5 เช็กลิสต์ หลังจากซื้อรถยนต์มือสอง

Nok Srihong
ผู้เขียน: Nok Srihong Published: สิงหาคม 21, 2025
Nok Srihong
Nok Srihong
มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี เป็นนักเขียนด้านประกันสุขภาพ ประกันชีวิต เพื่อสุขภาพที่ Rabbit Care และ Asia Direct และ 12 ปี ในอุตสาหกรรม OTA อย่าง Laterooms.com , Expedia.com จึงมีความเชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยว จบการศึกษาปริญญาตรี สาขาการจัดการการเงิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น
Thirakan T
แก้ไขโดย: Thirakan T Last edited: สิงหาคม 20, 2025
Thirakan T
Thirakan T
Thirakan Thongseenual เป็นนักเขียนที่มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี ที่ RabbitCare และ Asia Direct โดยมีความชำนาญในประกันรถยนต์ เน้นเขียนบทความที่เผยแพร่บน Blog และมีความเชี่ยวชาญด้าน SEO กว่า 4 ปี ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอได้ใช้ในการสร้างความรู้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของ RabbitCare อย่างมีประสิทธิภาพ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ปริญญาตรี สาขา Information Technology
รายการตรวจสอบหลังจากซื้อรถยนต์มือสองทั้งแบบสันดาปและรถไฟฟ้า

รายการตรวจสอบรถสันดาป และรถไฟฟ้ามือสอง

รายการตรวจสอบรถสันดาป (ใช้น้ำมัน/ไฮบริด) มือสอง

  • เปลี่ยนของเหลวใหม่ทั้งหมด
  • เปลี่ยนอะไหล่สิ้นเปลือง
  • ตรวจสอบระบบเบรกและยาง
  • ตรวจสอบระบบไฟฟ้า/แบตเตอรี่
  • ตรวจสอบกรองอากาศ ,กรองแอร์

รายการตรวจสอบรถยนต์ไฟฟ้ามือสอง

  • ความจุแบตเตอรี่คงเหลือ (State of Health, SOH)
  • อัปเดตซอฟต์แวร์ (Firmware/Software Update)
  • เปลี่ยนของเหลวใหม่ทั้งหมด
  • ตรวจสอบระบบเบรก/ยาง/ช่วงล่าง

ดูแลต่อเนื่องหลังจากซื้อรถมือสอง

ดูแลรถสันดาป (ใช้น้ำมัน/ไฮบริด) มือสอง

  • ตั้งระยะบำรุงรักษาสั้นกว่ารถทั่วไป (เช่น เปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก 7,000 กม. แทน 10,000 กม.)
  • ตรวจเช็กช่วงล่างทุก 20,000 กม. เพราะธุรกิจขนส่งและเช่ารถใช้งานหนักกว่าปกติ
  • เก็บบันทึกการซ่อมบำรุงเพื่อประเมินต้นทุนระยะยาว

ดูแลรถยนต์ไฟฟ้ามือสอง

  • ตั้งรอบเช็ก SOH แบตเตอรี่ทุก 6–12 เดือน
  • ตรวจเช็กระบบชาร์จและหัวชาร์จ
  • เปลี่ยนยางถี่ขึ้น (ทุก 30,000–40,000 กม.) เพราะ EV หนักและแรงบิดสูง
  • บันทึกต้นทุนไฟฟ้า/การชาร์จ → ใช้คำนวณ ROI ของธุรกิจ

ข้อดีของการซื้อรถมือสอง

ข้อดีของรถสันดาป (ใช้น้ำมัน/ไฮบริด) มือสอง

  • มีอู่ทั่วไปที่ซ่อมได้เยอะ ซ่อมง่าย ค่าอะไหล่หาง่ายกว่า EV
  • ช่างรถยนต์สันดาปมีเยอะ ตรวจเช็กง่ายกว่ารถไฟฟ้า
  • ราคาซื้อถูกกว่า EV มือสอง (ในหลายรุ่น)

ข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้ามือสอง

  • ไม่มีเครื่องยนต์-เกียร์ซับซ้อน → ไม่ต้องกลัวเรื่องน้ำมันเครื่อง, เกียร์, ท่อไอเสีย
  • อะไหล่ที่สึกหรอง่ายมีน้อยกว่า (ไม่มีคลัตช์, หัวเทียน, สายพาน)

ความเสี่ยงหลังจากซื้อรถมือสอง

ความเสี่ยงของรถสันดาป (ใช้น้ำมัน/ไฮบริด) มือสอง

  • รถบางคันอาจ ผ่านอุบัติเหตุหนัก, มีการกรอไมล์, หรือซ่อนปัญหาช่วงล่าง/เครื่องยนต์ไว้
  • เครื่องยนต์ เกียร์ เทอร์โบ → หากมีปัญหาค่าซ่อมหลักหมื่นถึงแสน
  • รถที่ใช้งานหนัก (เช่น รถบริษัท/รถแท็กซี่) มักถูกปรับสภาพภายนอกให้ดูใหม่ แต่สภาพจริงภายในสึกมาก

ความเสี่ยงรถยนต์ไฟฟ้ามือสอง

  • แบตเตอรี่เสื่อม → จุดเสี่ยงใหญ่ที่สุด ถ้าแบตเหลือ SOH ต่ำกว่า 70% ระยะวิ่งจะสั้นมาก และ เปลี่ยนแบตใหม่ราคาหลักแสนถึงหลายแสน
  • ระบบไฟ/อินเวอร์เตอร์/มอเตอร์ไฟฟ้า → ถ้ามีปัญหา ต้องเข้าศูนย์ใหญ่เท่านั้น อู่ทั่วไปยังทำไม่ได้
  • ประวัติการชาร์จเร็ว (Fast charge) บ่อย ๆ → ทำให้แบตเสื่อมเร็ว แต่คนขายอาจไม่เปิดเผย
  • ตลาด EV มือสองยังใหม่ → ข้อมูลการซ่อม การตีราคารถเสื่อมยังไม่นิ่ง
🏁 สรุปเปรียบเทียบ
  • รถสันดาปมือสอง เสี่ยงน้อยกว่า เพราะหาช่างตรวจได้ง่ายและซ่อมถูกกว่า
  • รถไฟฟ้ามือสอง เสี่ยงมากกว่า เพราะ จุดตายคือแบตเตอรี่ ซึ่งตรวจสอบยาก และถ้าเจอรถแบตเสื่อม ค่าเปลี่ยน = ไม่คุ้มธุรกิจ
📌 สรุปจากผู้เชี่ยวชาญ
  • ถ้าเน้น ลดความเสี่ยง และ “ไม่มีความรู้เรื่องรถ” → ควรเริ่มจาก รถสันดาปมือสองที่เช็กประวัติได้ชัดเจน
  • ถ้าอยากได้ EV มือสอง จริง ๆ → ต้องพาช่างเฉพาะทาง หรือเข้าศูนย์ให้ตรวจ SOH แบตเตอรี่ ก่อนปิดการซื้อเสมอ

รถมือสองซื้อประกันรถได้ไหม?

ประกันรถยนต์สันดาปมือสอง

  • ทำประกันได้ทุกประเภท (ชั้น 1, 2+, 3+, 3)
  • แต่บริษัทประกันจะพิจารณาจากอายุรถ (ถ้าเกิน 10–15 ปี ส่วนใหญ่จะไม่รับประกันชั้น 1 แล้ว)
  • สภาพรถที่เก่ามาก อาจเหลือทำได้เฉพาะ ชั้น 3 / 3+

ประกันรถยนต์ไฟฟ้ามือสอง (EV)

  • ทำประกันได้เช่นกัน แต่ยังมีข้อจำกัดมากกว่ารถสันดาป
  • รถ EV มือสอง อายุเกิน 5–7 ปี อาจหาประกันชั้น 1 ได้ยากขึ้น และค่าเบี้ยสูงกว่าเล็กน้อย เพราะ ความเสี่ยงแบตเตอรี่เสื่อม
  • แบตเตอรี่ (บางบริษัทครอบคลุม บางบริษัทไม่ครอบคลุม ต้องอ่านเงื่อนไข)
  • อุปกรณ์ชาร์จ (Wallbox, Portable Charger) ครอบคลุมในบางกรมธรรม์
⚠️ ข้อควรระวัง
  • ทั้งรถสันดาปและรถ EV หากเป็น รถชนหนัก น้ำท่วม หรือดัดแปลงผิดกฎหมาย → บริษัทประกันอาจไม่รับทำ
  • รถ EV มือสอง → ต้องตรวจสอบว่า ประกันครอบคลุมแบตเตอรี่หรือไม่ เพราะค่าซ่อม/เปลี่ยนสูงมาก
📌 สรุปจากผู้เชี่ยวชาญ
  • รถสันดาปมือสอง → ทำประกันได้ง่ายกว่า เลือกชั้นประกันตามอายุ/สภาพรถ
  • รถไฟฟ้ามือสอง → ทำได้เช่นกัน แต่ต้องเลือกบริษัทที่มี กรมธรรม์ EV โดยเฉพาะ และอ่านเงื่อนไขเรื่อง แบตเตอรี่กับอุปกรณ์ชาร์จ
ประกันรถยนต์ชั้น 2+

ประกันรถชั้น 2+ ดีอย่างไรกับรถยนต์มือสอง

เหมาะกับรถมือสองอายุเกิน 7–10 ปี ราคาถูกกว่าชั้น 1 และยังคุ้มครองทั้งคู่กรณีและรถของเราเอง มั่นใจขึ้นสำหรับคนที่ใช้รถในเมืองใหญ่ หรือจอดในพื้นที่เสี่ยงเพราะยังคุ้มครองกรณีรถหาย–ไฟไหม้
ประกันรถยนต์ชั้น 3+

ประกันรถยนต์ชั้น 3+ ดีอย่างไรกับรถมือสอง

เบี้ยประกันถูกมาก เหมาะกับรถอายุมากกว่า 10 ปีขึ้นไป พราะชั้น 3+ จะ ซ่อมรถเราได้ ถ้ามีคู่กรณีเป็นรถยนต์ทางบกลดภาระค่าใช้จ่ายหากเกิดอุบัติเหตุบนถนนที่มีรถชนกัน
ประกันรถยนต์ EV

ทำไมควรซื้อประกันรถยนต์ไฟฟ้ามือสอง

รถ EV มือสองยังมีราคาสูงถ้าเกิดอุบัติเหตุซ่อมเองไม่คุ้ม ส่วนแบตเตอรี่เป็นหัวใจของรถ EV ราคาหลักแสนถึงหลายแสนบาท หลายกรณีก็เกิดเหตุกับระบบไฟฟ้า-อุปกรณ์ชาร์จซึ่งค่าซ่อมหรือเปลี่ยนแพงกว่ามาก การมีประกันจึงช่วยลดความเสี่ยงได้เยอะ

✅คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

ถ้าเป็นรถยนต์มือสองอายุไม่เกิน 7–10 ปี ควรทำประกันชั้น 1 แต่ถ้าเป็นรถยนต์มือสองอายุเกิน 10 ปีขึ้นไป ประกันชั้น 1 จะหาทำยาก หรือค่าเบี้ยไม่คุ้มค่าแนะนำชั้น 2+ หรือ 3+ แทน

⚡ พิเศษสำหรับรถไฟฟ้ามือสอง

ถ้าอายุไม่มากควรเลือกชั้น 1 ที่ครอบคลุมแบตเตอรี่ด้วย (เช็กเงื่อนไขให้ดี) แต่ถ้าอายุเริ่มมากแล้ว หาประกันชั้น 1 ไม่ได้ ดังนั้นควรเลือกอย่างน้อย ชั้น 2+ เพราะยังคุ้มครองอุบัติเหตุที่มีคู่กรณี

บทความแคร์รถมือสอง

Rabbit Care Blog Image 94386

แคร์รถมือสอง

เผยข้อมูลเกี่ยวกับการประมูลรถ ที่หลายคนอาจสนใจอยากลองเข้าร่วม

เวลาที่ต้องการเลือกซื้อรถยนต์มือ 2 ดี ๆ สักคันหนึ่งทุกคนคงเริ่มต้นจากเต็นท์รถใกล้บ้านเป็นอันดับแรก แต่ถ้าพูดถึงเรื่องการประมูลรถขึ้นมา
Natthamon
16/09/2024
Rabbit Care Blog Image 89765

แคร์รถมือสอง

บิ๊กไบค์มือสอง มีวิธีเลือกอย่างไรให้ได้รถที่ดีที่สุด

เหตุผลในการตัดสินใจบิ๊กไบค์มือสองส่วนใหญ่ มักเริ่มต้นจากการอยากลองรถในราคาที่เข้าถึงง่ายก่อนเป็นอันดับแรก
Thirakan T
04/06/2024