ยางรถไฟฟ้า กับ ยางรถยนต์ทั่วไป แตกต่างกันอย่างไร ปัจจุบันราคาเท่าไหร่

Thirakan T
ผู้เขียน: Thirakan T Published: March 4, 2024
Thirakan T
Thirakan T
Thirakan Thongseenual เป็นนักเขียนที่มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี ที่ RabbitCare และ Asia Direct โดยมีความชำนาญในประกันรถยนต์ เน้นเขียนบทความที่เผยแพร่บน Blog และมีความเชี่ยวชาญด้าน SEO กว่า 4 ปี ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอได้ใช้ในการสร้างความรู้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของ RabbitCare อย่างมีประสิทธิภาพ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ปริญญาตรี สาขา Information Technology
Natthamon
แก้ไขโดย: Natthamon Last edited: August 8, 2024
Natthamon
Natthamon
ทำงานเกี่ยวข้องกับวงการประกันรถยนต์และยานยนต์มาตั้งแต่ปี 2019 ในหลากหลายตำแหน่งทั้ง SEO Specialist, Senior Executive, SEO / Web Analytics และ SEO Content Writer ในบริษัทประกันรถยนต์่และรถมือสองชั้นนำ นอกจากนั้น ยังเคยอยู่ในแวดวงสื่อมวลชนนานถึง 3 ปีในตำแหน่งนักข่าวไอทีนิตยสารชื่อดังแวดวง E-Commerce ด้านการศึกษาจบระดับชั้นปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยนเรศวร และปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ยางรถไฟฟ้า

ขึ้นชื่อว่ายางรถยนต์ต่อให้เป็นประเภทเดียวกันก็มีคุณสมบัติต่างกัน ฉะนั้นระหว่างยางรถไฟฟ้ากับยางรถยนต์ธรรมดาทั่วไป ย่อมมีคุณสมบัติที่ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว เนื่องด้วยวัตถุประสงค์การใช้งานบางอย่างที่แตกต่างกันออกไป ทำให้คนที่กำลังวางแผนซื้อรถไฟฟ้า EV สักคัน ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับยางรถไฟฟ้า หรือยางรถ EV ให้รอบคอบก่อน เพื่อที่เราจะได้สามารถดูแลยางรถได้เป็นอย่างดี ช่วยรักษาอายุการใช้งานให้ยาวนาน รวมถึงช่วงเวลาที่ต้องเปลี่ยน และหากยางรถไฟฟ้ารั่วขึ้นมา มีวิธีรับมืออย่างไรบ้าง แรบบิท แคร์ ได้เตรียมคำตอบมาให้แล้วตามเนื้อหาดังต่อไปนี้

ยางรถไฟฟ้า คือ อะไร

ยางรถไฟฟ้า หรือ ยางรถ EV คือ ยางรถยนต์แบบพิเศษที่มีการออกแบบมาให้ถูกลักษณะต่อการใช้งานกับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีแรงบิดสูงกว่ารถยนต์สันดาปทั่วไป ยิ่งไปกว่านั้นในรถยนต์ไฟฟ้าที่มีการติดตั้งแบตเตอรีสำรอง เพื่อให้มีระยะการเดินทางที่ค่อนข้างไกลนั้นยังถือเป็นการเพิ่มน้ำหนักตัวรถ ให้มากขึ้นกว่ารถยนต์ทั่วไป 10-20% เลยทีเดียว ด้วยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น จึงมีผลกระทบต่อจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ เลยต้องมีการผลิตยางแบบพิเศษขึ้นมา ให้สามารถรองรับการใช้งานได้อย่างเหมาะสมนั่นเอง

ปัจจุบันมีแบรนด์ไหนผลิตยางรถไฟฟ้าบ้าง

ปัจจุบันยางรถไฟฟ้ามีแบรนด์ดังเริ่มต้นผลิตออกมาจัดจำหน่ายมากถึง 10 แบรนด์ด้วยกัน เช่น Bridgestone, Goodyear, MICHELIN, Hankook, Yokohama, Firestone, Pirelli และ Continental แต่ถึงแม้ว่าจะมีแบรนด์ที่ผลิตยางรถไฟฟ้าขึ้นมาเป็นจำนวนมากกว่าเก่า ในเรื่องของสเปก หรือรุ่นยางที่ออกมา ยังไม่มีความหลากหลายมากเท่าไหร่นัก ต้องรอให้ตลาดรถไฟฟ้าโตขึ้นกว่านี้อีกสักหน่อย เพื่อให้มีความต้องการในตลาดเพิ่มมากขึ้น เราคงมีโอกาสได้เห็นสเปกยางรถ EV ที่น่าสนใจอีกมากมาย

ยางรถ EV ราคาเริ่มต้นประมาณ 10,000 บาทต่อเส้น ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูงอย่างมากหากเทียบกับยางรถยนต์ทั่วไป ที่เฉลี่ยแล้วจะอยู่ในเรทราคาเพียง 2,000-7,000 บาทต่อเส้น ขึ้นอยู่กับสเปกและคุณภาพของยางอีกทีหนึ่ง

ยางรถ ev ราคา

ความต่างของยางรถไฟฟ้ากับยางรถยนต์ทั่วไป

เปรียบเทียบความต่างของยางรถไฟฟ้ากับยางรถยนต์ทั่วไป ทั้งหมด 5 ด้านด้วยกัน คือ ความทนทานต่อแรงบิด, เสียงรบกวนที่น้อยกว่า, การยึดเกาะถนน, แรงต้านการหมุนต่ำ ใช้พลังน้อย วิ่งไกลขึ้น และสามารถรองรับน้ำหนักได้เป็นพิเศษ เพราะเหตุผลที่เราได้กล่าวไปในหัวข้อด้านบน ทำให้ความแตกต่างจะเน้นไปที่คุณสมบัติที่ให้ประสิทธิภาพยางได้ดีกว่า ส่วนรายละเอียดความแตกต่างในแต่ละด้านของยางรถไฟฟ้ากับยางรถยนต์ธรรมดา ติดตามอ่านได้จากหัวข้อย่อยทั้ง 5 ต่อจากนี้เลย

ยางรถ EV ทนทานต่อแรงบิดมากกว่า

ยางรถไฟฟ้าสามารถทนต่อแรงบิดได้มากกว่า เพราะมอเตอร์ของรถไฟฟ้ามีแรงบิดที่สูงกว่ารถยนต์สันดาปทั่วไป หมายความว่าถ้าแรงบิดสูง แล้วยังเลือกใช้ยางรถยนต์แบบปกติธรรมดา อาจทำให้เกิดการสึกหรอเร็วขึ้น จึงมีการออกแบบยางใหม่ขึ้นมาให้เหมาะสมรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น มีความหนาเป็นพิเศษ ออกแบบตัวยาง ดอกยางใหม่ทั้งหมด รวมถึงมีการเลือกใช้สารประกอบยางที่พิเศษขึ้นด้วย

ยางรถ EV เสียงรบกวนน้อยกว่า

ยางรถไฟฟ้ามีเสียงรบกวนที่น้อยกว่า เพราะการทำงานของมอเตอร์รถไฟฟ้าเองก็มีเสียงที่เงียบมากอยู่แล้ว ดังนั้นการออกแบบยางจึงต้องเน้นการซับเสียงให้เงียบเป็นพิเศษ มีดีไซน์ใหม่ตั้งแต่เรื่องดอกยาง, เพิ่มสารประกอบดูดซับเสียง หรือในบางรุ่นผู้ผลิตมีการนำโฟมซับเสียงใส่เพิ่มเติมเข้าไปอีก

ยางรถ EV  มีการยึดเกาะถนนได้ดี

ยางรถไฟฟ้ามีการยึดเกาะถนนได้ดี โดยอ้างอิงจากเรื่องเหตุผลแรงบิดเช่นเดิม พอแรงบิดมาก แปลว่าสามารถวิ่งด้วยความเร็วและแรงมาก ทำให้ต้องออกแบบมารองรับแรงเสียดทานที่มากขึ้น พร้อมกับการยึดเกาะถนนที่ดีกว่าเดิม ไหนจะมีเรื่องระบบ Regenerative Braking ที่จะหน่วงรถไฟฟ้าเมื่อมีการชะลอความเร็ว ยางรถไฟฟ้าเลยต้องมีคุณสมบัติที่ทำงานร่วมกับระบบนี้ได้ดีเช่นกัน

ยางรถ EV มีแรงต้านการหมุนต่ำ ใช้พลังน้อย ทำให้วิ่งได้ไกลขึ้น

ยางรถไฟฟ้ามีแรงต้านการหมุนต่ำ ส่งผลให้ใช้พลังงานน้อยลง มีระยะทางวิ่งได้ไกลขึ้น ตามจุดประสงค์การประหยัดพลังงานให้มีระยะทางวิ่งได้ดีต่อปริมาณแบตเตอรี 

ยางรถ EV รองรับน้ำหนักได้ดีเป็นพิเศษ

ยางรถไฟฟ้ารองรับน้ำหนักได้ดีเป็นพิเศษ เพราะน้ำหนักรถยนต์ไฟฟ้าที่สูงกว่ารถทั่วไป 10-20% จากการติดตั้งแบตเตอรีเข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งการตรวจเช็กน้ำหนักที่รับได้ของยางแต่ละรุ่น สามารถดูได้จากค่า Load Index หรือ ดัชนีรับน้ำหนักของยาง

สรุปภาพรวมเรื่องความแตกต่างของยางรถไฟฟ้ากับยางรถยนต์ทั่วไป ค่อนข้างมีความต่างกันมากในเรื่องการใช้งาน ไม่สามารถใช้งานร่วมกันได้ เพราะถ้าหากนำมาใช้ร่วมกัน อาจส่งผลให้ยางเสื่อมประสิทธิภาพเร็วขึ้น อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการที่ยางเสียหาย ไปจนถึงการใช้งานรถไฟฟ้าที่อาจมีประสิทธิภาพลดลงเช่นเดียวกัน 

วิธีดูแลรักษายางรถไฟฟ้า

วิธีดูแลรักษายางรถไฟฟ้าขั้นพื้นฐาน จะเหมือนกันกับการดูแลยางรถยนต์ทั่วไป แต่อาจต้องไปรับความใส่ใจเป็นพิเศษจากเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า โดยจะมีวิธีดูแลเบื้องต้นประมาณ 4 ข้อด้วยกัน

  • เช็กลมยางสม่ำเสมอ ต้องเติมลมให้อยู่ในระดับเหมาะสม ตามสเปกยางที่ระบุเอาไว้
  • เช็กสภาพยางบ่อย ๆ โดยเฉพาะใครที่ใช้งานบ่อยครั้ง ต้องดูเรื่องการสึกหรอ การเสื่อมสภาพไว้ด้วย
  • เช็กอาการระหว่างขับขี่ ว่ามีสัมผัส หรือเสียงผิดแปลกเข้ามาในห้องโดยสารให้เราได้ยินหรือไม่ หากพบอาการผิดปกติ ต้องรีบเข้ารับการตรวจเช็กโดยละเอียดทันที
  • ตั้งศูนย์ถ่วงล้อ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนยางใหม่ เพราะศูนย์ถ่วงรถไฟฟ้าแตกต่างจากรถทั่วไป อาจมีกระบวนการที่ไม่เหมือนกัน

หากเราดูแลยางรถไฟฟ้าตามที่แนะนำเป็นประจำอยู่แล้ว เราก็จะมีโอกาสได้ใช้งานยางรถที่มีประสิทธิภาพดีอย่างต่อเนื่อง และยาวนานตามอายุการใช้งานของยาง โดยเฉพาะเรื่องการเติมลมไม่ควรละเลยโดยเด็ดขาด

ยางรถ ev

ระยะเวลาที่ควรเปลี่ยนยางรถไฟฟ้า

ระยะเวลาที่ควรเปลี่ยนยางรถไฟฟ้า คือ ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคน แต่สำหรับมาตรฐานแล้วยางของรถไฟฟ้านั้นสามารถใช้งานได้นานถึง 5 ปีเลยทีเดียว เพราะมีการออกแบบมาให้มีคุณสมบัติและประสิทธิภาพที่สูงกว่ายางรถยนต์ทั่วไปอยู่แล้ว 

หากยางรถไฟฟ้าเกิดรั่วขึ้นมาต้องทำอย่างไร

กรณีที่เรารู้สึกว่ายางรถไฟฟ้ารั่วขึ้นมา ต้องเช็กก่อนเลยว่ารถไฟฟ้าของคุณมีระบบ Temp Pressure Monitoring Sensor (ระบบวัดแรงดันลมยาง) อยู่หรือไม่ หากมีไม่ควรฝืนขับต่อไป เพราะอาจทำให้เซ็นเซอรืระบบนี้เกิดความเสียหาย กลายเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหลายส่วนมากขึ้น หลังจากนั้นให้ทำการติดต่อศูนย์รถยนต์ที่ช่วยเหลือดูแลฉุกเฉินบนท้องถนน เพื่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาช่วยดูแลโดยด่วน ที่สำคัญไม่ควรนำรถไปปะยางกับอู่ที่ขาดประสบการณ์ดูแลยางรถไฟฟ้า เนื่องจากโครงสร้างยางที่ซับซ้อนกว่าปกติ แถมยังเปราะบางหลายจุด หลังซ่อมแล้วอาจจะยังไม่ปลอดภัยเท่าที่ควร 

ข้อมูลเรื่องยางรถไฟฟ้าทั้งหมดที่กล่าวไป ล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า EV ในปัจจุบันและอนาคตควรรู้ให้ครอบคลุมมากที่สุด เพื่อการดูแลที่เหมาะสม ไปจนถึงการเตรียมพร้อมรับมือแก้ปัญหาที่ถูกต้องด้วย ซึ่งถ้าใครเกิดปัญหารั่ว ถึงขั้นต้องเปลี่ยนยาง อย่างที่เรานำเสนอไปว่า ยางรถ EV ราคาสูงมากต่อเส้น กรณีที่หมดการรับประกันเราต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงหน่อย แต่หากใครยังอยู่ในประกันยางก็อาจได้รับความคุ้มครองไปตามเงื่อนไข


ส่วนใครที่อยากให้รถยนต์ไฟฟ้าของเราได้รับความคุ้มครอง ไปจนถึงยางรถไฟฟ้า เพื่อเตรียมไว้รับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน แรบบิท แคร์ สามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับประกันรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างครบถ้วน พร้อมกับนำเสนอตัวเลือกจากบริษัทประกันภัยชั้นนำกว่า 30 ราย และยังมีความพิเศษที่ช่วยคุณประหยัดได้สูงสุดถึง 70% อีกด้วย มีข้อสงสัยเพิ่มเติม หรือติดต่อซื้อประกัน โทรเข้ามาได้เลยที่เบอร์ 1438 (โทรได้ 24 ชั่วโมง) โดยผู้ที่กำลังมองหาว่า ประกันรถที่ไหนดี สามารถซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์กับ Rabbit Care ได้สะดวก รวดเร็ว ครบจบในที่เดียว!


มั่นใจทุกการเดินทางด้วยแพลตฟอร์มที่ช่วยคุณเปรียบเทียบเบี้ยประกันจากบริษัทชั้นนำทั่วประเทศ เลือกแผนประกันที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นการคุ้มครองอุบัติเหตุ การซ่อมแซม หรือความเสียหายจากภัยธรรมชาติ พร้อมบริการฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงจากทีมงานผู้เชี่ยวชาญ อีกทั้งยังมีโปรโมชั่นพิเศษ ผ่อน 0% ได้นานสูงสุดถึง 10 เดือน ให้คุณประหยัดและสะดวกสบายยิ่งขึ้น

เลือกแผนประกันที่ตอบทุกความต้องการ

  • ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ครอบคลุมทุกกรณี อาทิ อุบัติเหตุชน พลิกคว่ำ ไฟไหม้ น้ำท่วม รถหาย รวมถึงการซ่อมรถ แม้ไม่มีคู่กรณี
  • ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ คุ้มครองกรณีชนที่มีคู่กรณี รถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม และความเสียหายต่อบุคคลภายนอก
  • ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+ ให้ความคุ้มครองเฉพาะกรณีชนกับยานพาหนะ (มีคู่กรณี) และความเสียหายต่อบุคคลภายนอก
  • ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 ครอบคลุมกรณีรถหาย ไฟไหม้ และดูแลความเสียหายต่อบุคคลภายนอก
  • ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3 คุ้มครองเฉพาะความเสียหายต่อบุคคลภายนอก

ค้นหาและเลือกแผนที่เหมาะกับคุณได้ที่ Rabbit Care พร้อมรับข้อเสนอสุดคุ้มทันที! สอบถามเพิ่มเติม โทร 1438 ได้ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

บทความแคร์รถยนต์

Rabbit Care Blog Image 100991

แคร์รถยนต์

รวมเรื่อง เอกสารรถ ฉบับสมบูรณ์ รู้จริง ครบจบในที่เดียว

การเป็นเจ้าของรถยนต์สักคัน ไม่ได้มีแค่เรื่องของการเลือกซื้อรุ่นที่ใช่ หรือการดูแลรักษาให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอเท่านั้น แต่เรื่องของ “เอกสารรถยนต์”
Natthamon
08/05/2025
Rabbit Care Blog Image 100627

แคร์รถยนต์

วิธีล้างรถด้วยตัวเอง วิธีล้างรถยนต์ให้สะอาด ไร้คราบกวนใจ

รถยนต์คู่ใจ ไม่ว่าใครก็อยากให้สวยงามอยู่เสมอ แต่การดูแลรักษารถให้สะอาดนั้นไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด การล้างรถเป็นประจำช่วยขจัดคราบสกปรก ฝุ่นละออง
Natthamon
24/04/2025
Rabbit Care Blog Image 100642

แคร์รถยนต์

สู้ภัยฤดูร้อน เคล็ดลับดูแลรถหน้าร้อนที่คุณต้องรู้

ประเทศไทยขึ้นชื่อเรื่องอากาศร้อนระอุ โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนที่แผดเผา การดูแลรักษารถยนต์หน้าร้อนจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ไม่ใช่แค่เพื่อความสวยงาม
Natthamon
23/04/2025