8 เช็กลิสต์ ขับรถหน้าฝน ต้องตรวจสภาพรถอะไรบ้าง
เข้าสู่ช่วงหน้าฝนแบบนี้เวลาขับรถตามท้องถนน โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ อาจต้องเจอกับฝนตกหนักและปัญหาน้ำท่วมขัง ซึ่งอาจทำให้เกดอุบัติเหตุได้ง่าย รวมถึงปัญหารถยนต์เสื่อมสภาพจาากน้ำฝนเข้าเครื่องยนต์ ถ้าอยากหลีกเลี่ยงไม่ได้กับเหตุการเช่นนี้ เราจะมีวิธีป้องกันหรือดูแลรถยนต์ของเราอย่างไรเพื่อให้ขับขี่ได้อย่างปลอดภัย Rabbit Care ขอแชร์เคล็ดลับที่เป็นประโยชน์มาฝากกันดังนี้
1. ตรวจสอบระบบเบรก
ระบบเบรกนั้นเป็นระบบสำคัญที่จะทำให้คุณขับขี่ได้อย่างปลอดภัย สำหรับระบบเบรกของรถยนต์มีอยู่ 2 แบบ คือ แบบดิสก์เบรก และแบบดรัมเบรก ซึ่งในกรณีขับรถช่วงน้ำท่วมขังไม่ควรให้เบรกโดนน้ำจะเป็นการดีที่สุด เพราะถ้าเกิดโดนระบบเบรกโดนน้ำแล้วอาจทำให้เกิดสนิมได้ ก็จะยิ่งทำให้เบรกติดขัด ซึ่งถือเป็นอีกจุดหนึ่งที่สำคัญมากและไม่ควรมองข้าม เพราะเมื่อน้ำเกิดเล็ดรอดเข้าไป อาจทำให้ระบบการทำงานของเบรกเกิดอาการขัดข้องหรือติดขัดได้ เนื่องจากความชื้นจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง โดยเฉพาะน้ำมันเบรกที่อาจเสื่อมคุณภาพเร็วกว่าที่ควร ดังนั้นในช่วงหน้าฝนแบบนี้เราต้องตรวจสอบเบรกว่ามีสนิมขึ้นหรือไม่ หรือลองเทสจากการแตะเบรกขณะขับขี่ว่าสามารถใช้งานได้ดีเพียงใด นอกจากนี้ต้องตรวจสอบผ้าเบรกด้วยว่าหมดอายุหรือยัง
2. ตรวจสอบใบปัดน้ำฝน และน้ำฉีดล้างกระจก
ใบปัดน้ำฝนนับเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยในเรื่องทัศนวิสัยขณะขับรถยามฝนตก ซึ่งใบปัดน้ำฝนควรเปลี่ยนปีละ 1 ครั้ง เพื่อให้คงสภาพใช้งานได้ดี ปัดหยาดน้ำที่เกาะกระจกได้อย่างหมดจด หากใบปัดน้ำฝนเริ่มมีเสียงหรือปัดหยดน้ำได้ไม่เกลี้ยงก็ต้องเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนใหม่ ส่วนน้ำฉีดล้างกระจกก็ต้องควรตรวจสอบด้วยว่าน้ำยังฉีดแรงดีอยู่หรือไม่ หากพบว่าน้ำฉีดเบาก็ต้องตรวจสอบดูว่ามีสิ่งสกปรกไปอุดตันหรือเปล่า และต้องอย่าลืมเติมน้ำฉีดกระจกให้พร้อมกับการใช้งานอยู่เสมอ
3. ตรวจสอบเพลาขับและเฟืองท้าย
เป็นอุปกรณ์ที่มีความสุ่มเสี่ยงต่อการที่จะมีน้ำเข้าเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกรณีที่ต้องนำรถยนต์ไปขับบริเวณน้ำท่วมขังแบบน้ำมิดใต้ท้องมานั้น มีโอกาสที่น้ำเข้าไปชะจาระบีที่อยู่ภายในสูงพอตัว ส่วนเฟืองท้ายเมื่อมีน้ำเข้าไป และต้องลุยน้ำระดับในดับที่สูงก็จะทำให้เฟืองท้ายอาจจะสุ่มเสี่ยงต่อการน้ำเข้ามาได้ ซึ่งมันสามารถเล็ดเข้าไปให้ในท่อหายใจของน้ำมันเฟืองท้าย ดังนั้นมีโอกาสเปลี่ยนถ่ายของเหลวก็น่าจะดีกว่า
4. ตรวจสอบน้ำมันเครื่อง
เป็นอีกหนึ่งจุดที่ต้องทำการตรวจสอบหลังลุยน้ำท่วมนั้นก็เป็นเรื่องของเครื่องยนต์ ยิ่งใครลุยน้ำสูง ๆ และลุยบ่อย ๆ ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเสียแต่เนิ่น ๆ เพราะหากน้ำเข้าไปในน้ำมันเครื่องอาจจะสร้างความเสียหาย ซึ่งเราสามารถตรวจสอบเบื้องต้นโดยการดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออกมาเพื่อดูเนื้อของตัวน้ำมัน ถ้าเป็นเนื้อเดียวกันแสดงว่าไม่มีน้ำผสม แต่ถ้าดูแล้วน้ำมันเครื่องเป็นสีออกน้ำตาล ๆ หรือแยกชั้นระหว่างน้ำกับน้ำมัน แสดงว่าน้ำได้เข้าไปแล้วต้องรีบน้ำรถไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองใหม่ทันที
5. ตรวจสอบสัญญาณไฟ
ไฟหน้ารถ ไฟท้าย ไฟเบรก ไฟเลี้ยว ไฟสูง นับเป็นส่วนสำคัญที่จะส่งสัญญาณไปยังเพื่อนร่วมทางคันอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการขับรถยนต์ตอนฝนตกที่มีทัศนวิสัยค่อนข้างแย่ หากไฟเหล่านี้ดับหรือไม่ส่องสว่างก็อาจเป้นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนง่ายขึ้นนั่นเอง
6. ตรวจสอบลูกปืนล้อ
ถือเป็นอีกจุดหนึ่งที่สำคัญ เพราะถ้าเกิดลูกปืนล้อถูกแช่น้ำไว้นาน ๆ จากการลุยน้ำขัง อาจทำให้ลูกปืนพังเร็วก่อนครบอายุการใช้งาน ถ้าเกิดการเสื่อมสภาพที่เกิดจากการโดนน้ำขังช่วงขับรถอยู่บนท้องถนนก็จะทำให้ลูกปืนล้อมีเสียงดังขึ้นเวลาวิ่งความเร็วสูง ๆ เพราะจารบีที่คอยหล่อลื่นภายในลูกปืนได้หายไปกับน้ำ หรืออาจจะเสื่อมคุณภาพแล้วเมื่อถูกน้ำ ซึ่งจะเป็นต้นตอของอาการลูกปืนดัง และอาจจะนำไปสู่ลูกปืนล้อแตก และทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้
7. ตรวจสอบยางรถยนต์
หมั่นตรวจสอบคุณภาพยางรถยนต์ของคุณว่ายังสามารถใช้การได้ดีอยู่หรือไม่ หากดอกยาเริ่มสึกก็ควรเปลี่ยนยางใหม่ให้เกาะถนนได้ดีกว่าเดิม รวมถึงตรวจสอบลมยางให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ควรเติมลมยางให้มากกว่าปกติ 2-3 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (PSI) ยางจะรีดน้ำดีขึ้น
8. ตรวจสอบความคุ้มครองประกันรถยนต์
ขับรถยนต์ในช่วงหน้าฝนแบบนี้มีโอกาสที่รถยนต์ของคุณจะเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งเพราะถนนลื่น ดังนั้นให้ตรวจสอบว่าประกันรถยนต์ของคุณหมดอายุหรือยัง เพื่อให้ขับขี่ได้อย่างอุ่นใจหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมมีประกันรถนยต์คุ้มครอง ทั้งนี้น้องแคร์ ขอแนะนำว่าคุณควรจะทำประกันรถยนต์ชั้น 1 หรือไม่ก็ชั้น 2 หรือ 2+ เพราะประกันภัยชั้นดังกล่าวมีความคุ้มครองเรื่องน้ำท่วมรถ ซึ่งเหมาะกับการชับรถยนต์ในเมืองไทยที่มักเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมบ่อยครั้งนั่นเอง
สุดท้ายนี้น้องแคร์ขอให้ทุกคนขับรถในหน้าฝนอย่างระมัดระวัง เพื่อความปลอดภัยของตนเอง คนในครอบครัว และเพื่อนร่วมทาง หากต้องการความช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน สามารถติดต่อมาขอความช่วยเหลือกับน้องแคร์ได้ที่เบอร์ 1438 ตลอด 24 ชั่วโมง
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
- 6 ข้อควรระวัง ขับรถช่วงฝนตกหนักให้ปลอดภัย
- ระวัง! ขับรถตอนฝนตก ก็เสี่ยงถูกฟ้าผ่าได้
- 5 เคล็ดลับ ช่วยดูแลรถหลังฝนตก
มีประสบการณ์สร้างสรรค์ผลงานออนไลน์ 10 ปี เขียนด้านเงิน การลงทุน บทความวิเคราะห์สถานการณ์การเงินในประเทศ และฝากผลงานไว้ที่ Rabbit Care ถึง 4 ปี