อยากเป็นเจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ต้องเตรียมตัวอย่างไร
การทำงานประจำที่ใคร ๆ ใฝ่ถวิลหาว่า เป็นงานที่มั่นคง เพราะมีรายได้ที่แน่นอน มีสวัสดิการของบริษัทฯ ที่ให้กับพนักงาน แต่ปัจจุบันดูเหมือนจะไม่ตอบโจทย์ใครหลาย ๆ คน เพราะนอกจากจะไม่มั่นคงจากสภาวะทางเศรษฐกิจที่หลายบริษัทต่างปลดพนักงานออกเป็นว่าเล่นแล้ว ยังปรับลดเงินเดือนและสวัสดิการลงไปอีกด้วย ฉะนั้นแล้วการมีอาชีพที่ 2 หรืออาชีพเสริมจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นในยุคสมัยนี้ โดยเฉพาะธุรกิจแฟรนไชส์ ที่มักเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของคนที่อยากจะประกอบธุรกิจส่วนตัว เพราะมองว่าสามารถสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ แต่จะมีขั้นตอนและการเตรียมตัวอย่างไรกันบ้าง Rabbit Care ได้รวบรวมข้อมูลดี ๆ มาฝากกัน
ขั้นตอนการเริ่มธุรกิจแฟรนไชส์อย่างเป็นระบบ
1.เริ่มค้นหาธุรกิจที่โดนใจ
ศึกษาค้นคว้าดูว่า ในปัจจุบันธุรกิจประเภทไหนเป็นที่ต้องการของลูกค้า ดูถึงกลุ่มลูกค้าที่จะเข้าร้านเป็นหลัก รวมถึงผู้ที่จะเป็นเจ้าของแฟรนไชส์นั้น ๆ ต้องมีความชื่นชอบด้วย และมีความเข้าใจในตัวสินค้า เพื่อให้เกิดความสนุกในการทำงาน ไม่เบื่อหน่าย เพราะโดยทั่วไปแล้วแล้วหลายคนมักจะแค่รู้สึกว่าอยากเป็นเจ้าของธุรกิจ อยากเป็นนายตัวเอง และคิดว่าธุรกิจแฟรนไชส์นั้นจะสามารถผลักดันให้ประสบความสำเร็จได้อย่างเป็นกำกอบเป็นกำ โดยที่ไม่ต้องทำอะไรมาก ซึ่งถือว่าเป็นความเข้าใจผิดอย่างสิ้นเชิง แล้วคิดเหมารวมเอาว่าระบบของแฟรนไชส์จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องทำอะไรมาก แต่แท้ที่จริงแล้วตัวเราเองต้องบริหารจัดการอย่างเป็นระบบเพื่อให้ธุรกิจเติบโตและอยู่ต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหน เราก็จำเป็นต้องใส่ใจทุ่มเททำงานเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จนั่นเอง
2.เริ่มมองหาร้านแฟรนไชส์ต้นแบบที่ชื่นชอบ
เมื่อศึกษาดูในสิ่งที่ชอบ รวมถึงพิจารณาถึงความต้องการของลูกค้าแล้ว จึงเริ่มทำการค้นหาว่า มีธุรกิจที่เราชื่นชอบอยู่นั้น ปัจจุบันมีเจ้าไหนบ้างที่สามารถเป็นต้นแบบให้กับเราได้ในการทำแล้วประสบความสำเร็จ เพื่อดูว่าแบรนด์นั้นมีความแข็งแกร่งแค่ไหน กลุ่มลูกค้าเป็นอย่างไร ข้อดีและข้อเสียในการบริหารจัดการ รวมถึงงบประมาณในการที่จะเปิดธุรกิจแฟรนไช์นั้น ๆ ด้วยว่า มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เช่น อุปกรณ์เครื่องใช้ต่าง ๆ ที่จำเป็น โลโก้ หรือป้ายโฆษณา ระบบการขาย รวมถึงระบบการเก็บเงิน การจัดร้าน เป็นในรูปแบบไหน ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในโลเคชั่นใด เช่น โรงเรียน ห้างสรรพสินค้า ฯลฯ ซึ่งต้องศึกษาดูแฟรนไซส์ต้นแบบสักประมาณ 4 – 5 เจ้า เพื่อจะได้นำมาเปรียบเทียบ และได้สิ่งที่ดีที่สุดนั่นเอง เพราะการลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์นั้นต้องใช้เงินในการลงทุนพอสมควร
3.เริ่มตรวจสอบการจดทะเบียนธุรกิจแฟรนไชส์
เมื่อได้ธุรกิจแฟรนไชส์ที่เป็นต้นแบบที่เราชื่นชอบแล้ว ทีนี้ก็ต้องตรวจสอบให้ดีอีกทีว่า ธุรกิจนั้น ๆ มีการจดทะเบียนทางการค้าที่ถูกต้องหรือไม่ มีการข่าวเสียหาย เกี่ยวกับการฟ้องร้อง หรือว่าก่อนหน้านี้ผู้ที่เคยซื้อธุรกิจแฟรนไชส์มาใส่ได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง ซึ่งอาจจะค้นหาข้อมูลได้หลากหลายช่องทาง รวมถึงการจัดอบรมให้กับผู้ที่มาซื้อธุรกิจแฟรนไชส์นั้นก็ถือว่า เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะเราในฐานะผู้ซื้อธุรกิจนั้นจะได้รู้ว่า มาตรฐานในการขายต่อไปจะเป็นอย่างไร รวมถึงการรับรู้วิธีการในการดำเนินการธุรกิจต่าง ๆ และคาดว่าแต่ละวันจะได้ประมาณเท่าไหร่ จากในอดีตที่เคยทำมา เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่เราได้ด้วย
4.เริ่มหาทำเลที่ตั้งธุรกิจแฟรนไชส์ของตัวเอง
ไม่ว่าจะเลือกทำธุรกิจอะไรก็ตามแต่ สิ่งที่สำคัญไม่แพ้สิ่งอื่นใดนั่นคือ ทำเลที่ตั้งของร้านค้า เพราะหากเราหาที่ตั้งของทำเลในการไม่ดีแล้ว ต่อให้ธุรกิจแฟรนส์ดีแค่ไหน เป็นรู้จักของผู้คนมากเท่าใดกับความโด่งดังและชื่อเสียงที่สร้างมา แต่ถ้าไปอยู่ในทำเลที่ไม่ดี ไม่มีคนรู้จัก หรือไม่ตรงตามกลุ่มเป้าหมายกับธุรกิจนั้น ๆ ก็ไม่สามารถทำกำไรได้ ฉะนั้นแล้วการเปิดแฟรนไชส์ ถือเป็นการลงทุนที่ต้องสร้างความแข็งแกร่งตั้งแต่เริ่มต้นหือถ้ามีพื้นที่เป็นของตัวเองอยู่แล้วก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะจะได้ไม่ต้องเสียเงินค่าเช่า ก็ถือว่าเป็นการลดต้นทุนและความเสี่ยงลงไปได้จากการที่ในวันหนึ่งวันใดถ้าเจ้าของพื้นที่เกิดต้องการขอคืนขึ้นมา ในขณะที่เรากำลังขายดีก็อาจจะทำให้พลาดโอกาสในการทำกำไรในอนาคตได้เช่นกัน
5.เริ่มทำสัญญาธุรกิจแฟรนไชส์
สิ่งที่ต้องทำเมื่อเริ่มเป็นเจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ นั่นคือการทำเอกสารสัญญา ซึ่งถ้าเราเป็นผู้ซื้อธุรกิจแฟรนไชส์ ก็ต้องทำการอ่านรายละเอียดให้ครบถ้วน และถ้าไม่เข้าใจในส่วนไหน ก็สามารถสอบถามกับเจ้าของแฟรนไชส์ได้ทันที เพื่อไม่ให้เกิดความสงสัย และจะได้ไม่ต้องเกิดความผิดใจจนต้องเกิดการฟ้องร้องในภายหลัง และเพื่อเป็นการทำความเข้าใจก่อนที่จะเซ็นต์สัญญา และเมื่อเกิดความมั่นใจแล้ว ก็สามารถจ่ายสตางค์เพื่อทำสัญญา และสามารถที่จะเตรียมการขายได้เลย
สินเชื่อบุคคล สานฝันธุรกิจแฟรนไชส์ได้
เมื่อต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ แต่ขาดทุนทรัพย์ หรือต้องการที่จะมีเงินทุนไว้เป็นสภาพคล่องให้กับธุรกิจของเรา เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะสานฝันของคุณไม่ให้สะดุดลงไปได้ เพราะสินเชื่อบุคคล ซึ่งเป็นรูปแบบของเงินกู้ในระบบที่สถาบันการเงินเป็นผู้ปล่อยกู้หรืออนุมัติให้กับบุคคลทั่วไป โดยจะให้สูงสุดประมาณ 5 เท่าของรายได้ผู้กู้ ซึ่งผู้ที่ขอกู้ไม่จำเป็นต้องมีบุคคลหรือหลักทรัพย์ค้ำประกัน แต่จะพิจารณาจากประวัติทางการเงิน เงินเดือน ตำแหน่งหน้าที่การงาน เป็นต้น
ทั้งนี้สามารถขอสินเชื่อบุคคลได้ที่ Rabbit Care ช่องทางออนไลน์ที่ทำให้คุณเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย และโปรโมชั่นต่าง ๆ จากหลากหลายสถาบันการเงินมาอยู่ในที่เดียวกัน ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาในการค้นหาสินเชื่อบุคคลที่โดนใจและตรงตามความต้องการให้ได้มากที่สุด ซึ่งมีจากที่ไหนบ้างน่าสนใจ สามารถดูได้ตามนี้
- สินเชื่อบุคคลซิตค้ ผ่อนเริ่มต้นเพียงแสนละ 2,762 บาทต่อเดือนเท่่ามนั้น อนุมัติง่าย ได้เงินไว ใช้จ่ายอะไรก็ได้ ค่อย ๆ ผ่อนได้นาน 60 วัน ให้วงเงินสูงสุด 2 ล้านบาท หรือ 5 เท่าของรายได้ ไม่ต้องใช้เอกสารเยอะ ไม่ต้องมีคนค้ำประกัน
- สินเชื่อหมุนเวียนส่วนบุคคล กรุงศรี เคลียร์หนี้หนักให้เป็นเบาได้ในคราวเดียว ดอกเบี้ยต่ำ ได้เงินไว ไม่ต้องมีคนค้ำประกัน อนุมัติวงเงินสูงสุดถึง 2 ล้านบาท รู้ผลไวใน 1 วัน ดอกเบี้ยต่ำสุด 9.99% ผ่อนสบาย ๆ เพียงเดือนละ 7,947 บาทต่อเดือนเท่านั้น
- สินเชื่อส่วนบุคคล KKP Personal Loan ธนาคารเกียรตินาคินภัทร รับเงินก้อน ผ่อนได้นาน ดอกเบี้ยต่ำ 9.99% ระยะเวลาผ่อนชำระ 60 เดือน อนุมัติเมื่อไหร่ รับเงินไวใน 1 วัน ผ่อนเริ่มต้นเพียง 75 บาทต่อวัน หรือผ่อนสบายแสนละ 2,200 บาทต่อเดือน
- สินเชื่อส่วนบุคคล UOB I-Cash เติมเต็มความสุข ทั้งคุณและครอบครัว อนุมัติไว ภายใน 3 วัน รับเงินก้อนสูงสุดถึง 1.5 ล้านบาท หรือ 5 เท่าของเงินเดือน สามารถเลือกผ่อนชำระได้ตั้งแต่ 12 -60 เดือน อนุมัติไวใน 3 วัน หรือรอติดต่อกลับภายใน 48 ชม.
สนใจสมัครสินเชื่อบุคคลได้ที่ Rabbit Care
มีประสบการณ์สร้างสรรค์ผลงานออนไลน์ 10 ปี เขียนด้านเงิน การลงทุน บทความวิเคราะห์สถานการณ์การเงินในประเทศ และฝากผลงานไว้ที่ Rabbit Care ถึง 4 ปี