ทำไมรถยนต์สีขาวมุก ถึงมีราคาแพงมากกว่าสีขาวธรรมดา
ไหนออกรถทั้งใครเล็งสีอะไรไว้บ้าง? มีใครที่ชอบสีขาวมุกและเคยคิดอยากถามกันไหมว่า ทำไมสีนี้ถึงต้องมีบวกราคาเพิ่มเติมมากกว่าสีขาวธรรมดา ซึ่งจะมีบวกกันประมาณ 40,000-50,000 บาทขึ้นไปเลยทีเดียว วันนี้แหละจะได้รู้คำตอบที่แท้จริงพร้อมข้อมูลน่าสนใจมากมายที่ทางทีม แรบบิท แคร์ ได้จัดเตรียมเอาไว้ให้แล้ว โดยเริ่มกันที่เหตุผลที่ทำให้สีขาวมุกต้องมีราคาแพงกว่าสีปกติ, คำเตือนให้ระวังว่าสีขาวมุกนั้นซ่อมแซมได้ยากกว่าปกติ, วิธีการดูแลสีขาวมุก รถยนต์ ให้สวยงามยาวนาน และข้อดีที่น่าสนใจของรถสีขาวมุก กับ ขาวธรรมดา ส่วนคนที่กำลังจะซื้อรถ แล้วยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกสีไหนเป็นพิเศษ ก็สามารถอ่านเพื่อเก็บข้อมูลไปเปรียบเทียบและตัดสินใจได้เหมือนกัน
ทำไม สีขาวมุก กับ ขาวธรรมดา ถึงมีราคาต่างกัน
ทำไม สีขาวมุก กับ ขาวธรรมดา ถึงมีราคาต่างกัน คำตอบง่าย ๆ เริ่มต้นจากการเรื่องกระบวนการทำสีที่ไม่เหมือนกัน สีขาวมุกนั้นทำได้ยากกว่าสีปกติทั่วไป ซึ่งประเภทของสีรถยนต์ที่เราเจอได้ในท้องตลาดปัจจุบัน จะมีอยู่ 3 ประเภทด้วยกัน คือ Solid Colour, Metallic Colour และ Pearl Colour ซึ่งแต่ละประเภทจะมีขั้นตอนในการทำที่แตกต่างกันออกไป รวมถึงสารเคมีที่นำมาใช้งาน ทำให้มีราคาต้นทุนไม่เท่ากันนั่นเอง ส่วนรายละเอียดของแต่ละประเภท มีดังต่อไปนี้
- Solid Colour ตัวแรกเป็นสีแบบธรรมดา เน้นใช้กับสีทั่วไป มีต้นทุนที่ไม่แพงมากเท่าไหร่นัก เนื้อสีมีความมันวาวเพียงเล็กน้อย ออกทึบหน่อย ๆ มีการพ่นเพียงชั้นเดียว มักถูกเลือกใช้งานในรถรุ่นพื้นฐานเป็นส่วนใหญ่
- Metallic Colour ยกระดับจากสีธรรมดาด้วยการผสมผงโลหะเพิ่มเติมเข้าไป ซึ่งตัวสีปกติยังนับว่าไม่มีความมันวาว หรือเงางามมากเท่าไหร่นัก จึงมีการเพิ่มกระบวนการพ่นแลคเกอร์เคลือบลงไปอีกหนึ่งชั้น ช่วยให้เม็ดสีดูมีประกายสวยงามกว่าเดิม และยังช่วยป้องกันไม่ให้ผงโลหะหลุดร่อนออกมาด้วย
- Pearl Colour ไม่ว่าจะเป็นสีขาวมุก หรือดำมุก เกิดจากการพ่นสีธรรมดาลงก่อนหนึ่งชั้น หลังจากนั้นจึงทำการพ่น Metallic Colour ทับลงไปหลายครั้ง จนกว่าจะเกิดความมันวาว หรือมีประกายมุกตามต้องการ ซึ่งถ้าเป็นสีอื่นจะสามารถผสมและพ่นพร้อมกันได้เลย แต่ในกรณีนี้หลังจากพ่นชั้น Metallic เสร็จแล้ว ยังต้องมีการพ่นสีเคลือบเงาทับอีกครั้ง เพื่อทำให้เกิดความเงางาม และมีประกายมุกสวยงามเมื่อสะท้อนกับแสง
คิดว่าทุกคนคงเข้าใจกันดีแล้วว่าระหว่างสีขาวมุก กับ สีขาวธรรมดา มันแตกต่างกันอย่างไร และสาเหตุมาจากเรื่องไหนถึงทำให้ต้องมีการบวกราคาเพิ่ม ถ้าเราสนใจเลือกสีขาวมุก รถยนต์ ฉะนั้นหากสีขาวมุกมันโดนใจก็เลือกได้อย่างสบายใจเลย เนื่องจากรถยนต์ต้องอยู่กับเราไปอีกนาน ใช้งานสิ่งที่ชอบนี่แหละสบายใจที่สุดแล้ว
ระวังสีขาวมุก รถยนต์ ซ่อมยากกว่าปกติ
คำเตือน! สำหรับคนที่ยังขับขี่ไม่คล่องแล้วกำลังเลือกซื้อรถยนต์สีขาวมุกมาใช้งาน อนาคตหากไม่ได้ทำประกันรถยนต์แบบซ่อมห้าง (ซ่อมศูนย์บริการ) เอาไว้ แล้วต้องไปซ่อมอู่รถยนต์ในเครือทั่วไป ถ้าเจออุบัติเหตุทำให้ต้องมีการทำสีรถยนต์ใหม่ อาจมีซ่อมแซมที่ยากกว่าเดิม! เพราะแค่สีขาวธรรมดา ก็ถือเป็นอุปสรรคเริ่มต้นที่บางครั้งซ่อมสีมายังได้ไม่ตรงเฉดกันก็มี ยิ่งถ้าเป็นสีขาวมุก รถยนต์แล้วด้วย มีโอกาสค่อนข้างสูงที่หลายอู่จะทำได้ไม่เหมือนสีตัวถังเดิม นับเป็นสีปราบเซียนที่หากไม่ใช่อู่ที่เชี่ยวชาญจะทำได้ยาก จนไม่ค่อยกล้ารับทำกันเลยก็ว่าได้
วิธีการดูแลรถยนต์สีขาวมุกให้สวยงามยาวนาน
วิธีการดูแลรถยนต์สีขาวมุกให้สวยงาม คือ เลี่ยงการจอดตากแดดนาน, เคลือบสีรถ, ล้างทำความสะอาดสม่ำเสมอ และจัดการลบริ้วรอยทันทีที่พบเจอ หากทำตามวิธีทั้งหมดที่กล่าวมาอยู่ตลอด จะช่วยรักษาความสวยงาม ความแวววาวของสีขาวมุกบนตัวรถยนต์ ให้สะท้อนออกมาสวยถูกใจคุณไปยาวนาน ส่วนรายละเอียดการดูแลที่ครบเครื่องจะเป็นอย่างไร ลองไปหาคำตอบเพิ่มเติมด้วยตัวเอง จากหัวข้อย่อยทั้งหมดต่อไปนี้
เลี่ยงการจอดตากแดดนาน
ควรเลี่ยงการจอดตากแดดเป็นเวลานาน เพราะรังสี UV ที่มากับแดดจัด จะทำให้ชั้นแลกเกอร์ของสีรถยนต์บางลงเรื่อย ๆ จนเสื่อมสภาพ สุดท้ายก็ไปกัดชั้นสีขาวมุกของตัวรถยนต์โดยตรง ปล่อยตากแดดไว้นาน ๆ ก็จะเริ่มเหลือง และไม่สวยงามเหมือนเดิม ควรดูแลด้วยการหาผ้าที่ได้มาตรฐาน มาคลุมตัวรถยนต์เพื่อป้องกันสีขาวมุกของรถไม่ให้ถูกแดดกิน
เคลือบสีรถ
การเคลือบสีรถเปรียบเสมือนการช่วยเพิ่มเกราะป้องกันให้กับชั้นแลคเกอร์เพิ่มอีก 1 ชั้น ช่วยปกป้องจากรอยขีดข่วนบาง ๆ ช่วยป้องกันคราบสกปรกที่จะทำให้รถดูหมอง หรือช่วยกันรังสี UV ที่มาจากแดดได้ด้วย เมื่อชั้นสีถูกทำลายช้าลง ก็ทำให้สีขาวมุกของรถยนต์หมองช้าลงไปด้วยนั่นเอง
ล้างทำความสะอาดรถสม่ำเสมอ
ล้างทำความสะอาดรถสม่ำเสมอเพื่อขจัดคราบสกปรกต่าง ๆ ออกไป เช่น ขี้นก ยางไม้ ฝุ่น ขี้โคลน หรือคราบน้ำที่เกาะติดอยู่ เพราะหากปล่อยไว้นาน เพียงแค่คราบสกปรกพื้นฐานเหล่านี้ ก็อาจกัดกินชั้นแลคเกอร์จนลงไปถึงชั้นสีขาวมุก และทำให้หมองได้ในเวลาไม่นาน
จัดการลบริ้วรอยทันทีที่พบเจอ
จัดการลบริ้วรอยทันทีที่พบเจอ โดยเฉพาะรอยขนแมวบาง ๆ คราบฝุ่น คราบน้ำมัน หรือคราบยางมะตอย การปล่อยคราบเหล่านั้นทิ้งไว้ เป็นส่วนทำให้รถสีขาวมุกหมองลงได้อย่างรวดเร็ว และถ้ายิ่งทำความสะอาดช้า ในตอนที่ริ้วรอยสกปรกเหล่านั้นฝังลึกไปแล้ว ยังเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้สีขาวดูเหลืองเร็วขึ้นหลายเท่าตัว
ในเมื่อเลือกซื้อรถยนต์สีขาวมุกมาแบบสวย ๆ งาม ๆ แล้ว ยังต้องมีการบวกเงินเพิ่มเข้ามาอีก อย่างน้อยควรดูแลขั้นพื้นฐานให้ได้ครบถ้วนตามคำแนะนำด้านบน สีขาวมุกจะได้อยู่ติดทนกับตัวรถไปอีกนาน ใช้งานเมื่อไหร่ก็สวยไม่เปลี่ยน
ข้อดีที่น่าสนใจของรถสีขาวมุก กับ ขาวธรรมดา
ข้อดีที่น่าสนใจของรถสีขาวมุก และสีขาวธรรมดาของรถยนต์ ได้แก่ สะสมความร้อนน้อยกว่า, ดูเรียบง่าย ทันสมัย, ช่วยอำพรางรอยขีดข่วนได้ดี และขายต่อได้ในราคาที่ดีเช่นเดียวกัน สำหรับคำอธิบายเพิ่มเติมของแต่ละข้อดี เพื่อช่วยขยายความน่าสนใจของรถสีขาวมุก หรือขางธรรมดา จะมีรายละเอียดดังลิสต์รายการด้านล่างนี้เลย
- สะสมความร้อนน้อยกว่า เนื่องจากเป็นสีคู่ตรงข้ามของสีดำ ที่มีคุณสมบัติดูดกลืนแสงทั้งหมด ไม่มีการสะท้อนออกมา จึงทำให้ตัวสีขาวมุก หรือสีขาวธรรมดา มีการสะท้อนกลับออกไปมากกว่า ไม่เก็บแสง จึงร้อนน้อยกว่านั่นเอง
- ดูเรียบง่าย ทันสมัย จากการอ้างอิงทางจิตวิทยาเรื่องสี แถมสีขาวยังให้ความรู้สึกอื่น ๆ ที่ทำให้ดูสวยงามเป็นพิเศษ เช่น สึกสะอาด สดใส เรียบง่าย และกว้างขวาง เป็นต้น ฉะนั้นถ้าดูแลรถสีขาวมุกให้ดี อนาคตก็ยังสวยงามเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน
- ช่วยอำพรางรอยขีดข่วนได้ดี เพราะเวลาที่เกิดรอยขนแมว หรือริ้วรอยจากการขีดข่วน จะเป็นรอยบาง ๆ สีขาว ทำให้ดูกลมกลืนไปกับตัวรถ เว้นแต่ว่ารอยที่เจอมานั้นหนักมาเป็นพิเศษ ทำให้เห็นได้ง่าย หรือเบียดจนได้สีอื่นติดรถมาก็เป็นอีกเรื่อง
- ขายต่อได้ในราคาที่ดีเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะสีขาวมุกที่ผ่านการดูแลมาเป็นอย่างดีจนไร้ริ้วรอย อาจช่วยเรียกราคาเพิ่มเติมได้มากกว่าสีอื่น ๆ สักเล็กน้อย ส่วนสีขาวธรรมดาก็ยังเป็นปัจจัยเล็ก ๆ ที่ทำให้ราคาดีหากดูแลดีเหมือนกัน
มีรถสีขาวมุกที่แสนจะถูกใจกันแล้ว อย่าลืมพิจารณาเลือกประกันรถยนต์ที่เข้ามาช่วยดูแลคุ้มครองทุกการขับขี่ ให้ปลอดภัย อุ่นใจ ไร้กังวลหากเกิดอเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เพราะประกันรถยนต์จะช่วยคุ้มครองทั้งเรื่องค่าซ่อมแซม ค่าทรัพย์สิน ค่ารักษาพยาบาล และอื่น ๆ ตามเงื่อนไขกรมธรรม์ หากต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามโดยตรงได้ที่ แรบบิท แคร์ โทร 1438 (โทรได้ 24 ชั่วโมง) พิเศษสมัครประกันรถยนต์กับเราวันนี้ มีส่วนลดให้สูงสุดถึง 70%
สรุป
การที่สีทั่วไปกับสีมุกมีราคาที่แตกต่างกันนั้น เกิดมาจากกระบวนการทำสีที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งประเภทของสีรถยนต์ที่เราเจอได้ในท้องตลาดปัจจุบัน จะมีอยู่ 3 ประเภท ซึ่งแต่ละประเภทจะมีขั้นตอนในการทำที่แตกต่างกันออกไป รวมถึงสารเคมีที่นำมาใช้งาน ทำให้มีราคาต้นทุนไม่เท่ากันนั่นเอง ดังนี้
- Solid Colour มักถูกเลือกใช้งานในรถรุ่นพื้นฐานเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากมีต้นทุนที่ไม่แพงมาก เนื้อสีมีความมันวาวเพียงเล็กน้อย สีออกทึบ
- Metallic Colour มีการเพิ่มกระบวนการพ่นแลคเกอร์เคลือบลงไปอีกหนึ่งชั้น ช่วยให้เม็ดสีดูมีประกายสวยงามกว่าเดิม
- Pearl Colour เกิดจากการพ่นสีธรรมดาลงก่อนหนึ่งชั้น หลังจากนั้นจึงทำการพ่น Metallic Colour ทับลงไปหลายครั้ง จนมีประกายมุกตามต้องการ
โดยการดูแลรถยนต์สีขาวมุกให้สวยงาม คือ เลี่ยงการจอดตากแดดนาน, เคลือบสีรถ, ล้างทำความสะอาดสม่ำเสมอ และจัดการลบริ้วรอยทันทีที่พบเจอ หากทำตามวิธีทั้งหมดที่กล่าวมาอยู่ตลอด จะช่วยรักษาความสวยงาม ความแวววาวของสีขาวมุกบนตัวรถยนต์ ให้สะท้อนออกมาสวยถูกใจคุณไปยาวนาน
Thirakan Thongseenual เป็นนักเขียนที่มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี ที่ RabbitCare และ Asia Direct โดยมีความชำนาญในประกันรถยนต์ เน้นเขียนบทความที่เผยแพร่บน Blog และมีความเชี่ยวชาญด้าน SEO กว่า 4 ปี ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอได้ใช้ในการสร้างความรู้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของ RabbitCare อย่างมีประสิทธิภาพ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ปริญญาตรี สาขา Information Technology