตือนน้ำมันโชว์อยู่บ่อยครั้งยิ่งถ้าบ่อยไว้เป็นประจำจะทำให้ปั๊มติ๊กทำงานหนักขึ้น เนื่องจากไม่มีน้ำมันมาห่อหุ้มเพื่อระบายความร้อนและหล่อลื่น ทำให้การระบายความร้อนจากตัวมอเตอร์ที่ทำงานตลอดก็ระบายไม่ได้ นอกจากนี้แล้วรถยนต์ที่ติดแก๊ส หากทำการสาตร์ทเครื่องยนต์ด้วยเชื้อเพลิงไม่ติด แต่สตาร์ทด้วยแก๊สติด นั้นแสดงว่าปั๊มติ๊กเสียนั่นเอง นอกจากนี้ต้องสังเกตด้วยว่า หากสตาร์ทเครื่องแล้วเกิดสะดุด หรือกระตุกหรือไม่ หรือเมื่อขับรถขึ้นทางชัน แต่เครื่องไม่มีกำลัง หรือกระตุก ก็อาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการทำให้ปั๊มติ๊กเริ่มเสื่อมสภาพได้
กรณีที่เกิดปั๊มติ๊กเสีย หรือเสื่อมสภาพลงทำให้ต้องเปลี่ยนใหม่ ซึ่งถ้าหากนำไปเปลี่ยนที่อู่ซ่อมรถ หรือศูนย์บริการอาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายประมาณเกือบ 10,000 บาท ซึ่งขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อต่าง ๆ แต่ถ้าหากเจ้าของรถยนต์อยากจะประหยัดค่าใช้จ่ายก็สามารถเปลี่ยนได้ตัวเองไม่ยาก ซึ่งวิธีการเปลี่ยนนั้นมีขั้นตอนง่าย ๆ ที่ไม่ยุ่งยาก ดังนี้
สนับสนุนบทความดี ๆ โดย Autospinn และติดตามเรื่องรถใหม่ก่อนใครที่มา Kmotor
สนใจ ต่อประกันภัยรถยนต์ ดีๆ จาก แรบบิท แคร์ คลิกเลย
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
มีประสบการณ์สร้างสรรค์ผลงานออนไลน์ 10 ปี เขียนด้านเงิน การลงทุน บทความวิเคราะห์สถานการณ์การเงินในประเทศ และฝากผลงานไว้ที่ Rabbit Care ถึง 4 ปี
บทความแคร์รถยนต์
ที่จอดรถ BTS ใกล้ที่สุดของแต่ละสถานี มีจุดไหนบ้าง
เปลี่ยนยางรถยนต์ ต้องพิจารณาเปลี่ยนตอนไหน ราคาเท่าไหร่ ใช้เวลาเปลี่ยนนานหรือไม่
รถกินน้ำมัน เกิดจากอะไร มีวิธีอะไรบ้างที่จะช่วยประหยัดน้ำมัน