
เช็กลิสต์ 10 พฤติกรรมที่คุณ(อาจ)พลาด ขณะเลือกซื้อประกันสุขภาพ
น้ำอัดลม เครื่องดื่มยอดนิยมที่ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จักและเคยรับประทาน เพราะนอกจากจะมีรสชาติหวานอร่อยก็ยังช่วงสร้างความรู้สึกสดชื่นให้ผู้ดื่มได้เป็นอย่างมาก แต่ก็อย่างที่เราทราบกันดีว่าหากรักสุขภาพก็ไม่ควรรับประทาน วันนี้ แรบบิท แคร์ จึงนำประโยชน์ และข้อควรระวังในการดื่มน้ำอัดลม รวมถึงเกร็ดความรู้ต่าง ๆ มาฝากทุกคนกัน
น้ำอัดลม คือเครื่องดื่มอัดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งมีส่วนประกอบหลักเป็นน้ำโซดา มีรสชาติหวานด้วยสารให้ความหวาน เติมสี และมีการใส่วัตถุปรุงแต่งกลิ่นรส ไม่มีแอลกอฮอล์ น้ำที่ใช้ในการทำน้ำอัดลมนั้นเป็นน้ำสะอาดตามคุณภาพและมาตรฐานของน้ำดื่มซึ่งน้ำจะมีปริมาณ 86-93% ผสมกับน้ำตาลร้อยละ 7-14% ใส่สารปรุงแต่งกลิ่น รส และสีที่ได้จากส่วนผสมของผลไม้ ผัก หรือสมุนไพรซึ่งเป็นส่วนผสมที่ได้รับการอนุญาตให้ใช้ได้ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข จากนั้นทำการอัดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปเพื่อให้มีรสซ่า ถือเป็นเครื่องดื่มที่เป็นแหล่งของพลังงานซึ่งร่างกายสามารถรับได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีน้ำตาลปริมาณมากเป็นส่วนประกอบ และน้ำตาลที่ใช้นั้นอยู่ในรูปของของเหลวซึ่งสามารถผ่านช่องปากลงสู่กระเพาะอาหารได้อย่างรวดเร็วนั่นเอง
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าน้ำอัดลมน้ำทำจากน้ำเป็นส่วนใหญ่ ทำการนำมาผสมกับน้ำตาล และใส่สารเติมแต่งกลิ่น สี และรสชาติ ที่อาจได้มาจากผัก ผลไม้ หรือสมุนไพรต่าง ๆ จากนั้นทำการอัดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปนั่นเอง
สำหรับผู้ที่ต้องการทราบว่านอกจากส่วนประกอบหลักสำหรับการทำน้ำอัดลมที่ได้แจกแจงไปแล้วนั้น ในน้ำอัดลมยังประกอบไปด้วยสารอะไรอีกบ้าง โรงพยาบาลเพชรเวชได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสารที่อยู่ในน้ำอัดลมว่ามีส่วนประกอบเป็นสารต่าง ๆ ดังนี้
ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นสารที่เป็นส่วนผสมที่มีอยู่ในอัดลมซึ่งเมื่อได้รับในปริมาณมากล้วนแล้วแต่ส่งผลเสียต่อร่างกายของเรา
แน่นอนว่าเมื่อน้ำอัดลมนั้นเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ก็แสดงว่าก็ต้องมีข้อดีที่ทำให้ทุกคนอยากดื่มกันได้ แล้วข้อดีของน้ำอัดลมนั้นคืออะไร ? ลองมาดูไปพร้อมกันได้เลย
สิ่งเหล่านี้ก็คือข้อดีหลัก ๆ ที่น้ำอัดลมมี สำหรับเมืองไทยที่เป็นเมืองร้อนแบบนี้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมน้ำอัดลมจึงได้รับความนิยมเป็นอย่างดี เพราะข้อดีที่มาจากการดื่มน้ำอัดลมเหล่านี้นั่นเอง
แน่นอนว่าเมื่อมีข้อดีแล้วการดื่มน้ำอัดลมก็มีข้อเสียเช่นกัน ความจริงแล้วแม้น้ำอัดลมที่มีรสชาติอร่อย สร้างความชื่นใจให้กับผู้ดื่มได้ แต่น้ำอัดลมก็ถือเป็นเครื่องดื่มที่มีข้อเสียและข้อควรระวังในการดื่มอยู่มาก ดังนี้
สิ่งเหล่านี้คือข้อเสียและเป็นข้อควรระวังที่ต้องคำนึงถึงสำหรับคนที่ชื่นชอบดื่มน้ำอัดลมและมักจะดื่มเป็นประจำและในปริมาณมาก ขอเตือนให้ระมัดระวังเกี่ยวกับสุขภาพ อย่าเอาแต่ตามใจปากหากป่วยมาจะไม่คุ้มกัน
ทราบกันไปแล้วว่าน้ำอัดลมน้ำมีความเป็นกรดสูง แต่ความจริงแล้วกรดในน้ำ อัดลมนั้นไม่แรงพอที่จะสามารถกัดกระเพาะของเราได้เนื่องจากกรดในกระเพาะของเรามีความแรงกว่ากรดในน้ำ อัดลมมากถึง 10 เท่า แต่สาเหตุที่ทำให้เมื่อดื่มน้ำอัดลมลงไปเมื่อท้องว่างแล้วปวดท้องก็เพราะว่าเนื่องจากทั้งกรดคาร์บอนิก กรดฟอสฟอริกในนั้น อาจไปมีปฏิกิริยากับกรดที่มีอยู่ในกระเพาะอาหารอยู่แล้ว จึงส่งผลให้เรารู้สึกปวดท้องเมื่อดื่มน้ำอัดลมตอนท้องว่านั่นเอง
ดื่มน้ำอัดลมมากเกินไป เสี่ยงเป็นโรคอะไรบ้าง ?
ในการดื่มน้ำอัดลมในปริมาณมากและดื่มเป็นประจำนั้น นอกจากจะส่งผลเสียต่อร่างกายดังที่ได้กล่าวมา ยังส่งผลให้เกิดความเสี่ยงในการเป็นโรคต่าง ๆ ดังนี้
หลายครั้งที่เราอาจเคยได้ยินว่าการดื่มน้ำ อัดลมที่ผสมกับเกลือจะช่วยบรรเทาอาการท้องเสียได้ ซึ่งความจริงแล้วในทางการแพทย์ไม่สามารถทำได้ดังเช่นที่โรงพยาบาลเพชรเวชให้ข้อมูลเกี่ยวกับการทานน้ำอัดลมผสมเกลือเมื่อท้องเสียไว้ และแนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำ อัดลมผสมเกลือเมื่อมีอาการท้องเสียอย่างเด็ดขาด เนื่องจากในน้ำอัดลมนั้นมีน้ำตาล รวมถึงสารและแก๊สต่าง ๆ ในปริมาณที่สูงมาก จึงอาจทำให้เมื่อดื่มเข้าไปแล้วจะก่อให้เกิดการระคายเคืองของอวัยวะภายในระบบทางเดินอาหาร และทำให้อาการท้องเสีย ปวดท้อง รุนแรงมากยิ่งกว่าเดิมจนเกิดเป็นอันตรายโดยเฉพาะในเด็กและคนชราที่จะมีความเสี่ยงสูงยิ่งกว่าช่วงวัยอื่น ๆ
ดังนั้น เมื่อมีอาการปวดท้องหรือท้องเสียเกิดขึ้นเราจึงห้ามดื่มน้ำอัดลมผสมเกลืออย่างเด็ดขาด แต่ควรหาซื้อผงเกลือแร่ประเภท ORS (Oral Rehydration Salt) มารับประทาน หรือหากหาเกลือแร่ดังกล่าวไม่ได้จริง ๆ ก็อาจบรรเทาอาการด้วยการนำน้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น 1 ช้อนชา ผสมกับน้ำต้มสุกที่เย็นแล้วปริมาณ 750 มิลลิลิตรจิบแทน
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำและได้รับรู้ถึงข้อเสียรวมถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการดื่มน้ำอัดลมกันไปแล้วแต่ก็ยังคิดว่าตนเองคงเลิกดื่มไม่ได้ แรบบิท แคร์ ก็ได้รวบรวมวิธีการดื่มน้ำอัดลมที่ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพมาให้ ดังนี้
วิธีเหล่านี้ถือเป็นวิธีปฏิบัติตัวอย่างง่ายที่จะทำให้เราสามารถดื่มน้ำอัดลมได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลว่าจะส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายของเรานั่นเอง
ได้ทราบถึงประโยชน์ ข้อเสีย รวมถึงข้อควรระวังในการดื่มน้ำอัดลมกันไปแล้ว จะเห็นได้ว่าแม้จะมีประโยชน์ในการสร้างความสดชื่นและความสุขให้กับเราได้มากยามที่ดื่มรับประทาน แต่ก็มีข้อเสียและส่งผลเสียต่อร่างกายหากดื่มในปริมาณมาก ดังนั้นในการเลือกดื่มน้ำอัดลมนั้นควรดื่มแต่พอดี ดื่มนาน ๆ ที
นอกจากนี้ แรบบิท แคร์ ยังขอแนะนำให้ทุกคนทำประกันสุขภาพ กับ แรบบิท แคร์ ไว้เพื่อความอุ่นใจ หากเมื่อไหร่ลืมตัวดื่มมากเกินไปจนต้องไปพบแพทย์จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาล
น้ำอัดลม คือ เครื่องดื่มที่น้ำมาผสมกับน้ำตาล และใส่สารเติมแต่งกลิ่น สี และรสชาติ ที่อาจได้มาจากผัก ผลไม้ หรือสมุนไพรต่าง ๆ จากนั้นทำการอัดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไป โดยข้อดีของน้ำอัดลมมักเป็นการช่วยทำให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า เพิ่มความสดชื่น คลายร้อน เนื่องจากได้รับน้ำตาล แต่ข้อเสียและข้อควรระวัง คือ หากดื่มมากเกินไป จะทำให้มีอาการท้องอืดและปวดท้อง, ส่งผลให้ฟันผุและฟันเหลือง, ดูแก่กว่าวัย รวมไปถึงการเพิ่มความเสี่ยงของโรคอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น โรคอ้วน, โรคเบาหวาน, โรคหัวใจ, ความดันโลหิตสูง รวมไปถึงโรคกระดูกพรุนได้ ดังนั้นการดื่มแต่พอดี ไม่ดื่มเยอะจนเกินไปจะดีที่สุด
มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี เป็นนักเขียนด้านประกันสุขภาพ ประกันชีวิต เพื่อสุขภาพที่ Rabbit Care และ Asia Direct
และ 12 ปี ในอุตสาหกรรม OTA อย่าง Laterooms.com , Expedia.com จึงมีความเชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยว
จบการศึกษาปริญญาตรี สาขาการจัดการการเงิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น
บทความแคร์สุขภาพ
เช็กลิสต์ 10 พฤติกรรมที่คุณ(อาจ)พลาด ขณะเลือกซื้อประกันสุขภาพ
โรคพุ่มพวงคืออะไร มีอาการอย่างไร อันตรายถึงชีวิตหรือไม่ ?