รถไม่ค่อยได้ขับ รถจอดทิ้งไว้นาน ต้องดูแลอย่างไร?

Natthamon
ผู้เขียน: Natthamon Published: March 24, 2025
Natthamon
Natthamon
ทำงานเกี่ยวข้องกับวงการประกันรถยนต์และยานยนต์มาตั้งแต่ปี 2019 ในหลากหลายตำแหน่งทั้ง SEO Specialist, Senior Executive, SEO / Web Analytics และ SEO Content Writer ในบริษัทประกันรถยนต์่และรถมือสองชั้นนำ นอกจากนั้น ยังเคยอยู่ในแวดวงสื่อมวลชนนานถึง 3 ปีในตำแหน่งนักข่าวไอทีนิตยสารชื่อดังแวดวง E-Commerce ด้านการศึกษาจบระดับชั้นปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยนเรศวร และปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คะน้าใบเขียว
ตรวจทาน: คะน้าใบเขียว Last edited: March 23, 2025
คะน้าใบเขียว
คะน้าใบเขียว
นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct
รถไม่ค่อยได้ขับ

รถยนต์คือทรัพย์สินที่มีมูลค่าและอำนวยความสะดวกในการเดินทาง แต่บางครั้งด้วยภาระหน้าที่หรือไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้รถยนต์ต้องจอดอยู่เฉย ๆ เป็นเวลานาน หลายคนอาจมองข้ามความสำคัญของการดูแลรักษารถยนต์ที่ไม่ได้ใช้งานเป็นประจำ แต่การปล่อย รถจอดทิ้งไว้นาน โดยไม่ดูแล อาจนำมาซึ่งปัญหาต่าง ๆ ที่ส่งผลเสียต่อสภาพรถยนต์ในระยะยาวได้ ตั้งแต่ปัญหาเล็กน้อยอย่างแบตเตอรี่เสื่อม ไปจนถึงปัญหาใหญ่ที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมจำนวนมาก ดังนั้น การดูแล รถไม่ค่อยได้ขับ จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อรักษาสภาพรถยนต์ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ และยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานยิ่งขึ้น

บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการ จอดรถทิ้งไว้นาน ๆ พร้อมแนะนำวิธีดูแลรักษา รถจอดนาน อย่างละเอียด เพื่อให้คุณสามารถดูแลรักษารถยนต์ของคุณได้อย่างถูกต้อง และหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

รถจอดนาน ควรดูแลอย่างไรบ้าง?

การดูแล รถจอดนาน อย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อรักษาสภาพรถยนต์ให้พร้อมใช้งานเมื่อต้องการ และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการจอดทิ้งไว้นานๆ ต่อไปนี้คือขั้นตอนและสิ่งที่ควรทำในการดูแลรถยนต์ที่จอดทิ้งไว้นาน

  1. ทำความสะอาดรถยนต์

ก่อนรถจอดไว้นาน ควรล้างรถให้สะอาดทั้งภายนอกและภายใน เพื่อป้องกันคราบสกปรกฝังแน่น และกำจัดเศษอาหารหรือสิ่งสกปรกที่อาจเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อโรคและแมลง

ภายนอก : ล้างรถให้สะอาด ขัดสี เคลือบเงา เพื่อป้องกันสีรถซีดจางจากแสงแดด

ภายใน : ทำความสะอาดภายในรถ ดูดฝุ่น เช็ดเบาะ และคอนโซล เพื่อป้องกันเชื้อราและความอับชื้น

กำจัดกลิ่น : วางแผ่นน้ำหอมหรือถ่านดูดกลิ่น เพื่อให้ภายในรถมีกลิ่นหอมสดชื่น

  1. เติมน้ำมันให้เต็มถัง

การเติมน้ำมันให้เต็มถังจะช่วยลดโอกาสการเกิดสนิมในถังน้ำมัน และป้องกันการสะสมของไอน้ำที่อาจทำให้เกิดปัญหาในการสตาร์ทเครื่องยนต์

ลดการเกิดสนิม : น้ำมันเต็มถังช่วยลดพื้นที่ว่างภายในถังที่อาจเกิดการควบแน่นของไอน้ำ และทำให้เกิดสนิม

ป้องกันปัญหาการสตาร์ท : น้ำมันเต็มถังช่วยให้ระบบเชื้อเพลิงทำงานได้อย่างราบรื่นเมื่อต้องการใช้งาน

  1. ดูแลแบตเตอรี่

แบตเตอรี่เป็นส่วนประกอบสำคัญของรถยนต์ที่มักมีปัญหาเมื่อรถจอดทิ้งไว้นาน ควรชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มก่อนจอด และถอดขั้วแบตเตอรี่ออกเพื่อป้องกันการคายประจุ หรือใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัตโนมัติ (Battery Tender) เพื่อรักษาประจุไฟในแบตเตอรี่

ชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม : ก่อนจอดรถ ควรตรวจสอบและชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม เพื่อให้มีไฟเพียงพอในการสตาร์ทเครื่องยนต์

ถอดขั้วแบตเตอรี่ : การถอดขั้วแบตเตอรี่จะช่วยป้องกันการคายประจุไฟ และยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่

ใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัตโนมัติ : เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัตโนมัติจะช่วยรักษาประจุไฟในแบตเตอรี่ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

  1. เติมลมยางให้มากกว่าปกติ

ยางรถยนต์อาจสูญเสียลมยางเมื่อจอดทิ้งไว้นาน ๆ ควรเติมลมยางให้มากกว่าปกติเล็กน้อย เพื่อป้องกันยางแบนหรือเสียรูปทรง

ป้องกันยางแบน : การเติมลมยางให้มากกว่าปกติจะช่วยรักษารูปทรงของยาง และป้องกันยางแบนเมื่อรถจอดทิ้งไว้นาน

รักษาสภาพยาง : การรักษาระดับลมยางที่เหมาะสมจะช่วยยืดอายุการใช้งานของยางรถยนต์

  1. ยกแม่แรงขึ้น

หากต้อง จอดรถทิ้งไว้นาน ๆ มากกว่า 6 เดือน ควรยกแม่แรงขึ้น เพื่อลดแรงกดทับบนยาง และป้องกันยางเสียรูปทรง

ลดแรงกดทับบนยาง : การยกแม่แรงขึ้นจะช่วยลดแรงกดทับบนยาง และป้องกันยางเสียรูปทรง

ป้องกันยางแตกลายงา : การรักษาสภาพยางที่ดีจะช่วยป้องกันยางแตกลายงา และยืดอายุการใช้งานของยางรถยนต์

  1. ป้องกันหนูและแมลง

หนูและแมลงอาจเข้ามาทำรังในรถยนต์ที่จอดทิ้งไว้นาน ๆ ควรวางยาเบื่อหนูหรือใช้สเปรย์กันแมลง เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

วางยาเบื่อหนู : วางยาเบื่อหนูในบริเวณที่หนูอาจเข้ามาทำรัง เช่น ใต้ท้องรถ หรือในห้องเครื่อง

ใช้สเปรย์กันแมลง : ฉีดสเปรย์กันแมลงในบริเวณที่แมลงอาจเข้ามาอาศัย เช่น ช่องระบายอากาศ หรือซอกมุมต่าง ๆ

ตรวจสอบร่องรอย : ตรวจสอบร่องรอยของหนูและแมลงเป็นประจำ เพื่อป้องกันไม่ให้แมลงหรือหนูเข้าไปกัดแทะเครื่องยนต์ภายใน หรือสร้างปัญหาภายในตัวรถ

  1. คลุมผ้าคลุมรถ

การคลุมผ้าคลุมรถจะช่วยป้องกันฝุ่นละออง แสงแดด และรอยขีดข่วนที่อาจเกิดขึ้นกับสีรถ

ป้องกันฝุ่นละออง : ผ้าคลุมรถจะช่วยป้องกันฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกที่อาจเกาะติดบนสีรถ

ป้องกันแสงแดด : ผ้าคลุมรถจะช่วยป้องกันแสงแดดที่อาจทำให้สีรถซีดจาง

ป้องกันรอยขีดข่วน : ผ้าคลุมรถจะช่วยป้องกันรอยขีดข่วนที่อาจเกิดขึ้นจากกิ่งไม้ หรือสิ่งของอื่น ๆ

  1. จอดรถในที่ร่ม 

หากเป็นไปได้ ควรจอดรถในที่ร่มหรือในโรงจอดรถ เพื่อป้องกันแสงแดดและความร้อนที่อาจทำให้สีรถซีดจาง และอุปกรณ์ภายในรถเสื่อมสภาพ

ป้องกันแสงแดด : การจอดรถในที่ร่มจะช่วยป้องกันแสงแดดที่อาจทำให้สีรถซีดจางและอุปกรณ์ภายในรถเสื่อมสภาพ

ป้องกันความร้อน : การจอดรถในที่ร่มจะช่วยลดอุณหภูมิภายในรถ และป้องกันอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เสียหาย

  1. สตาร์ทเครื่องยนต์เป็นประจำ

ควรสตาร์ทเครื่องยนต์อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงาน และชาร์จแบตเตอรี่

หล่อลื่นเครื่องยนต์ : การสตาร์ทเครื่องยนต์จะช่วยให้เครื่องยนต์ได้รับการหล่อลื่นอย่างทั่วถึง

ชาร์จแบตเตอรี่ : การสตาร์ทเครื่องยนต์จะช่วยชาร์จแบตเตอรี่ และป้องกันแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ

ตรวจสอบการทำงาน : การสตาร์ทเครื่องยนต์เป็นประจำจะช่วยให้คุณตรวจสอบการทำงานของเครื่องยนต์และระบบต่าง ๆ ได้

จอดรถทิ้งไว้นานๆ

รถยนต์จอดนานสตาร์ทไม่ติด ทำอย่างไร?

จอดรถทิ้งไว้นานสตาร์ทไม่ติด เป็นปัญหาที่พบได้บ่อย เมื่อรถยนต์ถูกจอดทิ้งไว้เป็นเวลานาน สาเหตุส่วนใหญ่มักมาจากแบตเตอรี่หมดหรือระบบเชื้อเพลิงมีปัญหา หากคุณประสบปัญหานี้ ลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

  1. ตรวจสอบแบตเตอรี่

ตรวจสอบว่าแบตเตอรี่มีไฟหรือไม่ หากแบตเตอรี่หมด ให้พ่วงแบตเตอรี่จากรถคันอื่น หรือใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่

พ่วงแบตเตอรี่ : ใช้สายพ่วงแบตเตอรี่เชื่อมต่อขั้วบวก (+) ของแบตเตอรี่รถยนต์ของคุณกับขั้วบวก (+) ของแบตเตอรี่รถยนต์คันอื่น และเชื่อมต่อขั้วลบ (-) ของแบตเตอรี่รถยนต์คันอื่นกับส่วนที่เป็นโลหะของรถยนต์ของคุณ

ใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ : ใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ของคุณตามคำแนะนำของผู้ผลิต

  1. ตรวจสอบระบบเชื้อเพลิง 

ตรวจสอบว่ามีน้ำมันในถังหรือไม่ และปั๊มติ๊กทำงานหรือไม่ หากไม่มีน้ำมัน หรือปั๊มติ๊กไม่ทำงาน ให้เติมน้ำมัน หรือตรวจสอบและซ่อมแซมปั๊มติ๊ก

เติมน้ำมัน : เติมน้ำมันให้เพียงพอต่อการสตาร์ทเครื่องยนต์

ตรวจสอบปั๊มติ๊ก : ฟังเสียงปั๊มติ๊กทำงานเมื่อบิดกุญแจ หากไม่ได้ยินเสียง อาจต้องตรวจสอบและซ่อมแซมปั๊มติ๊ก

  1. ตรวจสอบระบบสตาร์ท 

ตรวจสอบว่ามอเตอร์สตาร์ททำงานหรือไม่ หากมอเตอร์สตาร์ทไม่ทำงาน อาจต้องตรวจสอบและซ่อมแซมมอเตอร์สตาร์ท

ฟังเสียงมอเตอร์สตาร์ท : บิดกุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์ หากไม่ได้ยินเสียงมอเตอร์สตาร์ท อาจต้องตรวจสอบและซ่อมแซมมอเตอร์สตาร์ท

  1. ตรวจสอบฟิวส์

ตรวจสอบฟิวส์ที่เกี่ยวข้องกับระบบสตาร์ทและระบบเชื้อเพลิง หากฟิวส์ขาด ให้เปลี่ยนฟิวส์ใหม่

ตรวจสอบคู่มือรถยนต์ : ตรวจสอบคู่มือรถยนต์เพื่อหาตำแหน่งของฟิวส์ที่เกี่ยวข้องกับระบบสตาร์ทและระบบเชื้อเพลิง

เปลี่ยนฟิวส์ : หากฟิวส์ขาด ให้เปลี่ยนฟิวส์ใหม่ที่มีขนาดแอมป์เท่ากัน

หากลองทำตามขั้นตอนเหล่านี้แล้ว รถยนต์ยังสตาร์ทไม่ติด ควรปรึกษาช่างผู้ชำนาญ เพื่อตรวจสอบและแก้ไขปัญหาอย่างถูกต้อง

รถจอดไว้นาน

สตาร์ทรถจอดนาน ๆ ทำอย่างไร?

การ สตาร์ทรถจอดนาน ๆ อาจต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับเครื่องยนต์และระบบต่าง ๆ ของรถยนต์ ต่อไปนี้คือขั้นตอนที่แนะนำ

  1. ตรวจสอบสภาพรถยนต์

ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ ควรตรวจสอบสภาพรถยนต์โดยรวม เช่น ระดับน้ำมันเครื่อง ระดับน้ำหล่อเย็น และลมยาง

ระดับน้ำมันเครื่อง : ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

ระดับน้ำหล่อเย็น : ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

ลมยาง : ตรวจสอบลมยางให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

  1. บิดกุญแจไปที่ตำแหน่ง ON

บิดกุญแจไปที่ตำแหน่ง ON (ตำแหน่งที่ไฟหน้าปัดติด) ทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที เพื่อให้ปั๊มติ๊กทำงาน และระบบต่างๆ เตรียมพร้อม

รอปั๊มติ๊กทำงาน : การบิดกุญแจไปที่ตำแหน่ง ON จะทำให้ปั๊มติ๊กทำงาน และส่งน้ำมันไปยังเครื่องยนต์

เตรียมระบบต่าง ๆ : การรอประมาณ 2-3 นาที จะช่วยให้ระบบต่าง ๆ เตรียมพร้อมสำหรับการสตาร์ทเครื่องยนต์

  1. สตาร์ทเครื่องยนต์

บิดกุญแจไปที่ตำแหน่ง START และสตาร์ทเครื่องยนต์ หากเครื่องยนต์ไม่ติดในครั้งแรก ให้รอประมาณ 10-15 วินาที แล้วลองสตาร์ทใหม่อีกครั้ง

อย่าสตาร์ทนานเกินไป : หากเครื่องยนต์ไม่ติดในครั้งแรก อย่าสตาร์ทนานเกินไป เพราะอาจทำให้แบตเตอรี่หมด

รอเครื่องยนต์วอร์ม : หลังจากสตาร์ทเครื่องยนต์ติดแล้ว ให้รอเครื่องยนต์วอร์มเครื่องสักครู่ ก่อนออกเดินทาง

  1. ตรวจสอบการทำงานของเครื่องยนต์

สังเกตการทำงานของเครื่องยนต์ หากมีเสียงผิดปกติ หรือไฟเตือนบนหน้าปัดติด ควรตรวจสอบและแก้ไขปัญหา

ฟังเสียงเครื่องยนต์ : สังเกตเสียงเครื่องยนต์ หากมีเสียงผิดปกติ เช่น เสียงดัง หรือเสียงสั่น ควรตรวจสอบและแก้ไขปัญหา

สังเกตไฟเตือน : สังเกตไฟเตือนบนหน้าปัด หากมีไฟเตือนติด ควรตรวจสอบและแก้ไขปัญหา

ควรสตาร์ทรถทุกกี่วัน?

การ ควรสตาร์ทรถทุกกี่วัน เป็นคำถามที่พบบ่อยสำหรับผู้ที่ รถไม่ค่อยได้ขับ โดยทั่วไปแล้ว ควรสตาร์ทรถอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงาน และชาร์จแบตเตอรี่ แต่หากรถยนต์ถูกจอดทิ้งไว้นานกว่านั้น อาจต้องดูแลเป็นพิเศษ

  • สตาร์ทสัปดาห์ละครั้ง

การสตาร์ทรถสัปดาห์ละครั้งจะช่วยให้เครื่องยนต์ได้รับการหล่อลื่นอย่างทั่วถึง และป้องกันการเสื่อมสภาพของชิ้นส่วนต่าง ๆ

หล่อลื่นเครื่องยนต์ : การสตาร์ทเครื่องยนต์จะช่วยให้เครื่องยนต์ได้รับการหล่อลื่นอย่างทั่วถึง

ป้องกันการเสื่อมสภาพ : การสตาร์ทเครื่องยนต์เป็นประจำจะช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของชิ้นส่วนต่าง ๆ

  • ขับรถออกมาบ้าง

หากเป็นไปได้ ควรขับรถออกมาจากที่จอดบ้าง อย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อให้ระบบต่าง ๆ ของรถยนต์ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ

ระบบเบรก : การขับรถจะช่วยให้ระบบเบรกทำงานและป้องกันสนิม

ระบบช่วงล่าง : การขับรถจะช่วยให้ระบบช่วงล่างทำงานและป้องกันการแข็งตัว

ระบบปรับอากาศ : การขับรถจะช่วยให้ระบบปรับอากาศทำงานและป้องกันการอุดตัน

ช่วงเวลาที่ควรสตาร์ทรถยนต์

ระยะเวลาจอดรถความถี่ในการสตาร์ทข้อควรระวัง
น้อยกว่า 1 สัปดาห์ไม่จำเป็น
1 – 4 สัปดาห์1 สัปดาห์/ครั้งสตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้ 10-15 นาที
1 – 3 เดือน2 สัปดาห์/ครั้งตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องและน้ำหล่อเย็นก่อนสตาร์ท
มากกว่า 3 เดือน1 เดือน/ครั้งควรนำรถไปตรวจเช็คสภาพโดยช่างผู้ชำนาญ

รถจอดนาน 2 ปี ควรดูแลอย่างไรบ้าง?

หาก รถจอดนาน2ปี โดยไม่ได้ใช้งาน การดูแลรักษาเป็นพิเศษเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะชิ้นส่วนต่างๆ อาจเสื่อมสภาพหรือเสียหายได้ ต่อไปนี้คือสิ่งที่ควรทำเมื่อนำรถกลับมาใช้งาน

  1. เปลี่ยนถ่ายของเหลวทั้งหมด

เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก น้ำหล่อเย็น และน้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ เนื่องจากของเหลวเหล่านี้อาจเสื่อมสภาพเมื่อจอดทิ้งไว้นาน ๆ

  • น้ำมันเครื่อง เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองน้ำมันเครื่อง เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • น้ำมันเกียร์ เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ เพื่อป้องกันการสึกหรอของเกียร์
  • น้ำมันเบรก เปลี่ยนน้ำมันเบรก เพื่อให้ระบบเบรกทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • น้ำหล่อเย็น เปลี่ยนน้ำหล่อเย็น เพื่อป้องกันการเกิดสนิมและการกัดกร่อน
  • น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ เปลี่ยนน้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ เพื่อให้พวงมาลัยทำงานได้อย่างราบรื่น
  1. ตรวจสอบระบบเบรก

ตรวจสอบผ้าเบรก จานเบรก และน้ำมันเบรก หากพบว่าผ้าเบรกบาง หรือจานเบรกเป็นสนิม ควรเปลี่ยนใหม่

  • ผ้าเบรก ตรวจสอบความหนาของผ้าเบรก หากผ้าเบรกบาง ควรเปลี่ยนใหม่
  • จานเบรก ตรวจสอบจานเบรก หากจานเบรกเป็นสนิม หรือมีรอยขีดข่วน ควรเจียรจานเบรก หรือเปลี่ยนใหม่
  • น้ำมันเบรก เปลี่ยนน้ำมันเบรก เพื่อให้ระบบเบรกทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  1. ตรวจสอบระบบช่วงล่าง

ตรวจสอบโช้คอัพ ลูกหมาก และยางหุ้มเพลา หากพบว่าโช้คอัพรั่ว ลูกหมากหลวม หรือยางหุ้มเพลาฉีกขาด ควรเปลี่ยนใหม่

  • โช้คอัพ : ตรวจสอบโช้คอัพ หากโช้คอัพรั่ว หรือมีอาการสั่นสะเทือน ควรเปลี่ยนใหม่
  • ลูกหมาก : ตรวจสอบลูกหมาก หากลูกหมากหลวม ควรเปลี่ยนใหม่
  • ยางหุ้มเพลา : ตรวจสอบยางหุ้มเพลา หากยางหุ้มเพลาฉีกขาด ควรเปลี่ยนใหม่
  1. ตรวจสอบระบบไฟฟ้า 

ตรวจสอบแบตเตอรี่ ไดชาร์จ และสายไฟ หากพบว่าแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ หรือไดชาร์จไม่ทำงาน ควรเปลี่ยนใหม่

  • แบตเตอรี่ ตรวจสอบแบตเตอรี่ หากแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ ควรเปลี่ยนใหม่
  • ไดชาร์จ ตรวจสอบไดชาร์จ หากไดชาร์จไม่ทำงาน ควรซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่
  • สายไฟ ตรวจสอบสายไฟ หากสายไฟชำรุด ควรซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่
  1. ตรวจสอบยางรถยนต์

ตรวจสอบสภาพยางรถยนต์ หากยางแตกลายงา หรือหมดอายุ ควรเปลี่ยนใหม่

  • สภาพยาง ตรวจสอบสภาพยางรถยนต์ หากยางแตกลายงา หรือหมดอายุ ควรเปลี่ยนใหม่
  • ลมยาง เติมลมยางให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
  1. นำรถไปตรวจสภาพ

หลังจากทำการบำรุงรักษาเบื้องต้นแล้ว ควรนำรถไปตรวจสภาพโดยช่างผู้ชำนาญ เพื่อตรวจสอบความพร้อมใช้งานของรถยนต์

ตรวจสอบระบบต่าง ๆ ช่างผู้ชำนาญจะตรวจสอบระบบต่าง ๆ ของรถยนต์ และให้คำแนะนำในการบำรุงรักษาเพิ่มเติม

รถจอดทิ้งไว้นาน

สตาร์ทรถบ่อยมีผลเสียอะไรบ้าง?

หลายคนอาจเข้าใจว่าการ สตาร์ทรถบ่อยมีผลเสียอะไรบ้าง เพราะกลัวว่าการสตาร์ทรถบ่อย ๆ จะทำให้เครื่องยนต์สึกหรอ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การสตาร์ทรถบ่อย ๆ ไม่ได้มีผลเสียมากนัก หากทำอย่างถูกวิธี

  • การสึกหรอของเครื่องยนต์

การสตาร์ทเครื่องยนต์จะทำให้เกิดการสึกหรอของชิ้นส่วนต่าง ๆ แต่การสึกหรอนี้มีน้อยมาก และไม่ส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์ในระยะยาว

การหล่อลื่น การสตาร์ทเครื่องยนต์จะช่วยให้เครื่องยนต์ได้รับการหล่อลื่นอย่างทั่วถึง

การสึกหรอ การสึกหรอจากการสตาร์ทเครื่องยนต์มีน้อยมาก และไม่ส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์ในระยะยาว

  • การสิ้นเปลืองน้ำมัน

การสตาร์ทเครื่องยนต์จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมัน แต่ปริมาณน้ำมันที่สิ้นเปลืองมีน้อยมาก

ปริมาณน้ำมัน ปริมาณน้ำมันที่สิ้นเปลืองในการสตาร์ทเครื่องยนต์มีน้อยมาก

การประหยัดน้ำมัน การดูแลรักษารถยนต์อย่างถูกวิธีจะช่วยประหยัดน้ำมันได้มากกว่า

  • การปล่อยมลพิษ

การสตาร์ทเครื่องยนต์จะทำให้ปล่อยมลพิษ แต่ปริมาณมลพิษที่ปล่อยออกมามีน้อยมาก

ปริมาณมลพิษ ปริมาณมลพิษที่ปล่อยออกมาจากการสตาร์ทเครื่องยนต์มีน้อยมาก

การรักษาสิ่งแวดล้อม การดูแลรักษารถยนต์อย่างถูกวิธีจะช่วยลดการปล่อยมลพิษได้มากกว่า

รถไม่ค่อยได้ขับ แบตเตอรี่ต้องดูแลอย่างไร?

สำหรับ รถไม่ค่อยได้ขับ แบตเตอรี่ มักเป็นปัญหาที่พบบ่อย เนื่องจากแบตเตอรี่จะคายประจุไฟเมื่อไม่ได้ใช้งาน ต่อไปนี้คือวิธีดูแลแบตเตอรี่สำหรับรถที่ไม่ค่อยได้ขับ

  • ชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม

ก่อนจอดรถทิ้งไว้ ควรชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม เพื่อให้มีไฟเพียงพอในการสตาร์ทเครื่องยนต์

การชาร์จ : การชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มจะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่

  • ถอดขั้วแบตเตอรี่

การถอดขั้วแบตเตอรี่จะช่วยป้องกันการคายประจุไฟ และยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่

การป้องกันการคายประจุ : การถอดขั้วแบตเตอรี่จะช่วยป้องกันการคายประจุไฟ

การยืดอายุการใช้งาน : การถอดขั้วแบตเตอรี่จะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่

  • ใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัตโนมัติ

เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัตโนมัติจะช่วยรักษาประจุไฟในแบตเตอรี่ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

การรักษาประจุไฟ : เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัตโนมัติจะช่วยรักษาประจุไฟในแบตเตอรี่ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

การป้องกันแบตเตอรี่เสื่อม : เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัตโนมัติจะช่วยป้องกันแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ

รถยนต์จอดนานสตาร์ทไม่ติด

รถจอดนานแอร์ไม่เย็น ทำอย่างไร?

ปัญหา รถจอดนานแอร์ไม่เย็น อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น น้ำยาแอร์รั่ว คอมเพรสเซอร์แอร์เสีย หรือระบบปรับอากาศมีสิ่งสกปรกอุดตัน

  • ตรวจสอบน้ำยาแอร์

ตรวจสอบระดับน้ำยาแอร์ หากน้ำยาแอร์ต่ำกว่าปกติ อาจมีรอยรั่วในระบบ

การตรวจสอบ : ตรวจสอบระดับน้ำยาแอร์โดยใช้เกจวัดน้ำยาแอร์

การแก้ไข : หากน้ำยาแอร์ต่ำกว่าปกติ ควรเติมน้ำยาแอร์ และตรวจสอบหารอยรั่ว

  • ตรวจสอบคอมเพรสเซอร์แอร์

ตรวจสอบการทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์ หากคอมเพรสเซอร์แอร์ไม่ทำงาน อาจต้องซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่

การตรวจสอบ : ฟังเสียงการทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์

การแก้ไข : หากคอมเพรสเซอร์แอร์ไม่ทำงาน ควรซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่

  • ตรวจสอบระบบปรับอากาศ

ตรวจสอบระบบปรับอากาศ หากมีสิ่งสกปรกอุดตัน อาจต้องล้างระบบปรับอากาศ

การตรวจสอบ : ตรวจสอบช่องระบายอากาศ และไส้กรองอากาศ

การแก้ไข : หากมีสิ่งสกปรกอุดตัน ควรล้างระบบปรับอากาศ และเปลี่ยนไส้กรองอากาศ

  • เปิดแอร์ไล่ความชื้น

หากรถจอดทิ้งไว้นาน ควรเปิดแอร์ไล่ความชื้นบ้าง เพื่อป้องกันเชื้อราและการอุดตัน

การเปิดแอร์ : เปิดแอร์ไล่ความชื้นประมาณ 10-15 นาที สัปดาห์ละครั้ง

การป้องกัน : การเปิดแอร์ไล่ความชื้นจะช่วยป้องกันเชื้อราและการอุดตัน

การดูแล รถไม่ค่อยได้ขับ หรือ รถจอดทิ้งไว้นาน เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อรักษาสภาพรถยนต์ให้พร้อมใช้งานเมื่อต้องการ และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการจอดทิ้งไว้นาน ๆ ควรทำความสะอาดรถยนต์ เติมน้ำมันให้เต็มถัง ดูแลแบตเตอรี่ เติมลมยางให้มากกว่าปกติ ป้องกันหนูและแมลง คลุมผ้าคลุมรถ และสตาร์ทเครื่องยนต์เป็นประจำ

หาก รถยนต์จอดนานสตาร์ทไม่ติด ควรตรวจสอบแบตเตอรี่ ระบบเชื้อเพลิง และระบบสตาร์ท หาก รถจอดนาน 2 ปี ควรเปลี่ยนถ่ายของเหลวทั้งหมด ตรวจสอบระบบเบรก ระบบช่วงล่าง ระบบไฟฟ้า และยางรถยนต์ การ สตาร์ทรถบ่อย ๆ ไม่ได้มีผลเสียมากนัก หากทำอย่างถูกวิธี และควรดูแล รถไม่ค่อยได้ขับแบตเตอรี่ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ หาก รถจอดนานแอร์ไม่เย็น ควรตรวจสอบน้ำยาแอร์ คอมเพรสเซอร์แอร์ และระบบปรับอากาศ

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ จอดรถทิ้งไว้นาน ๆ และต้องการดูแลรักษารถยนต์ของท่านให้มีสภาพดี พร้อมใช้งานอยู่เสมอ และหากอยากเลือกประกันรถยนต์ที่เหมาะกับรถยนต์ที่จอดแช่นาน ๆ แรบบิท แคร์ จะขอแนะนำ ประกันชั้น 3+ นอกจากจะสบายกระเป๋า ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมเหมาะกับรถที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน หรือจะลองเปรียบเทียบประกันรถยนต์อื่น ๆ จาก แรบบิท แคร์ ก่อน ก็ได้เช่นกัน เพราะที่นี้มีแบบแผนประกันที่หลากหลายให้คุณได้เลือกได้ตรงกับไลฟ์สไตล์การขับขี่ของคุณแน่นอน คลิกเลย!

สรุป

หากมีความจำเป็นต้องรถจอดทิ้งไว้นาน การดูแลรถให้คงสภาพไว้ดีอยู่เสมอ นอกจากจะช่วยให้รถยนต์พร้อมใช้งานแล้ว ยังช่วยยืดอายุการใช้งานไม่ให้ทรุดโทรม ผุพังง่ายอีกด้วย โดยการดุแลรถที่จอดทิ้งไว้นาน ๆ มีดังนี้

– ทำความสะอาดอยู่เสมอทั้งภายในภายนอก
– เติมน้ำมันให้เต็มถังจะช่วยลดโอกาสการเกิดสนิมในถังน้ำมัน
– ควรชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มก่อนจอด และถอดขั้วแบตเตอรี่ออกเพื่อป้องกันการคายประจุ
– ควรเติมลมยางให้มากกว่าปกติเล็กน้อย เพื่อป้องกันยางแบนหรือเสียรูปทรง
– ใช้ผ้าคลุมรถเพื่อป้องกันฝุ่น กันแดด และเลือกจอดในที่ร่ม
– สตาร์ทรถสัปดาห์ละครั้ง

ที่มา

บทความแคร์รถยนต์

Rabbit Care Blog Image 99774

แคร์รถยนต์

หินกระเด็นใส่รถ เคลมได้ไหม ซ่อมแพงหรือไม่ หากหินกระเด็นใส่กระจกรถ ต้องทำอย่างไร ?

แม้เราจะดูแลรถยนต์สุดที่รักเป็นอย่างดี แต่แน่นอนว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ โดยเฉพาะอุบัติเหตุเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดอย่างหินกระเด็นใส่รถ
Natthamon
18/03/2025
Rabbit Care Blog Image 99762

แคร์รถยนต์

อยากมีรถคันแรกเป็นของตัวเองมีกำหนดอายุหรือไม่ อายุเท่าไหร่ออกรถได้ ?

คำถามของคนที่ฝันอยากจะมีรถยนต์คันแรกเป็นของตัวเองสักทีคงสงสัย อายุเท่าไหร่ออกรถได้ จะซื้อรถยนต์คันแรก หรือมีรถยนต์คันแรกได้เมื่อไหร่ ออกรถยนต์คันแรก
Natthamon
14/03/2025
Rabbit Care Blog Image 99818

แคร์รถยนต์

ไฟซ่อมรถ คู่หูช่างมืออาชีพ ส่องสว่างทุกรายละเอียด

การซ่อมรถยนต์เป็นงานที่ต้องการความละเอียดแม่นยำสูง การมี ไฟซ่อมรถ ที่ดีจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับช่างทุกคน
Natthamon
07/03/2025