อยากเริ่มทำอาหารเดลิเวอรี่? นี้คือสิ่งที่คุณต้องรู้
เชื่อว่าความฝันของหลาย ๆ คนคือการมีธุรกิจเป็นของตนเอง โดยเฉพาะร้านอาหารที่ทำเมนูอร่อย ส่งความสุขให้ทุกคน ยิ่งปัจจุบันมีการเดลิเวอรี่ ส่งอาหารไปได้จากห้องครัวของคุณ ตรงไปถึงปากของผู้บริโภค แต่จะทำอย่างไรล่ะ? ให้ร้านเดลิเวอรี่ของคุณ มีหน้ามีตาบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ มาดูกันเลยว่าการเริ่มธุรกิจเดลิเวอรี่ให้ปัง ต้องทำอย่างไร?
เดลิเวอรี่ คือ…
ก่อนอื่นเรามาสร้างความเข้าใจร่วมกันก่อนว่าเดลิเวอรี่ คืออะไร? เดลิเวอรี่ คือคำที่ถูกใช้ แทนคำว่าขนส่ง ไม่ว่าจะเป็นการส่งของ ขนม เครื่องดื่ม อาหาร ซึ่งธุรกิจเดลิเวอรี่ กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของใคร ๆ หลาย ๆ คน เพราะภาวะโควิด ไปจนถึงไลฟ์สไตล์ที่ยุ่งวุ่นวาย เดลิเวอรี่ คืออีกหนึ่งทางเลือกที่เหมาะกับหลาย ๆ คน
ดูต้นทุนของตัวเองก่อน
เดลิเวอรี่ คือธุรกิจที่เราสามารถเริ่มได้เองเลย ฉะนั้นมาประเมินตัวเองกันก่อนว่าเรามีอะไรบ้าง จุดอ่อนจุดแข็งของเรา และทุนทรัพย์ที่เรามีอยู่แล้วเพียงพอที่จะทำเดลิเวอรี่ระดับไหน หากทุนน้อยอาจไม่ต้องคิดไปถึงว่าจะมีหน้าร้าน แล้วค่อย ๆ เริ่มพัฒนาสูตรในครัวหลังบ้านไปก่อน เพราะอย่างไรก็ตามคุณสามารถเดลิเวอรี่อาหารจากที่บ้านได้เลย และที่สำคัญ ให้ดึงจุดเด่นของตนเองออกมา บางเจ้าไม่ต้องมีร้านใหญ่ ๆ แต่ใช้สูตรอาหารเฉพาะของบ้านที่ตกทอดมารุ่นสู่รุ่นก็สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับตนเองได้อย่างรวดเร็ว ให้ดูสิ่งที่ตนเองมีบนหน้าตักก่อนแล้วจึงทำรีเสิร์ชค้นหาเพิ่มเติม
ศึกษาเทรนด์อาหารมาแรง
อย่างต่อไปมาศึกษาเทรนด์อาหารของหลาย ๆ ปีนี้กันเถอะ! เพราะแน่นอนว่าคุณทำอาหารเดลิเวอรี่ คุณก็ต้องอยากให้ร้านของคุณฮิตติดชาร์ทอย่างแน่นอน ซึ่งเดี๋ยวนี้อาหารก็เหมือนแฟชั่น มีเทรนด์ความนิยมขึ้นๆ ลงๆ แต่นี้คือเทรนด์อาหารที่มีรายงานว่าช่วงหลาย ๆ ปีที่ผ่านมาได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ สำหรับใครที่อยากเข้าสู่ธุรกิจเดลิเวอรี่อาหาร ลองเอาเทรนด์ต่าง ๆ ไปผสมผสานกับเมนูอาหารของคุณได้เลย
เทรนด์อาหารสุขภาพ ซุปเปอร์ฟู้ด (Superfood)
โควิดดูเหมือนว่าจะอยู่กับเราไปอีกยาว ๆ และถึงแม้โควิดหายไป หลาย ๆ คนก็ให้ความสำคัญกับสุขภาพ โดย 75% ของผู้บริโภคกล่าวว่าภายใน 1 สัปดาห์ อยากทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ 2-3 วัน ฉะนั้นธุรกิจเดลิเวอรี่ที่เป็นที่นิยม เริ่มจะต้องมีความเฮลตี้ มีความคลีน แพลบต์เบส (Plant-Based) นอกจากนั้นความสนใจกลุ่มอาหารลองซุปเปอร์ฟู้ด หรือวัตถุดิบอย่างเดียวที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพแบบครอบจักรวาล ยังมีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดเจีย เฮ็มพ์ซีด (เมล็ดกัญชง) ลองนำมาผสมผสานให้เมนูดูดึงดูดและดีต่อสุขภาพมากขึ้น
เทรนด์อาหารเพื่อลำไส้
ขยายต่อมาจากเทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพ โดยโฟกัสไปที่กระเพาะและลำไส้ ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้รับประทานอาหารมีความผอมเพรียวสเลนเดอร์ โดยเฉพาะกลุ่มอาหารหมักดอง ที่อุดมไปด้วยพรีไบโอติกส์ (Prebiotics) และโพรไบโอติกส์ (Probiotics) ช่วยให้การขับถ่ายดี ขจัดสารพิษออกจากสารบบของร่างกาย ซึ่งอาหารบุกเบิกเทรนด์นี้ ก็คงหนีไม่พ้นกิมจิ โยเกิร์ต แต่ทางเลือกใหม่ ๆ ก็จะเริ่มมีมากขึ้นเช่นชาหมักคอมบูชา ขนมปัง Sourdough
เทรนด์สั่งของว่าง
ผู้สั่งเดลิเวอรี่กว่า 64% กล่าวว่าตนเองสั่งของทานเล่นมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาก จึงเป็นอีกหนึ่งเทรนด์สุดปังที่ร้านอาหารจะต้องสั่งได้ตลาดเวลา ไม่จำเป็นต้องสั่งเฉพาะมื้อเช้า กลางวัน เย็น แต่เดลิเวอรี่ได้ตลอดเวลา ซึ่งมาจากเทรนด์การทำงานที่บ้าน (Work From Home) คนนิยมสั่งอาหารทานเล่นแบบไม่ค่อยเป็นเวลา สั่งเวลาหิว ทำให้ของทานเล่นที่เป็นกึ่งของหวาน ของคาว ทานแล้วอยู่ท้องอย่างขนมโตเกียว ขนมบ้าบิ่น ไปจนถึงหม่าล่าเสียบไม้ น้ำปั่น ชาไข่มุก จึงได้รับความนิยมแบบไม่เคยตกเทรนด์ในแอปเดลิเวอรี่
ศึกษาเทรนด์ธุรกิจเดลิเวอรี่
นอกจากเทรนด์อาหารแล้วสิ่งที่ต้องศึกษาคือเทรนด์ที่มาจากธุรกิจเดลิเวอรี่ ของกินหมวดหมู่ไหนได้รับความในแอปเดลิเวอรี่นั้น ๆ ได้รับความนิยมที่สุด โดยปี 2565 แอปพลิเคชั่น Grab ได้มีรายงานว่าคำที่คนใช้เสิร์จในการหาเมนูอาหารมากที่สุดคือ 1) ไก่ทอด 2) กาแฟ 3) ส้มตำ 4) ข้าวซอย และ 5) ชาเขียวเย็น ส่วนในช่วงเทศกาล อาหารที่คนค้นหามากที่สุดคือ
ทางด้านไลน์แมน รายงานไว้เรียบร้อยถึงเมนูเทรนดี้ที่จู่ ๆ ก็มีคนเสิร์จหาเยอะขึ้นแบบน่าตกใจ ตั้งแต่ข้าวเหนียวมะม่วง ที่หลังจากน้องมิลลิขึ้นเวทีกินก็มีคนสั่งเดลิเวอรี่เพิ่มเป็น 320,000 ออเดอร์เลยทันที ข้าวซอยตอนที่มีกระแสได้ซุปอันดับ 1 ของโลก ก็มีคนเสิร์จเดลิเวอรี่มากถึง 316,000 ครั้งใน 3 เดือน หรือขนมบ้าบิ่นที่กำลังเป็นเทรนด์สุด ๆ ก็มีคนเสิร์จเดลิเวอรี่มากถึง 1,856,000 ครั้ง แต่ไม่ว่าเทรนด์จะมาแรงขนาดไหนอาหารยอดนิยมก็ยังตกเป็นของส้มต่ำ ที่มีคนเสิร์จและสั่งมากถึงระดับ 6.8 ล้านออเดอร์ ฉะนั้นการจับเทรนด์เทรนด์เดลิเวอรี่ คือสิ่งที่สำคัญ และเจ้าของร้านควรรีบคว้ามา
เตรียมตัวก่อนเดลิเวอรี่จริง ๆ
หลังจากทำรีเสิร์ชเรียบร้อย และรู้แล้วว่าตนเองจะทำธุรกิจเดลิเวอรี่อะไร? มาถึงขั้นตอนเทคนิคกันบ้างดีกว่า ว่าก่อนจะนำร้านขึ้นแพลตฟอร์ม เรามีอะไรที่จะต้องเตรียมพร้อมให้พร้อมก่อนทำการขายจริงบ้าง เชื่อเถอะว่าบางสิ่งคุณอาจจะยังคาดไม่ถึงก็เป็นได้
สร้างชุมชนอื่น ๆ เสริมให้กับร้านของคุณ
อย่าหวังพึ่งแค่ช่องทางเดลิเวอรี่อย่างเดียวที่จะทำให้ร้านของคุณออกสู่สาธารณะ แต่ให้สร้างแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่ผู้บริโภคสามารถรับรู้ถึงตัวตนร้านของคุณด้วย โดยเฉพาะสำหรับร้านเล็ก ๆ อาจสร้างชุมชนใน LINE เช่น OpenChat หรือ Line Official ที่เป็น Closed Group ที่ให้คนสามารถเข้ามาคุยกับคุณ หรือสั่งอาหารกับคุณได้โดยตรงเลย หรือช่องทาง Instagramหรือ Facebook ที่จะทำให้ร้านของคุณดีเป็นทางการมากขึ้น
รูปต้องปัง
สิ่งที่ทำให้ร้านคุณโดดเด่นขึ้นมาจากหมู่มวลร้านอาหารในแพลตฟอร์มมากมายก็คือรูปเมนูของคุณ ใช้อาหารที่คุณเสิร์ฟจริง ๆ ไม่ต้องทำให้อลังการเกินไปจนไม่ตรงปก แต่จัดแสงไฟให้เหมาะสม ใช้สีฉากหลังให้ขับสีของอาหาร เน้นให้อาหารเห็นชัดเจน ดูง่าย และที่สำคัญอย่าใช้ภาพที่ทำให้แยกเมนูต่างๆ ไม่ออก เช่น ร้านก๋วยเตี๋ยวบางร้านใช้ภาพก๋วยเตี๋ยวร่วมกับภาพเกาเหลา ทำให้เกิดความสับสนสั่งผิดสั่งถูก ทำให้ประสบการเดลิเวอรี่ของคุณลูกค้าเสียหายได้
เตรียมที่นั่งรอสำหรับไดรเวอร์
อย่าลืมว่านอกจากความสัมพันธ์กับลูกค้า สิ่งสำคัญที่คุณจะต้องใส่ใจด้วยก็คือความสัมพันธ์ระหว่างไดรเวอร์ หรือคนที่ทำการส่งอาหารของคุณไปสู่ลูกค้า ฉะนั้นหากร้านของคุณเป็นร้านเล็ก ๆ หรือทำการเดลิเวอรี่จากที่บ้านของคุณ อย่าลืมเตรียมเก้าอี้ จุดนั่งรอ หรือถ้าใจดีหน่อยก็เตรียมขนม น้ำ เล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้บริการพี่ ๆ ไดรเวอร์ไว้หน่อย เพราะหากร้านคุณทำนาน และต้องยืนตากแดด อาจทำให้ไม่มีไดรเวอร์รับออเดอร์ของคุณ จนทำให้ร้านยอดตกได้เลยทีเดียว
หวังว่าหลาย ๆ คนคงได้เคล็ดลับดี ๆ ในการเริ่มต้นธุรกิจเดลิเวอรี่เล็ก ๆ กันได้ แต่แน่นอนว่าอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดก็คงจะเป็นเรื่องของทุนทรัพย์ ที่จะนำมาลงทุนกับการซื้อสต็อก ไปจนถึงอุปกรณ์พื้นฐานทำอาหารให้ออกมาสมบูรณ์ที่สุด ซึ่ง แรบบิท แคร์ มีคำตอบให้คุณ ด้วยสินเชื่อส่วนบุคคล วงเงินเยอะ อนุมัติง่ายไม่เกิน 1 วัน ที่ให้โอกาสคุณได้สานฝัน เริ่มต้นธุรกิจที่อยู่ในหัว ออกมาเป็นจริง คลิกเลย!
ทีมกองบรรณาธิการ กลุ่มนักเขียนผู้มีประสบการณ์ด้านรถยนต์ การเงิน และประกันภัย ของ แรบบิท แคร์ ที่เปิดดำเนินการมาแล้วมากกว่า 10 ปี