ยาดม สินค้ายอดนิยมในไทย ใช้บ่อยเสี่ยงอันตรายจริงหรือไม่ ?
ยาดม สินค้ายอดนิยมที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน แถมปัจจุบันยังกลายเป็นเหมือนไอเทมคู่ใจของคนวัยทำงานและชาวออฟฟิศที่ต้องมีติดโต๊ะทำงานไว้ ไม่ว่าจะมีงานหนัก งานเครียด และแรงกดดันมากแค่ไหน ขอแค่มียาดมคู่ใจ ก็เหมือนจะช่วยบรรเทาปัญหาให้เบาลงได้ สุดท้ายจึงเหมือนกลายเป็นไอเทมกู้ภัยสำหรับวัยทำงานหลาย ๆ คนที่ต้องพกติดตัวทุกวัน
แต่ว่ากันว่าแม้จะมีข้อดีมากมาย แต่หากดมยาดมมากเกินไปจะมีอันตราย เรื่องดังกล่าวนั้นเป็นความจริงหรือไม่ ? วันนี้ แรบบิท แคร์ จะมาไขข้อข้องใจพร้อมนำเกร็ดความรู้เกี่ยวกับยาดมมาฝากกัน
ยาดม คืออะไร ?
ยาดม ยาสามัญประจำบ้านซึ่งได้รับการประกาศให้กลายเป็นยาสามัญประจำบ้านตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขไทย เมื่อปี พ.ศ. 2550 โดยในประกาศนั้นได้มีการระบุว่ายาดมหรือทาแก้วิงเวียน หน้ามืด และคัดจมูกนั้น เป็นรายการยาที่ควรจะมีติดบ้านเอาไว้เป็นลำดับที่ 8 โดยจะทำการแบ่งประเภทของยาดมเป็น 3 ประเภท ได้แก่
- แก้วิงเวียน เช่น แอมโมเนียหอม
- แก้วิงเวียน ช่วยแก้คัดจมูก
- ยาทาระเหยบรรเทาอาการคัดจมูกชนิดขี้ผึ้ง
ซึ่งในปัจจุบันนั้นในแต่ละแบรนด์ผู้ผลิตก็ได้มีการพัฒนารูปแบบของยาดมให้มีเอกลักษณ์และมีความแตกต่างกันไปทั้งในเรื่องของรูปร่าง รูปแบบการใช้หรืออาจมีกิมมิกต่าง ๆ แต่หลัก ๆ แล้วก็ยังมีพื้นฐานจาก 3 ประเภทดังกล่าวนั่นเอง
ประวัติความเป็นมาของยาดม
แม้จะไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์อย่างแน่ชัดว่าคนไทยนั้นได้มีการเริ่มใช้ยาดมกันตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่แน่นอนว่าคนไทยก็อยู่คู่กับยาดมมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่มีการใช้สมุนไพรจากธรรมชาติในการรักษาโรคต่าง ๆ หรือหากจะนับจากแบรนด์ผู้ผลิตที่เก่าแก่ในประเทศไทยนั้น อย่างน้อย ๆ ที่สุด ตราโป๊ยเซียนที่ถือเป็นยาดมแบรนด์แรก ๆ ที่ได้ทำการเปิดตัวและอยู่คู่กับคนไทยมาอย่างช้านาน ก็เกิดขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2479 เลยทีเดียว
แต่หากจะย้อนไปถึงต้นกำเนิดหรือที่มาของนับแต่อดีตเลยนั้น การใช้สมุนไพรในการรักษาโดยใช้สมุนไพรซึ่งนับเป็นตัวยาที่ใช้กลิ่นในการบำบัด (Aromatherapy) นั้น เป็นที่รู้จักกันดีมานานกว่า 6,000 ปีแล้ว โดยเริ่มใช้ครั้งแรกในประเทศอียิปต์ ซึ่งพวกเขามักใช้การเผาสมุนไพรเพื่อให้ได้กลิ่นหอมเพื่อใช้ในการบูชาเทพเจ้า ต่อมาชาวโรมันได้รับความรู้ทางการแพทย์ด้วยวิธีการใช้กลิ่นบำบัดมาจากชาวกรีก จากนั้นได้นำการมาประยุกต์ผสมผสานกับศาสตร์อื่น ๆ ต่อมา
ในช่วงยุคหลังสงครามครูเสด ระหว่างช่วงปี ค.ศ. 980-1037 นั้น การใช้กลิ่นหอมดังกล่าวก็ได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น ความรู้เกี่ยวกับอโรมาออยล์และน้ำมันหอมซึ่งเป็นศาสตร์เดียวกับยาดมนั้นแพร่กระจายและได้รับความนิยมเป็นวงกว้าง
สำหรับประวัติศาสตร์ของทางฝั่งทวีปเอเชียนั้นก็ได้มีการค้นพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ยืนยันให้เห็นอย่างชัดเจนว่าชาวจีนเองก็รู้จักศาสตร์การใช้กลิ่นหอมและพืชสมุนไพรมาอย่างยาวนานเทียบระยะเวลาแล้วพอ ๆ กับชาวอียิปต์ โดยในหนังสือสมุนไพรเล่มหนึ่งของจีนมีการจดบันทึกไว้เมื่อ 2,700 ปีก่อนคริสตกาลว่าชาวจีนนั้นสามารถแยกสารหอมจากพืชสมุนไพรในธรรมชาติได้มากกว่า 300 ชนิด และชาวจีนก็ได้ใช้การเผาไม้หอมเพื่อบูชาเทพเจ้าเช่นเดียวกับชาวอียิปต์อีกด้วย
และสำหรับหลักฐานทางประวัติศาสตร์การใช้ยาดมของไทยเรานั้น แม้จะไม่มีหลักฐานถึงจุดเริ่มต้นการใช้ดังที่ได้กล่าวไปเมื่อแรกเริ่ม แต่ก็มีหลักฐานที่แสดงถึงความนิยมในการดมยาสำหรับดมเพื่อการรักษาที่ค้นพบในช่วงสมัยรัชกาลที่ 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงโปรดปรานเครื่องสุคนธรส (เครื่องหอม) โดยสุนทรภู่ได้เขียนถึงพระองค์ไว้ในปราสาทภูเขาทองเอาไว้ว่า
“เคยหมอบใกล้ได้กลิ่นสุคนธ์ตลบ
ละอองอบรสรื่นชื่นนาสา
สิ้นแผ่นดินสิ้นรสสุคนธรา
วาสนาเราก็สิ้นเหมือนกลิ่นสุคนธ์”
ส่วนประกอบและสรรพคุณ
อย่างที่เราต่างก็ทราบกันดีถึงสรรพคุณพื้นฐานของยาดมกันดีอยู่แล้วว่ามีสรรพคุณในการช่วยลดการวิงเวียนศีรษะ กระตุ้นประสาทให้มีความสดชื่น บรรเทาอาการหน้ามืด เป็นลม และช่วยเรื่องการคัดจมูก แต่รู้หรือไม่ว่าส่วนประกอบหลักที่นิยมนำมาใช้ทำยาดมนั้นคืออะไร ตัวไหนมีสรรพคุณอย่างไร ถึงช่วยบรรเทาอาการต่าง ๆ เหล่านั้นได้ ลองมาอ่านให้เข้าใจไปพร้อมกัน
พิมเสนเทียม/พิมเสนเกล็ด (Borneol) , พิมเสนแท้ (Borneol camphor)
ส่วนประกอบในการทำอย่างพิมเสนเทียม/พิมเสนเกล็ด หรือพิมเสนแท้นั้นเป็นวัตถุดิบที่ได้มาจากต้นพิมเสน ซึ่งถือเป็นสารสกัดจากพืชที่สามารถช่วยรักษาแผลสด มีกลิ่นหอม มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการเป็นลม วิงเวียน หน้ามืด ช่วยบำรุงหัวใจ ช่วยขับลม แก้อาการจุกเสียดแน่นเฟ้อ แก้ปวดท้องได้
เมนทอล (Menthol Crystal)
อีกส่วนประกอบนั้นคือสารสกัดจากนํ้ามันสะระแหน่ (Peppermint Oil) ซึ่งมักถูกใช้เป็นยาภายนอกเกี่ยวกับการลดอาการปวดเมื่อย ช่วยในการฆ่าเชื้อ และใช้เป็นยาขับลม
ผงการบูร
อีกส่วนประกอบที่ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จัก มีกลิ่นหอมแรง สรรพคุณช่วยขับเสมหะและลม อาการแน่นจุกเสียด ปวดท้อง ขับลมในลําไส้ แก้ไอ แก้เลือดลม ชู ขับ เหงื่อ แก้ปวดตามเส้น แก้เคล็ดขัดยอก บวม แก้ปวดข้อ บรรเทาอาการปวดเส้นประสาท แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย
ดมยาดมบ่อย อันตรายจริงหรือไม่ ?
ถึงแม้ว่ายาดมนั้นจะมีข้อดีมากมาย แต่รู้หรือไม่ว่าส่วนประกอบหลักที่ใช้ในการผลิตอย่าง เมนทอลและการบูรนั้นทำให้เราสามารถติดได้ง่ายเนื่องจากเป็นสารที่ส่งผลต่อระบบประสาท แต่แน่นอนว่าจุดนี้ไม่ได้ทำอันตรายต่อร่างกายเราโดยตรง เพียงแต่ส่งผลให้เราติดยาดมเพียงเท่านั้น
ทว่าอันตรายที่แท้จริงนั้นจะเกิดขึ้นหลังจากที่เราติดการดมอย่างหนัก ดั่งเช่นที่โรงพยาบาลเพชรเวชได้ให้ข้อมูลผลเสียของการดมยาดมบ่อยไว้ว่า ในส่วนประกอบของยาดมนั้นจะมีสารที่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่ออวัยวะทางเดินหายใจต่าง ๆ และอาจส่งผลร้ายแรงทำให้ โพรงจมูกอักเสบ ไปจนถึงปอดอักเสบได้เลยทีเดียว ดังนั้นสำหรับใครที่คิดว่าควบคุมพฤติกรรมการดมของตัวเองไม่ได้ และมีอาการติดอย่างรุนแรงต้องพยายามลดพฤติกรรมเหล่านี้ลง หรือหากคิดว่าทำไม่ได้จริง ๆ ก็อย่าลืมทำประกันสุขภาพไว้ให้อุ่นใจ เผื่อวันไหนต้องรักษาร่างกายจะได้ไม่ต้องเสียเงินก้อนใหญ่นั่นเอง
ยาดม แก้ภูมิแพ้ได้จริงหรือไม่ ?
คำตอบคือแม้จะมีสรรพคุณที่ช่วยขับเสมหะและช่วยบรรเทาอาการคัดจมูกได้ แต่ไม่ได้สามารถรักษาโรคภูมิแพ้ได้แต่อย่างใด เพียงแต่ให้ความรู้สึกโล่งสบายเลยทำให้หลายคนเข้าใจผิดไปว่ายาดม แก้ภูมิแพ้ได้นั่นเอง
แนะนำว่าสำหรับคนที่มีอาการภูมิแพ้ ควรเข้ารับการวินิจฉัยและรับคำแนะนำในด้านการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง ไม่ควรใช้ยาดมเป็นตัวช่วยหรือทางออกในการบรรเทาอาการอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากโดยส่วนมากแล้วผู้ที่เป็นภูมิแพ้นั้นมักมีอาการโพรงจมูกและระบบทางเดินหายใจที่บอบบาง ไวต่อการกระตุ้น หากดมยาดมที่มีส่วนประกอบซึ่งอาจทำร้ายระบบทางเดินหายใจในระยะเวลานาน ๆ อาจทำให้อาการแย่ลงได้นั่นเอง
แนะนำยี่ห้อยาดมยอดนิยมของไทย
สำหรับคนที่เพิ่งจะเริ่มต้นเข้าวงการติดยาดมนั้นอาจจะมีความสงสัยว่าจะเลือกซื้อยาดม ยี่ห้อไหนดี ? ต้องบอกตรงนี้ว่ายาดมทุกแบรนด์นั้นต่างก็ดี เพียงแต่สัดส่วนการผสมกลิ่นสมุนไพรออกมาอาจแตกต่างกันทำให้กลิ่นที่ได้ไม่เหมือนกัน ซึ่งในส่วนนี้นั้นก็นับว่าเป็นรสนิยมความชื่นชอบกลิ่นยาดมส่วนบุคคลที่แตกต่างกันไป สามารถลองซื้อยาดมของแต่ละแบรนด์มาลองดมกันได้ ซึ่งยาดมที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ก็เช่น ยาดม ตราโป๊ยเซียน ยาดม หงส์ไทย ยาดม Pastel เป็นต้น
มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี เป็นนักเขียนด้านประกันสุขภาพ ประกันชีวิต เพื่อสุขภาพที่ Rabbit Care และ Asia Direct
และ 12 ปี ในอุตสาหกรรม OTA อย่าง Laterooms.com , Expedia.com จึงมีความเชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยว
จบการศึกษาปริญญาตรี สาขาการจัดการการเงิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น