‘สินเชื่อรวมหนี้’ คืออะไร? รวมแล้วดีจริงไหม?
สินเชื่อรวมหนี้ คืออะไรกันนะ ? หรือมันคือสินเชื่อชนิดใหม่กัน ? วันนี้ Rabbit Care จะพาคุณไปดูสิว่า เจ้าสินเชื่อที่ว่านี้ นอกจากจะรวมหนี้ไว้ที่เดียวให้เราจ่ายหนี้สินต่าง ๆ ได้สะดวก ๆ ยังคุ้มค่ากับการใช้รวมหนี้จริงไหมนะ? มาดูกันเลยดีกว่า
อะไรคือสินเชื่อรวมหนี้? รวมแล้วดีหรือไม่ดียังไง?
สินเชื่อรวมหนี้ คืออะไรกันแน่ ?
สินเชื่อรวมหนี้ แท้ที่จริงแล้วก็คือสินเชื่อทั่ว ๆ ไปนี่แหละ เพียงแต่เป็นการเรียกให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นเท่านั้นเอง เช่น
- สินเชื่อรถแลกเงินสด
- สินเชื่อส่วนบุคคล
- สินเชื่อบ้านแลกเงิน
โดยสินเชื่อที่ว่าอาจจะเป็นแค่สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อเงินสด หรือสินเชื่อทั่ว ๆ ไป แต่เราทำการกู้ และนำเงินก้อนใหญ่เหล่านั้นไปโปะหนี้ต่าง ๆ ทำให้เวลาจ่ายหนี้ เราก็จ่ายเพียงแค่สินเชื่อที่ทำการกู้มาเจ้าเดียวนั่นเอง ถือเป็นการเลี่ยงดอกเบี้ยหลายทาง
สำหรับสินเชื่อรวมหนี้นั้น เป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับคนที่เริ่มเป็นหนี้ และต้องการหาทางชำระหนี้ให้หมดในระยะเวลาอันรวดเร็ว หรือคนที่เป็นหนี้หลายรายการ และเหมาะสำหรับผู้ที่มีความตั้งใจในการปิดหนี้ทั้งหมดในการชำระหนี้เพียงที่เดียวโดยเฉพาะใครที่มีหนี้บัตรเครดิต หรือหนี้บัตรกดเงินสด
เพราะหนี้บัตรเครดิตนั้น จะเริ่มคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันแรกที่ได้ใช้วงเงินในบัตรเครดิตหากมียอดการค้างชำระ หลายคนอาจจะพลาดท่า หมุนเงินไม่ทัน ทำให้ต้องจ่ายบัตรเครดิตในจำนวนเงินขั้นต่ำ ซึ่งจะสร้างปัญหาหนี้ก้อนโตขึ้นในอนาคตได้ หากไม่สร้างวินัยในการใช้จ่ายหรือมีความคิดที่จะลดภาระหนี้อย่างจริงจัง
ส่วนหนี้บัตรกดเงินสดเองก็ใช่ย่อย เพราะมีการคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันแรกที่คุณกดใช้งาน ยิ่งปล่อยทิ้งไว้นานมากเท่าไหร่ ดอกเบี้ยจากบัตรกดเงินสดก็ยิ่งพอกพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเอง และคงไม่เป็นการดีแน่ หากคุณไม่มีเงินหมุนจ่ายค่าหนี้บัตรเครดิต แล้วยังไปใช้บัตรกดเงินสดเพื่อปิดหนี้อีก กลายเป็นว่ามีหนี้สองต่อ!
ดังนั้น การรวมหนี้ จึงเป็นหนทางที่ดีที่สุด นอกจากจะลดดอกเบี้ยจากหลายช่องทางแล้ว สินเชื่อบางแห่งยังให้ดอกเบี้ยที่ถูกกว่า ให้คุณผ่อนได้น้อยกว่า นานกว่าการจ่ายหนี้แยก ซึ่งจะทำให้คุณบริหารจัดสรรเงินของตัวเองได้ดีขึ้น
ดีกว่าจ่ายหนี้แยกยังไง ?
นั่นสิ รวมหนี้แล้วดีกว่าจ่ายหนี้แยกยังไงกันล่ะ? การรวมหนี้ไว้ที่เดียว ไม่ใช่แค่ประโยชน์ในเวลาที่เราต้องจ่ายหนี้สินเท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยลดภาระการชำระดอกเบี้ยที่มาจากสถาบันการเงินเดิม และสามารถเลือกผ่อนชำระได้น้อยลงจากยอดที่ต้องคอยจ่ายอีกด้วย แถมสถาบันการเงินบางแห่งยังให้คุณเลือกผ่อนแบบสบาย ๆ ได้นานถึง 60 เดือนเลยนะ
เทียบตัวอย่าง คุ้มจริงไหม ?
นาย B มีเงินเดือน 20,000 บาท แต่มีหนี้บัตรเครดิต 3 แห่ง จำนวน 20,000 บาท, 30,000 บาท และ 50,000 บาท คิดเป็นยอดหนี้รวม 100,000 บาท หากต้องคอยจ่ายเงินบัตรเครดิตทั้ง 3 บัตร แม้จะจ่ายขั้นต่ำ นานวันเข้าอาจจะทำให้หมุนเงินไม่ไหว และหนี้ก็ไม่มีทีท่าจะลดลงเสียที แม้จะจ่ายเดือนละ 10,000 บาท แล้วก็ตาม
ดังนั้น เพื่อเป็นการตัดปัญหาทุกอย่าง นาย B จึงกู้สินเชื่อส่วนบุคคล (หรือสินเชื่ออื่นๆ ที่ได้เงินก้อน และสามารถผ่อนชำระได้) เพื่อมาปิดหนี้บัตรทั้งหมด 100,000 บาท
หลังจากนั้นทำการรวมยอดหนี้บัตรเครดิตมาเป็นหนี้สินเชื่อบุคคลเพียงก้อนเดียว และผ่อนชำระกับสถาบันการเงินเพียงแห่งเดียว ก็จะช่วยให้ลดภาระการใช้จ่ายหนี้ต่อเดือนลงได้จากเดิมเดือนละ 10,000 บาท เหลือเงินผ่อนชำระเพียงเดือนละ 4,862 บาท เท่านั้น (เงินต้น 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 25% ต่อปี ผ่อนชำระแล้วเสร็จในระยะเวลา 3 ปี)
จะเห็นได้ว่า สามารถลดอัตราการผ่อนชำระหนี้ลงได้ถึง 5,139 บาท/เดือน ช่วยให้นาย B หมุนเงินใช้ในชีวิตประจำวันได้คล่องตัวมากขึ้น และหากมีระเบียบวินัยมากพอ นาย B ก็จะสามารถเคลียร์หนี้สินทุกอย่างในระยะ 3 ปี ตามกำหนดกู้ยืมได้ไม่ยากเลย!
ขอสินเชื่อรวมหนี้อย่างไร?
สินเชื่อรวมหนี้ ก็คือสินเชื่อทั่วไป และสินเชื่อที่หลายคนนิยมใช้เป็นแหล่งรวมหนี้สินก็คือ สินเชื่อส่วนบุคคล เนื่องจากไม่ต้องใช้หลักค้ำประกัน แถมยังได้เงินก้อนมาใช้จ่ายเพื่อสภาพคล่องที่ดียิ่งขึ้น
ไม่ว่าคุณจะเป็น ผู้มีรายได้ประจำ, ทำงานฟรีแลนซ์ หรือประกอบธุรกิจส่วนตัว หากเงินเดือนถึงเกณฑ์ที่ทางสถาบันการเงินต้องการ ก็สามารถกู้ได้แล้ว!
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การที่คุณจะกู้สินเชื่อส่วนบุคคลได้เต็มวงเงิน หรือกู้ได้มากถึงหลักแสน ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถกู้ได้ เพราะสถาบันการเงินแต่ละแห่งมีเงื่อนไขการพิจารณาที่แตกต่างกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะดูจากประวัติการเงินที่ผ่านมา รวมทั้งเครดิตทางการเงินของคุณเอง
ถ้าคุณมั่นใจว่า ตัวเองมีประวัติการชำระเงินที่ดี ชำระตรงเวลา ไม่เคยหนีหนี้ ก็มีโอกาสที่สถาบันการเงินจะอนุมัติสินเชื่อให้ไม่ยาก
สรุปรวม ข้อดี – ข้อเสีย ก่อนรวมหนี้ในสินเชื่อก้อนเดียว
ไม่มีอะไรที่ดีหรือแย่เสมอไป สำหรับใครที่ชั่งใจว่าจะทำสินเชื่อรวมหนี้ดีไหม ? เราก็จะยกข้อดี-ข้อเสียมาให้คุณได้ลองชั่งใจ เผื่อจะช่วยให้การตัดสินใจง่ายขึ้นนั่นเอง
ข้อดีของสินเชื่อรวมหนี้
- ไม่ต้องจ่ายหนี้สินหลายที่ให้ซับซ้อน หรือต้องมาคอยกังวลว่าลืมจ่ายบัตรใด หรือหนี้ส่วนไหนไปรึเปล่า
- ใช้เงินผ่อนจ่ายหนี้น้อยลงเกือบครึ่ง (จากแต่เดิมขั้นต่ำแต่ละบัตร 10% ต่อบัตร แต่เมื่อรวมแล้วเฉลี่ยขั้นต่ำจ่ายราว ๆ 3 % – 5% เท่านั้น) และจ่ายขั้นต่ำในอัตราที่ต่ำกว่าบัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสดเสียอีก
- (บาง)สถาบันการเงิน ให้ดอกเบี้ยที่ถูกกว่า คุ้มกว่า ไม่ต้องแบ่งรับภาระดอกเบี้ยแพง ๆ จากหนี้
- ช่วยให้บริหารหมุนเวียนการเงินได้ง่ายกว่า เพราะแต่ละเดือนมีรายจ่ายน้อยลง มีเงินใช้หมุนในชีวิตประจำวันมากขึ้น เรียกว่าคล่องตัวกว่าเดิมเป็นไหน ๆ
ข้อเสียของสินเชื่อรวมหนี้
- แม้ดอกเบี้ยจะถูกกว่า แต่ระยะเวลาที่ผ่อนยาวนาน นับยอดหนี้ทั้งหมดแล้วอาจจะเป็นจำนวนเงินที่มากกว่าตอนแรก
- หากบริหารไม่ดี จะกลายเป็นช่องทางเพิ่มหนี้ เช่น ถ้ากู้สินเชื่อรวมหนี้ไว้ก้อนเดียว แต่ยังใช้พฤติกรรมใช้จ่ายแบบเดิม ก็จะเป็นการเพิ่มหนี้ มากกว่าแบ่งเบาภาระจ่ายหนี้
- ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะเป็นเงินก้อนโต หากไม่มีจ่าย เวลาโดนฟ้อง หรือเจอดอกเบี้ย จะงานหนักกว่าหนี้ยิบย่อยหลักหมื่นเสียอีก
- ต้องใช้หลักฐานเยอะ และประวัติการเงินต้องดี เพราะยอดเงินที่ต้องการกู้ไม่ใช่น้อย ๆ ทางสถาบันการเงินก็ต้องมั่นใจหน่อยว่าคุณจ่ายไหว
หากตัวของคุณเองกำลังประสบปัญหาหนี้สินที่เริ่มมากขึ้น และใช้จ่ายไม่คล่องมือ นอกเหนือจากการหาเงินมาโปะหนี้เหล่านี้แล้ว สิ่งที่คุณควรแก้ไข คือปรับปรุงพฤติกรรมต่าง ๆ เช่น การใช้เงินอย่างมีวินัย ใช้บัตรเครดิตในยามจำเป็น
เพราะต่อให้เรากู้สินเชื่อรวมหนี้มาโปะหนี้ได้ แต่ถ้าไม่หยุดสร้างหนี้ใหม่ ก็คงต้องวนเวียนอยู่กับการผ่อนจ่ายไม่รู้จบ
สำหรับใครที่มั่นใจแล้วว่าการรวมหนี้ไว้ในเงินก้อนเดียวง่ายกับชีวิตคุณมากกว่า ลองเปรียบสินเชื่อต่าง ๆ ได้ที่ Rabbit Care กับบริการเปรียบเทียบทั้งสินเชื่อส่วนบุคคล, สินเชื่อบ้านแลกเงินสด, สินเชื่อรถแลกเงินสด ไว้อย่างครบครัน ให้ทุกความจำเป็นที่ต้องใช้เงินของคุณง่ายดายยิ่งขึ้น!
นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct