เลือกจอแอนดรอยติดรถยนต์อย่างไรให้สามารถใช้งานได้คุ้มค่าที่สุด
เรื่องการติดตั้งจอแอนดรอยสำหรับรถยนต์ในปัจจุบัน อาจมีเหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจมีการติดตั้งเพิ่มเติมได้อยู่ประมาณ 2 กรณี คือ รถยนต์รุ่นเก่าที่ไม่มีให้ใช้งานมาก่อน กับอีกเหตุผลที่ต้องการเปลี่ยน อาจเน้นประสิทธิภาพที่มากขึ้น ขอบเขตการทำงานที่มากกว่าจอเดิมของตัวรถยนต์ เป็นต้น
ซึ่งหากใครกำลังพิจารณาเลือกซื้อจอแอนดรอยติดรถยนต์อยู่ แรบบิท แคร์ ได้เตรียมความรู้เบื้องต้นมาแชร์ต่อการตั้งแต่แรกเริ่มว่าจอแอนดรอย คือ อะไร, มีความสำคัญอย่างไร, วิธีเลือกซื้อ, วิธีเชื่อมต่อเพื่อใช้งาน และประสิทธิภาพการทำงานว่าเจ้าจอตัวนี้ สามารถช่วยอำนวยความสะดวกอะไรให้กับเราได้บ้าง
จอแอนดรอยติดรถยนต์ คือ อะไร
จอแอนดรอยติดรถยนต์ คือ จอติดรถยนต์ที่มีระบบแอนดรอยในการทำงาน ซึ่งทำให้รถยนต์ของคุณเหมือนกับมีแท็บเล็ตอยู่ตรงกลางคอนโซลรถ มีหน้าที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบายได้หลายอย่างตามประสิทธิภาพของมัน แต่ประสิทธิภาพพื้นฐานที่ค่อนข้างเหนือกว่าการทำงานของแท็บเล็ตทั่วไปกับจอแอนดรอย ที่เน้นเรื่องการเชื่อมต่อ GPS การเชื่อมต่อกล้องที่ติดตั้งมากับรถยนต์ ไปจนถึงการเชื่อมต่อกับระบบภายในต่าง ๆ ของรถยนต์ได้เช่นกัน
ความสำคัญของจอแอนดรอยติดรถยนต์
ความสำคัญของจอแอนดรอยนั้นค่อนข้างหลากหลาย โดยเฉพาะหน้าที่หลักมักเน้นไปในเรื่องการเชื่อมต่อ GPS เพื่อเป็นตัวช่วยนำทาง บวกกับระบบสั่งการทำงานภายในรถยนต์สำหรับบางรุ่น ไปจนถึงระบบที่ช่วยเพิ่มความบันเทิงอย่างการฟังเพลง และอื่น ๆ ทำให้จอแอนดรอยได้รับความนิยมอย่างมากกับผู้ใช้งานรถยนต์ในปัจจุบัน
วิธีการเลือกซื้อจอแอนดรอยติดรถยนต์
วิธีการเลือกซื้อจอแอนดรอยโดยหลักแล้วเราจะมีปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง 4 ข้อด้วยกัน คือ เช็กขนาดหน้าจอกับการติดตั้งบนคอนโซลหน้ารถ, ตรวจสอบสเปกที่เราต้องการ, เลือกแบรนด์หรือยี่ห้อที่น่าเชื่อถือ และราคาตามงบประมาณที่เราวางเอาไว้ เมื่อสามารถตัดสินใจเรื่องปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวมาได้แล้ว เราถึงจะเริ่มต้นหาจอแอนดรอยที่เราต้องการตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ได้เลย และที่สำคัญอย่าลืมเลือกศูนย์หรืออู่ที่มีความเชี่ยวชาญในการติดตั้ง สำหรับรุ่นรถยนต์ของคุณด้วย เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นมาได้ในอนาคตนั่นเอง
เช็กขนาดกับคอนโซลหน้ารถ
การเช็กขนาดกับคอนโซลหน้ารถ จะช่วยทำให้การติดตั้งจอแอนดรอยติดรถยนต์ของคุณสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมุมมองของผู้ขับขี่กับการใช้งาน สัดส่วนที่พอดีกันกับคอนโซลหน้ารถ หรือบางรุ่นอาจมีจอเก่าอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องการเปลี่ยน ก็สามารถอ้างอิงจากกรอบจอเดิมเพื่อหาขนาดที่เหมาะสมได้เช่นเดียวกัน
ตรวจสอบสเปกที่เราต้องการ
ถัดมาเป็นการตรวจสอบสเปกที่เราต้องการ เนื่องจากจอแอนดรอยที่เราเปรียบเทียบเหมือนกับแท็บเล็ต แปลว่าจะต้องมีการประมวลผลจากชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญ เช่น CPU, RAM และ ROM เป็นต้น ซึ่งในแต่ละส่วนต่าง ๆ ที่ประกอบเข้าด้วยกัน จะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของจอแอนดรอยในแต่ละรุ่น สำหรับคนที่ยังไม่ทราบหน้าที่ของแต่ละชิ้นส่วน สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ดังนี้
- CPU เป็นหน่วยประมวลผลกลางของตัวจอ ตัวที่สามารถสั่งการระบบต่าง ๆ ยิ่งสเปกตรงนี้สูง ก็สามารถเพิ่มขีดจำกัดการทำงานของจอแอนดรอยได้มากขึ้น
- RAM หน่วยความจำหลักที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพเรื่องความเร็วในการทำงาน
- ROM หน่วยความจำที่ใช้สำหรับอ่านข้อมูล พูดง่าย ๆ ก็คือพื้นที่ในการรองรับข้อมูล การติดตั้งแอปพลิเคชันบนจอแอนดรอยของเรา ช่วยให้เรามีโอกาสเก็บเพลง หรือหนังบนจอที่รองรับได้เลย
หากใครที่ยังไม่เข้าใจเรื่องสเปกจอแอนดรอยมากเท่าไหร่นัก ขอแนะนำเลยว่าควรสอบถามทางร้าน อู่ หรือศูนย์บริการที่เราเลือกซื้อจอให้ละเอียด ให้เจ้าหน้าที่ช่วยอธิบายเสริมความเข้าใจ เพราะถ้าเราไม่ดูเรื่องสเปกภายใน อาจทำให้ได้จอที่มีประสิทธิภาพต่ำ ติดตั้งไปใช้งานก็จะทำให้รู้สึกน่าหงุดหงิดใจได้
แบรนด์หรือยี่ห้อที่น่าเชื่อถือ
แบรนด์หรือยี่ห้อที่น่าเชื่อถือ โดยปกติแล้วจอแอนดรอยมีการผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก ทำให้เราอาจรู้จักแบรนด์ทั้งหมดไม่ได้ ดังนั้นสิ่งที่สามารถทำได้ง่ายที่สุด คือ การหารีวิวแต่ละแบรนด์เพื่อทำการศึกษา เปรียบเทียบ และดูข้อมูลการใช้งานก่อนตัดสินใจซื้อจริง
ราคาตามงบประมาณของเรา
เมื่อมีจำนวนแบรนด์ผลิตจอแอนดรอยออกมาเยอะ แปลว่าช่วงราคาขายเองก็หลากหลายเช่นเดียวกัน ฉะนั้นหากเรามีการกำหนดงบประมาณเอาไว้ ก็สามารถเลือกดูได้จากจอแอนดรอยที่เป็นไปตามงบของเรา ซึ่งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบนี้ ราคาจะแปรผันตรงกับสเปกเป็นส่วนใหญ่ ยิ่งราคาสูง ยิ่งได้สเปกที่ดีมากขึ้น พยายามดูราคาที่เหมาะสม ควบคู่กับสเปก และความต้องการด้านอื่น ๆ ไปด้วยจะดีที่สุดแน่นอน
ไม่ว่าจะเลือกซื้อจอแอนดรอยมาเพื่อใช้งานแบบไหน สิ่งที่ควรทำมากที่สุดจะต้องเป็นการตัดสินใจซื้อ โดยอ้างอิงจากปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวมา เพื่อให้การลงทุนครั้งเดียวของเรากับจอแอนดรอย สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
วิธีเชื่อมต่อจอแอนดรอยติดรถยนต์
วิธีเชื่อมต่อจอแอนดรอยเมื่อติดตั้งบนรถยนต์เรียบร้อยแล้ว จะมีขั้นตอนง่าย ๆ อยู่ 2 ขั้นตอน คือ ตรวจสอบระบบปฏิบัติการแอนดรอยของมือถือว่าเป็นรุ่นไหน และทำการเชื่อมต่อด้วยช่องทางที่สามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการต่อผ่านสาย USB หรือ Bluetooth โดยรายละเอียดแต่ละขั้นตอนมีให้อ่านเพิ่มเติมดังต่อไปนี้
- ตรวจสอบระบบปฏิบัติการแอนดรอยของมือถือ เพราะว่าถ้าเป็น Android 9.0 อาจต้องมีการติดตั้งแอปพลเคชัน Android Auto เพื่อการเชื่อมต่อใช้งาน แต่ถ้าหากเป็น Android 10.0 สามารถเชื่อมต่อใช้งานได้เลยทันที
- การเชื่อมต่อด้วยช่องทางที่เราสามารถทำได้ จะมีทั้งการต่อผ่านสาย USB ซึ่งเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุด เพราะเมื่อต่อสายแล้วระบบจะเริ่มต้น Android Auto ให้ทันที แต่บางรุ่นมือถือจะสามารถเชื่อมต่อง่าย ๆ แบบไร้สายผ่าน Bluetooth เพื่อใช้งาน Android Auto ได้อย่างสะดวกสบายอีกด้วย
พอทำการเชื่อมต่อจอแอนดรอยในระบบ Android Auto เรียบร้อยแล้ว คุณสามารถใช้งานแอปพลิเคชันที่ปรากฎอยู่บนหน้าจอได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็น Google Maps, Spotify, JOOX และแอปฯ อื่น ๆ ที่ระบบของหน้าจอรองรับ
จอแอนดรอยติดรถยนต์ทำอะไรได้บ้าง
สุดท้ายที่มาสรุปกันว่าจอแอนดรอยทำอะไรได้บ้าง คำตอบ คือ การดูแผนที่หรือใช้ระบบนำทางด้วย Google Maps, Youtube เพื่อฟังเพลงหรือบางรุ่นอาจเปิดคลิปดูได้เลย, ฟังเพลงผ่านแอปฯ Spotify JOOX ฯลฯ, การรับสายโทรศัพท์เข้า-ออก, แจ้งเตือนข้อความ SMS, แจ้งเตือนข้อความในแอปพลิเคชัน Facebook Messenger & Line, Google Assistant และ การแจ้งเตือนสภาพอากาศ ดู ๆ แล้วภาพรวมการใช้งานของจอระบบแอนดรอยกับระบบ Android Auto นั้นเรียกได้ว่าเป็นการยกระดับความสะดวกสบายขึ้นมาได้อย่างยอดเยี่ยมมากเลยทีเดียว
แต่ทั้งนี้ต้องอย่าลืมว่าการติดตั้งจอระบบแอนดรอยเสริมเข้าไปนั้น ต้องไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงระบบภายในรถยนต์ไปจากเดิม เพราะอาจทำให้ประกันรถยนต์ขาดได้ รวมถึงใครที่ทำประกันรถยนต์ภาคสมัครใจแล้วมีการเปลี่ยนแปลงจอดังกล่าว ควรจะต้องมีการแจ้งเจ้าหน้าที่ประกันเอาไว้ก่อนด้วย เพื่อการคุ้มครองและการรับรองตามเงื่อนไขกรมธรรม์ของประกันรถยนต์อีกทีหนึ่ง
จอแอนดรอยติดรถยนต์เสีย ประกันรถยนต์แต่ละชั้นคุ้มครองหรือไม่
การเสียหายของจอแอนดรอยด์ที่ติดตั้งในรถยนต์ ขึ้นอยู่กับสาเหตุของความเสียหาย และประเภทของประกันที่ทำไว้ แต่โดยทั่วไปการคุ้มครองของประกันรถยนต์แต่ละชั้นจะแตกต่างกัน ดังนี้
1. ประกันชั้น 1
- ครอบคลุมความเสียหาย: ประกันชั้น 1 มักจะครอบคลุมความเสียหายต่อรถยนต์และอุปกรณ์ภายใน ไม่ว่าจะเกิดจากอุบัติเหตุ, การชน, ไฟไหม้, น้ำท่วม หรือการกระทำของบุคคลที่สาม (เช่น การโจรกรรม หรือการทำลายทรัพย์สิน)
- หากจอแอนดรอยด์เสียเนื่องจากอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดตามกรมธรรม์ ก็สามารถเคลมประกันได้
- ไม่ครอบคลุม: หากจอเสียหายเนื่องจากการสึกหรอ การใช้งานปกติ หรือปัญหาทางเทคนิคที่เกิดจากการผลิต มักจะไม่ครอบคลุม เว้นแต่จะมีการระบุในกรมธรรม์หรือมีการซื้อประกันเพิ่มเติมสำหรับอุปกรณ์เฉพาะ
2. ประกันชั้น 2 และ 2+
- ประกันรถชั้น2 จะครอบคลุมเฉพาะความเสียหายที่เกิดจากการชนกับคู่กรณี, ไฟไหม้ หรือรถสูญหาย แต่ ไม่คุ้มครอง อุปกรณ์ภายในรถเช่นจอแอนดรอยด์
- ประกันชั้น 2+ จะคุ้มครองในกรณีที่มีอุบัติเหตุหรือการสูญหายของรถยนต์ แต่ความเสียหายที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ภายในรถยนต์ เช่น จอแอนดรอยด์ จะไม่ครอบคลุมเช่นกัน ยกเว้นว่าความเสียหายเกิดจากการชนในกรณีมีคู่กรณี
3. ประกันชั้น 3 และ 3+
- ประกันรถยนต์ชั้น 3 คุ้มครองเฉพาะความเสียหายที่เกิดขึ้นกับคู่กรณีในกรณีอุบัติเหตุ และไม่คุ้มครองตัวรถหรืออุปกรณ์ในรถของคุณ
- ประกันชั้น 3+ ราคาย่อมเยาว์ จะคุ้มครองรถของคุณในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุเฉพาะกรณีที่มีคู่กรณี แต่ก็ไม่ครอบคลุมความเสียหายต่ออุปกรณ์ภายในรถยนต์ เช่น จอแอนดรอยด์
หากใครต้องการทำประกันรถยนต์โดยที่มีการติดตั้งจอแอนดรอย หรือมีการเปลี่ยนใหม่ และเกิดมีข้อสงสัยอยากสอบถามเพิ่มเติม พร้อมกับการเลือกประกันรถยนต์ที่เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด สามารถติดต่อเข้ามาหา แรบบิท แคร์ ได้ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านเบอร์ 1438 ได้เลยทันที ถ้าตัดสินใจซื้อประกันกับเรา มีส่วนลดพิเศษสูงสุดถึง 70% แถมยังเลือกผ่อน 0% ได้นานถึง 10 เดือนอีกต่างหาก
สรุป
จอแอนดรอย ส่วนมากจะถูกนับไปใช้ในการดูแผนที่หรือใช้ระบบนำทางด้วย Google Maps, Youtube รวมไปถึงเพื่อฟังเพลงผ่านแอปฯ Spotify JOOX ฯลฯ, การรับสายโทรศัพท์เข้า-ออก, แจ้งเตือนข้อความ SMS, แจ้งเตือนข้อความในแอปพลิเคชัน Facebook Messenger & Line, Google Assistant และ การแจ้งเตือนสภาพอากาศ แต่การติดตั้งจอระบบแอนดรอยเสริมเข้าไปนั้น ควรระวังว่าจะต้องไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงระบบภายในรถยนต์ไปจากเดิม เพราะอาจทำให้ประกันรถยนต์ขาดได้ และควรจะต้องมีการแจ้งเจ้าหน้าที่ประกันเอาไว้ก่อนด้วย เพื่อการคุ้มครองและการรับรองตามเงื่อนไขกรมธรรม์ของประกันรถ
Thirakan Thongseenual เป็นนักเขียนที่มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี ที่ RabbitCare และ Asia Direct โดยมีความชำนาญในประกันรถยนต์ เน้นเขียนบทความที่เผยแพร่บน Blog และมีความเชี่ยวชาญด้าน SEO กว่า 4 ปี ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอได้ใช้ในการสร้างความรู้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของ RabbitCare อย่างมีประสิทธิภาพ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ปริญญาตรี สาขา Information Technology