รถไม่ค่อยได้ขับ รถจอดทิ้งไว้นาน ต้องดูแลอย่างไร?





รถยนต์คือทรัพย์สินที่มีมูลค่าและอำนวยความสะดวกในการเดินทาง แต่บางครั้งด้วยภาระหน้าที่หรือไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้รถยนต์ต้องจอดอยู่เฉย ๆ เป็นเวลานาน หลายคนอาจมองข้ามความสำคัญของการดูแลรักษารถยนต์ที่ไม่ได้ใช้งานเป็นประจำ แต่การปล่อย รถจอดทิ้งไว้นาน โดยไม่ดูแล อาจนำมาซึ่งปัญหาต่าง ๆ ที่ส่งผลเสียต่อสภาพรถยนต์ในระยะยาวได้ ตั้งแต่ปัญหาเล็กน้อยอย่างแบตเตอรี่เสื่อม ไปจนถึงปัญหาใหญ่ที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมจำนวนมาก ดังนั้น การดูแล รถไม่ค่อยได้ขับ จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อรักษาสภาพรถยนต์ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ และยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานยิ่งขึ้น
บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการ จอดรถทิ้งไว้นาน ๆ พร้อมแนะนำวิธีดูแลรักษา รถจอดนาน อย่างละเอียด เพื่อให้คุณสามารถดูแลรักษารถยนต์ของคุณได้อย่างถูกต้อง และหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
รถจอดนาน ควรดูแลอย่างไรบ้าง?
การดูแล รถจอดนาน อย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อรักษาสภาพรถยนต์ให้พร้อมใช้งานเมื่อต้องการ และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการจอดทิ้งไว้นานๆ ต่อไปนี้คือขั้นตอนและสิ่งที่ควรทำในการดูแลรถยนต์ที่จอดทิ้งไว้นาน
- ทำความสะอาดรถยนต์
ก่อนรถจอดไว้นาน ควรล้างรถให้สะอาดทั้งภายนอกและภายใน เพื่อป้องกันคราบสกปรกฝังแน่น และกำจัดเศษอาหารหรือสิ่งสกปรกที่อาจเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อโรคและแมลง
ภายนอก : ล้างรถให้สะอาด ขัดสี เคลือบเงา เพื่อป้องกันสีรถซีดจางจากแสงแดด
ภายใน : ทำความสะอาดภายในรถ ดูดฝุ่น เช็ดเบาะ และคอนโซล เพื่อป้องกันเชื้อราและความอับชื้น
กำจัดกลิ่น : วางแผ่นน้ำหอมหรือถ่านดูดกลิ่น เพื่อให้ภายในรถมีกลิ่นหอมสดชื่น
- เติมน้ำมันให้เต็มถัง
การเติมน้ำมันให้เต็มถังจะช่วยลดโอกาสการเกิดสนิมในถังน้ำมัน และป้องกันการสะสมของไอน้ำที่อาจทำให้เกิดปัญหาในการสตาร์ทเครื่องยนต์
ลดการเกิดสนิม : น้ำมันเต็มถังช่วยลดพื้นที่ว่างภายในถังที่อาจเกิดการควบแน่นของไอน้ำ และทำให้เกิดสนิม
ป้องกันปัญหาการสตาร์ท : น้ำมันเต็มถังช่วยให้ระบบเชื้อเพลิงทำงานได้อย่างราบรื่นเมื่อต้องการใช้งาน
- ดูแลแบตเตอรี่
แบตเตอรี่เป็นส่วนประกอบสำคัญของรถยนต์ที่มักมีปัญหาเมื่อรถจอดทิ้งไว้นาน ควรชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มก่อนจอด และถอดขั้วแบตเตอรี่ออกเพื่อป้องกันการคายประจุ หรือใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัตโนมัติ (Battery Tender) เพื่อรักษาประจุไฟในแบตเตอรี่
ชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม : ก่อนจอดรถ ควรตรวจสอบและชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม เพื่อให้มีไฟเพียงพอในการสตาร์ทเครื่องยนต์
ถอดขั้วแบตเตอรี่ : การถอดขั้วแบตเตอรี่จะช่วยป้องกันการคายประจุไฟ และยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่
ใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัตโนมัติ : เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัตโนมัติจะช่วยรักษาประจุไฟในแบตเตอรี่ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
- เติมลมยางให้มากกว่าปกติ
ยางรถยนต์อาจสูญเสียลมยางเมื่อจอดทิ้งไว้นาน ๆ ควรเติมลมยางให้มากกว่าปกติเล็กน้อย เพื่อป้องกันยางแบนหรือเสียรูปทรง
ป้องกันยางแบน : การเติมลมยางให้มากกว่าปกติจะช่วยรักษารูปทรงของยาง และป้องกันยางแบนเมื่อรถจอดทิ้งไว้นาน
รักษาสภาพยาง : การรักษาระดับลมยางที่เหมาะสมจะช่วยยืดอายุการใช้งานของยางรถยนต์
- ยกแม่แรงขึ้น
หากต้อง จอดรถทิ้งไว้นาน ๆ มากกว่า 6 เดือน ควรยกแม่แรงขึ้น เพื่อลดแรงกดทับบนยาง และป้องกันยางเสียรูปทรง
ลดแรงกดทับบนยาง : การยกแม่แรงขึ้นจะช่วยลดแรงกดทับบนยาง และป้องกันยางเสียรูปทรง
ป้องกันยางแตกลายงา : การรักษาสภาพยางที่ดีจะช่วยป้องกันยางแตกลายงา และยืดอายุการใช้งานของยางรถยนต์
- ป้องกันหนูและแมลง
หนูและแมลงอาจเข้ามาทำรังในรถยนต์ที่จอดทิ้งไว้นาน ๆ ควรวางยาเบื่อหนูหรือใช้สเปรย์กันแมลง เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
วางยาเบื่อหนู : วางยาเบื่อหนูในบริเวณที่หนูอาจเข้ามาทำรัง เช่น ใต้ท้องรถ หรือในห้องเครื่อง
ใช้สเปรย์กันแมลง : ฉีดสเปรย์กันแมลงในบริเวณที่แมลงอาจเข้ามาอาศัย เช่น ช่องระบายอากาศ หรือซอกมุมต่าง ๆ
ตรวจสอบร่องรอย : ตรวจสอบร่องรอยของหนูและแมลงเป็นประจำ เพื่อป้องกันไม่ให้แมลงหรือหนูเข้าไปกัดแทะเครื่องยนต์ภายใน หรือสร้างปัญหาภายในตัวรถ
- คลุมผ้าคลุมรถ
การคลุมผ้าคลุมรถจะช่วยป้องกันฝุ่นละออง แสงแดด และรอยขีดข่วนที่อาจเกิดขึ้นกับสีรถ
ป้องกันฝุ่นละออง : ผ้าคลุมรถจะช่วยป้องกันฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกที่อาจเกาะติดบนสีรถ
ป้องกันแสงแดด : ผ้าคลุมรถจะช่วยป้องกันแสงแดดที่อาจทำให้สีรถซีดจาง
ป้องกันรอยขีดข่วน : ผ้าคลุมรถจะช่วยป้องกันรอยขีดข่วนที่อาจเกิดขึ้นจากกิ่งไม้ หรือสิ่งของอื่น ๆ
- จอดรถในที่ร่ม
หากเป็นไปได้ ควรจอดรถในที่ร่มหรือในโรงจอดรถ เพื่อป้องกันแสงแดดและความร้อนที่อาจทำให้สีรถซีดจาง และอุปกรณ์ภายในรถเสื่อมสภาพ
ป้องกันแสงแดด : การจอดรถในที่ร่มจะช่วยป้องกันแสงแดดที่อาจทำให้สีรถซีดจางและอุปกรณ์ภายในรถเสื่อมสภาพ
ป้องกันความร้อน : การจอดรถในที่ร่มจะช่วยลดอุณหภูมิภายในรถ และป้องกันอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เสียหาย
- สตาร์ทเครื่องยนต์เป็นประจำ
ควรสตาร์ทเครื่องยนต์อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงาน และชาร์จแบตเตอรี่
หล่อลื่นเครื่องยนต์ : การสตาร์ทเครื่องยนต์จะช่วยให้เครื่องยนต์ได้รับการหล่อลื่นอย่างทั่วถึง
ชาร์จแบตเตอรี่ : การสตาร์ทเครื่องยนต์จะช่วยชาร์จแบตเตอรี่ และป้องกันแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ
ตรวจสอบการทำงาน : การสตาร์ทเครื่องยนต์เป็นประจำจะช่วยให้คุณตรวจสอบการทำงานของเครื่องยนต์และระบบต่าง ๆ ได้

รถยนต์จอดนานสตาร์ทไม่ติด ทำอย่างไร?
จอดรถทิ้งไว้นานสตาร์ทไม่ติด เป็นปัญหาที่พบได้บ่อย เมื่อรถยนต์ถูกจอดทิ้งไว้เป็นเวลานาน สาเหตุส่วนใหญ่มักมาจากแบตเตอรี่หมดหรือระบบเชื้อเพลิงมีปัญหา หากคุณประสบปัญหานี้ ลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
- ตรวจสอบแบตเตอรี่
ตรวจสอบว่าแบตเตอรี่มีไฟหรือไม่ หากแบตเตอรี่หมด ให้พ่วงแบตเตอรี่จากรถคันอื่น หรือใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่
พ่วงแบตเตอรี่ : ใช้สายพ่วงแบตเตอรี่เชื่อมต่อขั้วบวก (+) ของแบตเตอรี่รถยนต์ของคุณกับขั้วบวก (+) ของแบตเตอรี่รถยนต์คันอื่น และเชื่อมต่อขั้วลบ (-) ของแบตเตอรี่รถยนต์คันอื่นกับส่วนที่เป็นโลหะของรถยนต์ของคุณ
ใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ : ใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ของคุณตามคำแนะนำของผู้ผลิต
- ตรวจสอบระบบเชื้อเพลิง
ตรวจสอบว่ามีน้ำมันในถังหรือไม่ และปั๊มติ๊กทำงานหรือไม่ หากไม่มีน้ำมัน หรือปั๊มติ๊กไม่ทำงาน ให้เติมน้ำมัน หรือตรวจสอบและซ่อมแซมปั๊มติ๊ก
เติมน้ำมัน : เติมน้ำมันให้เพียงพอต่อการสตาร์ทเครื่องยนต์
ตรวจสอบปั๊มติ๊ก : ฟังเสียงปั๊มติ๊กทำงานเมื่อบิดกุญแจ หากไม่ได้ยินเสียง อาจต้องตรวจสอบและซ่อมแซมปั๊มติ๊ก
- ตรวจสอบระบบสตาร์ท
ตรวจสอบว่ามอเตอร์สตาร์ททำงานหรือไม่ หากมอเตอร์สตาร์ทไม่ทำงาน อาจต้องตรวจสอบและซ่อมแซมมอเตอร์สตาร์ท
ฟังเสียงมอเตอร์สตาร์ท : บิดกุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์ หากไม่ได้ยินเสียงมอเตอร์สตาร์ท อาจต้องตรวจสอบและซ่อมแซมมอเตอร์สตาร์ท
- ตรวจสอบฟิวส์
ตรวจสอบฟิวส์ที่เกี่ยวข้องกับระบบสตาร์ทและระบบเชื้อเพลิง หากฟิวส์ขาด ให้เปลี่ยนฟิวส์ใหม่
ตรวจสอบคู่มือรถยนต์ : ตรวจสอบคู่มือรถยนต์เพื่อหาตำแหน่งของฟิวส์ที่เกี่ยวข้องกับระบบสตาร์ทและระบบเชื้อเพลิง
เปลี่ยนฟิวส์ : หากฟิวส์ขาด ให้เปลี่ยนฟิวส์ใหม่ที่มีขนาดแอมป์เท่ากัน
หากลองทำตามขั้นตอนเหล่านี้แล้ว รถยนต์ยังสตาร์ทไม่ติด ควรปรึกษาช่างผู้ชำนาญ เพื่อตรวจสอบและแก้ไขปัญหาอย่างถูกต้อง

สตาร์ทรถจอดนาน ๆ ทำอย่างไร?
การ สตาร์ทรถจอดนาน ๆ อาจต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับเครื่องยนต์และระบบต่าง ๆ ของรถยนต์ ต่อไปนี้คือขั้นตอนที่แนะนำ
- ตรวจสอบสภาพรถยนต์
ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ ควรตรวจสอบสภาพรถยนต์โดยรวม เช่น ระดับน้ำมันเครื่อง ระดับน้ำหล่อเย็น และลมยาง
ระดับน้ำมันเครื่อง : ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
ระดับน้ำหล่อเย็น : ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
ลมยาง : ตรวจสอบลมยางให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
- บิดกุญแจไปที่ตำแหน่ง ON
บิดกุญแจไปที่ตำแหน่ง ON (ตำแหน่งที่ไฟหน้าปัดติด) ทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที เพื่อให้ปั๊มติ๊กทำงาน และระบบต่างๆ เตรียมพร้อม
รอปั๊มติ๊กทำงาน : การบิดกุญแจไปที่ตำแหน่ง ON จะทำให้ปั๊มติ๊กทำงาน และส่งน้ำมันไปยังเครื่องยนต์
เตรียมระบบต่าง ๆ : การรอประมาณ 2-3 นาที จะช่วยให้ระบบต่าง ๆ เตรียมพร้อมสำหรับการสตาร์ทเครื่องยนต์
- สตาร์ทเครื่องยนต์
บิดกุญแจไปที่ตำแหน่ง START และสตาร์ทเครื่องยนต์ หากเครื่องยนต์ไม่ติดในครั้งแรก ให้รอประมาณ 10-15 วินาที แล้วลองสตาร์ทใหม่อีกครั้ง
อย่าสตาร์ทนานเกินไป : หากเครื่องยนต์ไม่ติดในครั้งแรก อย่าสตาร์ทนานเกินไป เพราะอาจทำให้แบตเตอรี่หมด
รอเครื่องยนต์วอร์ม : หลังจากสตาร์ทเครื่องยนต์ติดแล้ว ให้รอเครื่องยนต์วอร์มเครื่องสักครู่ ก่อนออกเดินทาง
- ตรวจสอบการทำงานของเครื่องยนต์
สังเกตการทำงานของเครื่องยนต์ หากมีเสียงผิดปกติ หรือไฟเตือนบนหน้าปัดติด ควรตรวจสอบและแก้ไขปัญหา
ฟังเสียงเครื่องยนต์ : สังเกตเสียงเครื่องยนต์ หากมีเสียงผิดปกติ เช่น เสียงดัง หรือเสียงสั่น ควรตรวจสอบและแก้ไขปัญหา
สังเกตไฟเตือน : สังเกตไฟเตือนบนหน้าปัด หากมีไฟเตือนติด ควรตรวจสอบและแก้ไขปัญหา
ควรสตาร์ทรถทุกกี่วัน?
การ ควรสตาร์ทรถทุกกี่วัน เป็นคำถามที่พบบ่อยสำหรับผู้ที่ รถไม่ค่อยได้ขับ โดยทั่วไปแล้ว ควรสตาร์ทรถอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงาน และชาร์จแบตเตอรี่ แต่หากรถยนต์ถูกจอดทิ้งไว้นานกว่านั้น อาจต้องดูแลเป็นพิเศษ
- สตาร์ทสัปดาห์ละครั้ง
การสตาร์ทรถสัปดาห์ละครั้งจะช่วยให้เครื่องยนต์ได้รับการหล่อลื่นอย่างทั่วถึง และป้องกันการเสื่อมสภาพของชิ้นส่วนต่าง ๆ
หล่อลื่นเครื่องยนต์ : การสตาร์ทเครื่องยนต์จะช่วยให้เครื่องยนต์ได้รับการหล่อลื่นอย่างทั่วถึง
ป้องกันการเสื่อมสภาพ : การสตาร์ทเครื่องยนต์เป็นประจำจะช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของชิ้นส่วนต่าง ๆ
- ขับรถออกมาบ้าง
หากเป็นไปได้ ควรขับรถออกมาจากที่จอดบ้าง อย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อให้ระบบต่าง ๆ ของรถยนต์ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ
ระบบเบรก : การขับรถจะช่วยให้ระบบเบรกทำงานและป้องกันสนิม
ระบบช่วงล่าง : การขับรถจะช่วยให้ระบบช่วงล่างทำงานและป้องกันการแข็งตัว
ระบบปรับอากาศ : การขับรถจะช่วยให้ระบบปรับอากาศทำงานและป้องกันการอุดตัน
ช่วงเวลาที่ควรสตาร์ทรถยนต์
ระยะเวลาจอดรถ | ความถี่ในการสตาร์ท | ข้อควรระวัง |
น้อยกว่า 1 สัปดาห์ | ไม่จำเป็น | – |
1 – 4 สัปดาห์ | 1 สัปดาห์/ครั้ง | สตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้ 10-15 นาที |
1 – 3 เดือน | 2 สัปดาห์/ครั้ง | ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องและน้ำหล่อเย็นก่อนสตาร์ท |
มากกว่า 3 เดือน | 1 เดือน/ครั้ง | ควรนำรถไปตรวจเช็คสภาพโดยช่างผู้ชำนาญ |
รถจอดนาน 2 ปี ควรดูแลอย่างไรบ้าง?
หาก รถจอดนาน2ปี โดยไม่ได้ใช้งาน การดูแลรักษาเป็นพิเศษเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะชิ้นส่วนต่างๆ อาจเสื่อมสภาพหรือเสียหายได้ ต่อไปนี้คือสิ่งที่ควรทำเมื่อนำรถกลับมาใช้งาน
- เปลี่ยนถ่ายของเหลวทั้งหมด
เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก น้ำหล่อเย็น และน้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ เนื่องจากของเหลวเหล่านี้อาจเสื่อมสภาพเมื่อจอดทิ้งไว้นาน ๆ
- น้ำมันเครื่อง เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองน้ำมันเครื่อง เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- น้ำมันเกียร์ เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ เพื่อป้องกันการสึกหรอของเกียร์
- น้ำมันเบรก เปลี่ยนน้ำมันเบรก เพื่อให้ระบบเบรกทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- น้ำหล่อเย็น เปลี่ยนน้ำหล่อเย็น เพื่อป้องกันการเกิดสนิมและการกัดกร่อน
- น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ เปลี่ยนน้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ เพื่อให้พวงมาลัยทำงานได้อย่างราบรื่น
- ตรวจสอบระบบเบรก
ตรวจสอบผ้าเบรก จานเบรก และน้ำมันเบรก หากพบว่าผ้าเบรกบาง หรือจานเบรกเป็นสนิม ควรเปลี่ยนใหม่
- ผ้าเบรก ตรวจสอบความหนาของผ้าเบรก หากผ้าเบรกบาง ควรเปลี่ยนใหม่
- จานเบรก ตรวจสอบจานเบรก หากจานเบรกเป็นสนิม หรือมีรอยขีดข่วน ควรเจียรจานเบรก หรือเปลี่ยนใหม่
- น้ำมันเบรก เปลี่ยนน้ำมันเบรก เพื่อให้ระบบเบรกทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ตรวจสอบระบบช่วงล่าง
ตรวจสอบโช้คอัพ ลูกหมาก และยางหุ้มเพลา หากพบว่าโช้คอัพรั่ว ลูกหมากหลวม หรือยางหุ้มเพลาฉีกขาด ควรเปลี่ยนใหม่
- โช้คอัพ : ตรวจสอบโช้คอัพ หากโช้คอัพรั่ว หรือมีอาการสั่นสะเทือน ควรเปลี่ยนใหม่
- ลูกหมาก : ตรวจสอบลูกหมาก หากลูกหมากหลวม ควรเปลี่ยนใหม่
- ยางหุ้มเพลา : ตรวจสอบยางหุ้มเพลา หากยางหุ้มเพลาฉีกขาด ควรเปลี่ยนใหม่
- ตรวจสอบระบบไฟฟ้า
ตรวจสอบแบตเตอรี่ ไดชาร์จ และสายไฟ หากพบว่าแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ หรือไดชาร์จไม่ทำงาน ควรเปลี่ยนใหม่
- แบตเตอรี่ ตรวจสอบแบตเตอรี่ หากแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ ควรเปลี่ยนใหม่
- ไดชาร์จ ตรวจสอบไดชาร์จ หากไดชาร์จไม่ทำงาน ควรซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่
- สายไฟ ตรวจสอบสายไฟ หากสายไฟชำรุด ควรซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่
- ตรวจสอบยางรถยนต์
ตรวจสอบสภาพยางรถยนต์ หากยางแตกลายงา หรือหมดอายุ ควรเปลี่ยนใหม่
- สภาพยาง ตรวจสอบสภาพยางรถยนต์ หากยางแตกลายงา หรือหมดอายุ ควรเปลี่ยนใหม่
- ลมยาง เติมลมยางให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
- นำรถไปตรวจสภาพ
หลังจากทำการบำรุงรักษาเบื้องต้นแล้ว ควรนำรถไปตรวจสภาพโดยช่างผู้ชำนาญ เพื่อตรวจสอบความพร้อมใช้งานของรถยนต์
ตรวจสอบระบบต่าง ๆ ช่างผู้ชำนาญจะตรวจสอบระบบต่าง ๆ ของรถยนต์ และให้คำแนะนำในการบำรุงรักษาเพิ่มเติม

สตาร์ทรถบ่อยมีผลเสียอะไรบ้าง?
หลายคนอาจเข้าใจว่าการ สตาร์ทรถบ่อยมีผลเสียอะไรบ้าง เพราะกลัวว่าการสตาร์ทรถบ่อย ๆ จะทำให้เครื่องยนต์สึกหรอ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การสตาร์ทรถบ่อย ๆ ไม่ได้มีผลเสียมากนัก หากทำอย่างถูกวิธี
- การสึกหรอของเครื่องยนต์
การสตาร์ทเครื่องยนต์จะทำให้เกิดการสึกหรอของชิ้นส่วนต่าง ๆ แต่การสึกหรอนี้มีน้อยมาก และไม่ส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์ในระยะยาว
การหล่อลื่น การสตาร์ทเครื่องยนต์จะช่วยให้เครื่องยนต์ได้รับการหล่อลื่นอย่างทั่วถึง
การสึกหรอ การสึกหรอจากการสตาร์ทเครื่องยนต์มีน้อยมาก และไม่ส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์ในระยะยาว
- การสิ้นเปลืองน้ำมัน
การสตาร์ทเครื่องยนต์จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมัน แต่ปริมาณน้ำมันที่สิ้นเปลืองมีน้อยมาก
ปริมาณน้ำมัน ปริมาณน้ำมันที่สิ้นเปลืองในการสตาร์ทเครื่องยนต์มีน้อยมาก
การประหยัดน้ำมัน การดูแลรักษารถยนต์อย่างถูกวิธีจะช่วยประหยัดน้ำมันได้มากกว่า
- การปล่อยมลพิษ
การสตาร์ทเครื่องยนต์จะทำให้ปล่อยมลพิษ แต่ปริมาณมลพิษที่ปล่อยออกมามีน้อยมาก
ปริมาณมลพิษ ปริมาณมลพิษที่ปล่อยออกมาจากการสตาร์ทเครื่องยนต์มีน้อยมาก
การรักษาสิ่งแวดล้อม การดูแลรักษารถยนต์อย่างถูกวิธีจะช่วยลดการปล่อยมลพิษได้มากกว่า
รถไม่ค่อยได้ขับ แบตเตอรี่ต้องดูแลอย่างไร?
สำหรับ รถไม่ค่อยได้ขับ แบตเตอรี่ มักเป็นปัญหาที่พบบ่อย เนื่องจากแบตเตอรี่จะคายประจุไฟเมื่อไม่ได้ใช้งาน ต่อไปนี้คือวิธีดูแลแบตเตอรี่สำหรับรถที่ไม่ค่อยได้ขับ
- ชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม
ก่อนจอดรถทิ้งไว้ ควรชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม เพื่อให้มีไฟเพียงพอในการสตาร์ทเครื่องยนต์
การชาร์จ : การชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มจะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่
- ถอดขั้วแบตเตอรี่
การถอดขั้วแบตเตอรี่จะช่วยป้องกันการคายประจุไฟ และยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่
การป้องกันการคายประจุ : การถอดขั้วแบตเตอรี่จะช่วยป้องกันการคายประจุไฟ
การยืดอายุการใช้งาน : การถอดขั้วแบตเตอรี่จะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่
- ใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัตโนมัติ
เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัตโนมัติจะช่วยรักษาประจุไฟในแบตเตอรี่ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
การรักษาประจุไฟ : เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัตโนมัติจะช่วยรักษาประจุไฟในแบตเตอรี่ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
การป้องกันแบตเตอรี่เสื่อม : เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัตโนมัติจะช่วยป้องกันแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ

รถจอดนานแอร์ไม่เย็น ทำอย่างไร?
ปัญหา รถจอดนานแอร์ไม่เย็น อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น น้ำยาแอร์รั่ว คอมเพรสเซอร์แอร์เสีย หรือระบบปรับอากาศมีสิ่งสกปรกอุดตัน
- ตรวจสอบน้ำยาแอร์
ตรวจสอบระดับน้ำยาแอร์ หากน้ำยาแอร์ต่ำกว่าปกติ อาจมีรอยรั่วในระบบ
การตรวจสอบ : ตรวจสอบระดับน้ำยาแอร์โดยใช้เกจวัดน้ำยาแอร์
การแก้ไข : หากน้ำยาแอร์ต่ำกว่าปกติ ควรเติมน้ำยาแอร์ และตรวจสอบหารอยรั่ว
- ตรวจสอบคอมเพรสเซอร์แอร์
ตรวจสอบการทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์ หากคอมเพรสเซอร์แอร์ไม่ทำงาน อาจต้องซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่
การตรวจสอบ : ฟังเสียงการทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์
การแก้ไข : หากคอมเพรสเซอร์แอร์ไม่ทำงาน ควรซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่
- ตรวจสอบระบบปรับอากาศ
ตรวจสอบระบบปรับอากาศ หากมีสิ่งสกปรกอุดตัน อาจต้องล้างระบบปรับอากาศ
การตรวจสอบ : ตรวจสอบช่องระบายอากาศ และไส้กรองอากาศ
การแก้ไข : หากมีสิ่งสกปรกอุดตัน ควรล้างระบบปรับอากาศ และเปลี่ยนไส้กรองอากาศ
- เปิดแอร์ไล่ความชื้น
หากรถจอดทิ้งไว้นาน ควรเปิดแอร์ไล่ความชื้นบ้าง เพื่อป้องกันเชื้อราและการอุดตัน
การเปิดแอร์ : เปิดแอร์ไล่ความชื้นประมาณ 10-15 นาที สัปดาห์ละครั้ง
การป้องกัน : การเปิดแอร์ไล่ความชื้นจะช่วยป้องกันเชื้อราและการอุดตัน
การดูแล รถไม่ค่อยได้ขับ หรือ รถจอดทิ้งไว้นาน เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อรักษาสภาพรถยนต์ให้พร้อมใช้งานเมื่อต้องการ และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการจอดทิ้งไว้นาน ๆ ควรทำความสะอาดรถยนต์ เติมน้ำมันให้เต็มถัง ดูแลแบตเตอรี่ เติมลมยางให้มากกว่าปกติ ป้องกันหนูและแมลง คลุมผ้าคลุมรถ และสตาร์ทเครื่องยนต์เป็นประจำ
หาก รถยนต์จอดนานสตาร์ทไม่ติด ควรตรวจสอบแบตเตอรี่ ระบบเชื้อเพลิง และระบบสตาร์ท หาก รถจอดนาน 2 ปี ควรเปลี่ยนถ่ายของเหลวทั้งหมด ตรวจสอบระบบเบรก ระบบช่วงล่าง ระบบไฟฟ้า และยางรถยนต์ การ สตาร์ทรถบ่อย ๆ ไม่ได้มีผลเสียมากนัก หากทำอย่างถูกวิธี และควรดูแล รถไม่ค่อยได้ขับแบตเตอรี่ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ หาก รถจอดนานแอร์ไม่เย็น ควรตรวจสอบน้ำยาแอร์ คอมเพรสเซอร์แอร์ และระบบปรับอากาศ
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ จอดรถทิ้งไว้นาน ๆ และต้องการดูแลรักษารถยนต์ของท่านให้มีสภาพดี พร้อมใช้งานอยู่เสมอ และหากอยากเลือกประกันรถยนต์ที่เหมาะกับรถยนต์ที่จอดแช่นาน ๆ แรบบิท แคร์ จะขอแนะนำ ประกันชั้น 3+ นอกจากจะสบายกระเป๋า ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมเหมาะกับรถที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน หรือจะลองเปรียบเทียบประกันรถยนต์อื่น ๆ จาก แรบบิท แคร์ ก่อน ก็ได้เช่นกัน เพราะที่นี้มีแบบแผนประกันที่หลากหลายให้คุณได้เลือกได้ตรงกับไลฟ์สไตล์การขับขี่ของคุณแน่นอน คลิกเลย!
สรุป
หากมีความจำเป็นต้องรถจอดทิ้งไว้นาน การดูแลรถให้คงสภาพไว้ดีอยู่เสมอ นอกจากจะช่วยให้รถยนต์พร้อมใช้งานแล้ว ยังช่วยยืดอายุการใช้งานไม่ให้ทรุดโทรม ผุพังง่ายอีกด้วย โดยการดุแลรถที่จอดทิ้งไว้นาน ๆ มีดังนี้
– ทำความสะอาดอยู่เสมอทั้งภายในภายนอก
– เติมน้ำมันให้เต็มถังจะช่วยลดโอกาสการเกิดสนิมในถังน้ำมัน
– ควรชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มก่อนจอด และถอดขั้วแบตเตอรี่ออกเพื่อป้องกันการคายประจุ
– ควรเติมลมยางให้มากกว่าปกติเล็กน้อย เพื่อป้องกันยางแบนหรือเสียรูปทรง
– ใช้ผ้าคลุมรถเพื่อป้องกันฝุ่น กันแดด และเลือกจอดในที่ร่ม
– สตาร์ทรถสัปดาห์ละครั้ง

ทำงานเกี่ยวข้องกับวงการประกันรถยนต์และยานยนต์มาตั้งแต่ปี 2019 ในหลากหลายตำแหน่งทั้ง SEO Specialist, Senior Executive, SEO / Web Analytics และ SEO Content Writer ในบริษัทประกันรถยนต์่และรถมือสองชั้นนำ นอกจากนั้น ยังเคยอยู่ในแวดวงสื่อมวลชนนานถึง 3 ปีในตำแหน่งนักข่าวไอทีนิตยสารชื่อดังแวดวง E-Commerce ด้านการศึกษาจบระดับชั้นปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยนเรศวร และปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
บทความแคร์รถยนต์

หินกระเด็นใส่รถ เคลมได้ไหม ซ่อมแพงหรือไม่ หากหินกระเด็นใส่กระจกรถ ต้องทำอย่างไร ?

อยากมีรถคันแรกเป็นของตัวเองมีกำหนดอายุหรือไม่ อายุเท่าไหร่ออกรถได้ ?

ไฟซ่อมรถ คู่หูช่างมืออาชีพ ส่องสว่างทุกรายละเอียด