‘New Normal’ ความปกติแบบใหม่ หลังจบโควิด-19
หลังจากที่ทางรัฐบาลได้ประกาศคลายล็อคดาวน์ ทำให้หลายคนเริ่มกลับไปใช้ชีวิตปกติบ้างแล้ว ถึงแม้จะไม่สมบูรณ์เหมือนเดิมทั้งหมด ทำให้เกิด New Normal หรือ การใช้ชีวิตแบบใหม่ ว่าแต่จะเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างไร วันนี้ แรบบิทไฟแนนซ์ มีคำตอบมาฝากกัน
New Normal หลังจบโควิด-19 จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?
รัฐบาลผ่อนปรนมาตรการคุมเข้มไวรัสโควิด-19
แม้จะยังไม่ยกเลิกเคอร์ฟิวส์ แต่ทางรัฐบาลก็ได้ผ่อนปรนมาตรการลงค่อนข้างมาก เพื่อให้ประชาชนใช้ชีวิตสะดวกและผ่อนคลายมากขึ้น เช่น อนุญาตให้ร้านอาหารที่ไม่ติดแอร์เปิดบริการได้ตามปกติ ร้านค้าสามารถกลับมาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ ร้านตัดผมเปิดให้บริการได้ แต่ต้องมีการรักษาระยะห่างและมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19
นอกเหนือจากร้านค้าต่างๆ แล้ว พื้นที่สาธารณะบางส่วน อย่างสวนสาธารณะบางแห่งก็กลับมาเปิดให้บริการ มีหลายบริษัทที่เริ่มกลับมาทำงานที่ออฟฟิศมากขึ้น หลังจากที่ work from home กันมาแรมเดือน และแน่นอน นี่คือมาตราการผ่อนปรนชั่วคราวเท่านั้น หากไม่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นก็อาจมีการผ่อนปรนเพิ่มเติมต่อไปในระยะที่สอง เช่น การกลับมาเปิดให้ห้างสรรพสินค้าสามารถทำการได้ ร้านอาหารที่ติดแอร์สามารถกลับมาเปิดให้บริการได้ รวมไปถึงรูปแบบบริการอื่นๆ
จะเกิดอะไรขึ้น หลังจบโควิด-19
หลังจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้วิถีชีวิตของคนทั่วทั้งโลกเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง หลายครอบครัวงดการออกไปข้างนอกหากไม่จำเป็น มีการเว้นระยะห่าง ทำให้เกิดกระแสหลีกเลี่ยงการพื้นที่ที่มีคนมากๆ หลายคนเลือกช้อปปิ้งออนไลน์แทนการเดินห้าง หรือผู้สูงอายุหลายคนก็ต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อกักตัว
นอกจากนี้ หลายธุรกิจเองก็มีทั้งเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีและแย่ต่างกัน เช่น ธุรกิจเกี่ยวกับการขนส่ง การช้อปปิ้งออนไลน์ได้รับความนิยมมากขึ้น เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องใช้ในบ้านต่างๆ ได้รับความนิยมสูง รวมไปถึงการให้บริการออนไลน์หลายๆ อย่าง ทั้ง การดูไลฟ์สตรีม การทำธุรกรรมทางออนไลน์ กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด
กลับกับ ธุรกิจอย่างการท่องเที่ยวล้วนซบเซา หรืออาชีพให้บริการอื่นๆ เช่น คลินิกเสริมความงาน ร้านเสริมสวย ร้านนวด เติบโตได้ช้า วงการบันเทิงเองต่างต้องปรับตัว แม้แต่ในจีนเอง ถึงจะผ่านพ้นวิกฤตไปแล้ว แต่ร้านค้า ร้านอาหารทั้งหลายยังปราศจากผู้มาใช้บริการ เนื่องจากความกังวลของไวรัสที่ยังคงมีอยู่
หลายบริษัทที่เริ่มทนพิษเศรษฐกิจซบเซาไม่ไหวต่างทยอยปิดตัว เกิดเป็นปัญหาว่างงาน หนี้เสียในครัวเรือนก็ยังคงเป็นปัญหาที่หลายฝ่ายต้องแก้ไข และประชาชนยังกังวลอย่างมาก
New Normal ที่คาดว่าจะพบเห็นในไทย
1.คนไทยใส่ใจสุขอนามัยมากขึ้น
แน่นอนว่าเชื้อไวรัส หรือเชื้อโรคต่างๆ สามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยการหมั่นทำความสะอาด และรักษาสุขอนามัยให้ดีอยู่เสมอ ต่อไปคนไทยก็จะให้ความสำคัญกับการล้างมือเมื่อหยิบจับสิ่งของมากขึ้น สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันเมื่อต้องอยู่ท่ามกลางคนจำนวนมาก รวมทั้งการรับประทานอาหารด้วยภาชนะส่วนตัว เพื่อลดโอกาสติดเชื้อจากคนรอบข้าง ยังไม่นับรวมการทำความสะอาดบ้านและข้าวของเครื่องใช้ให้สะอาดวับจนเป็นนิสัย
2.ซื้อของออนไลน์
เพราะการออกจากบ้านไปเจอผู้คนย่อมมีแต่ความเสี่ยง ไหนจะโรคระบาด ไหนจะต้องเดินทาง และเสี่ยงอุบัติเหตุบนท้องถนน การซื้อของผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือฟู้ดเดลิเวอรี่ จึงกลายเป็นวิถีชีวิตแบบใหม่ที่ตอบโจทย์คนทุกเพศ ทุกวัย เพราะปัจจุบัน รุ่นพ่อรุ่นแม่ก็สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้อย่างแพร่หลาย อีกทั้งช่วงกักตัวอยู่บ้านเดือนกว่า ๆ ยังทำให้พวกท่านได้ฝึกวิชาและเปิดรับโลกออนไลน์มากขึ้น
3.เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในทุกๆ กิจกรรม
ต้องยอมรับว่าช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างรุนแรง หลายองค์กร หลายธุรกิจ ก็ปรับรูปแบบการให้บริการผ่านช่องทางที่สะดวกยิ่งขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายทอดสดรายการ หรือคอนเสิร์ตต่างๆ ผ่าน Facebook Live การเปิดคอร์สออกกำลังกายแบบออนไลน์ผ่านโซเชี่ยลมีเดียต่างๆ ไปจนถึงการสร้างแอปพลิเคชั่นเพื่อจองคิวเข้ารับบริการตามห้างร้านต่างๆ เพราะนอกจากช่วยลดการแพร่เชื้อ ยังสะดวกกับผู้บริโภคมากกว่า
4.ลดทรัพยากรในการทำงาน
ทำงานอยู่บ้านผ่านคอมพิวเตอร์มาเป็นเดือนๆ เชื่อว่าหลายคนคงสังเกตเห็นว่าการทำงานโดยมีทรัพยากรจำกัดเพียงแค่คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตนั้นไม่ใช่อุปสรรค คุณไม่จำเป็นต้องปริ้นท์งานลงกระดาษครั้งละหลายร้อยแผ่นเพื่อใช้งาน 1-2 ครั้ง แล้วกลายเป็นขยะ คุณอาจจะไม่ต้องเปิดแอร์วันละ 8-10 ชั่วโมงเพียงเพื่อให้พนักงานทั้งออฟฟิศรู้สึกเย็นสบาย ซึ่งถ้าหลายหน่วยงานเริ่มปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตแบบนี้ได้ เชื่อว่าโลกจะแฮปปี้ขึ้นเยอะเลยล่ะ
5.รู้จัก ‘รอ’ มากขึ้น
อีกสิ่งที่เห็นได้ชัดในช่วงที่มีประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศ คือคนเริ่มอดทนได้มากขึ้น รู้จักรอได้นานขึ้น และรับฟังกันมากขึ้น เริ่มต้นอาจจะเป็นเพราะต้องการดูแลตัวเอง หรือรักษาสิทธิ แต่นานๆ ไปก็จะกลายเป็นวิถีชีวิตที่แทรกซึมโดยไม่รู้ตัว อาทิ การเข้าคิวรอรับบริการตามร้านค้าต่างๆ ที่ต้องเว้นระยะห่าง การยืนรอรถไฟฟ้าใต้ดินตามแนวเส้นที่จัดไว้ รวมถึงการอดทนรอให้รัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เพื่อจะได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติอีกครั้ง
แน่นอนว่าการจับจ่ายด้วยวิธีออนไลน์ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม และลดการใช้เงินสดมากยิ่งขึ้น เพื่อลดการสัมผัสธนบัตรที่อาจมีเชื้อโรคแฝงอยู่ อีกทั้งยังไม่ต้องออกไปห้างสรรพสินค้าด้วยตัวเองก็สามารถซื้อของจำเป็นเข้าบ้านได้ตามปกติ
ใครที่ไม่อยากใช้เงินสดในการช้อปปิ้งก็ทำได้! เพียงมีบัตรเครดิตคู่ใจที่ตอบโจทย์การใช้งาน และตรงกับไลฟ์สไตล์ของคุณ ลองเข้ามาเปรียบเทียบบัตรเครดิต ที่ Rabbit Care เพราะเรารวบรวมบัตรเครดิตจากหลากหลายธนาคารมาให้คุณเลือกอย่างจุใจ อีกทั้งสมัครออนไลน์ได้ทันที!
นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct