รวมวิธีป้องกันไฟช็อต วิธีช่วยคนถูกไฟช็อตช่วงหน้าฝน ถูกไฟช็อตเคลมประกันอุบัติเหตุได้หรือไม่?
ในช่วงนี้ที่เราเข้าสู่ฤดูฝน, พายุและลมที่เกิดขึ้นได้แรงสร้างความเสียหายให้กับพื้นที่หลายๆแห่ง อย่างไรก็ตาม อันตรายอีกอย่างที่ควรให้ความสนใจคือ อันตรายที่เกิดจากไฟฟ้า รวมถึงไฟดูด ไฟรั่วและไฟช็อต ซึ่งทั้งหมดนี้มีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เกิดความเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินอย่างหนัก บทความนี้น้องแคร์ได้รวบรวมข้อมูลวิธีป้องกันการถูกไฟช็อต รวมถึงวิธีช่วยเหลือคนถูกไฟช็อตช่วงฤดูฝนมาฝาก
ไฟช็อตเกิดจากอะไร?
ไฟฟ้าช็อตและไฟฟ้าดูด เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ ในบ้านเราและคนที่ไม่ให้ความสนใจในการใช้งานอุปกรณ์ที่ใช้ไฟฟ้า หรือใช้งานอย่างไม่ถูกต้อง ก็อาจจะได้รับบาดเจ็บจากไฟฟ้าดูดได้ง่ายโดยเฉพาะช่วงหน้าฝนแบบนี้ การเกิดไฟช็อตนั้นเป็นสภาวะที่เกิดจากการไหลของกระแสไฟฟ้าที่เกินกว่าที่ระบบสามารถจัดการได้ หรือไหลผ่านเส้นทางที่ไม่ปกติ สาเหตุของการเกิดไฟฟ้าช็อตสามารถมาจากหลายปัจจัย
สิ่งหนึ่งที่ทำให้เกิดไฟฟ้าช็อตคืออุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีปัญหา ซึ่งอาจเกิดจากการทำงานที่เกินกว่าความสามารถการสึกหรอหรือการทำงานที่ผิดพลาด เช่น เมื่อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีขัดข้องถูกเสียบเข้าไปในปลั๊กไฟ กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านอุปกรณ์นั้นจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้เกิดไฟฟ้าช็อตและอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เกิดไฟฟ้าช็อตคือการที่สายไฟนำไฟฟ้ามาถึงอุปกรณ์ไฟฟ้าได้สัมผัสกับวัสดุนำไฟฟ้าอื่น ๆ หรือเปลือยเป็นเส้นทางที่กระแสไฟฟ้าสามารถผ่านไปได้ กระแสไฟฟ้าจะเลือกเส้นทางที่มีความต้านทานน้อยที่สุด ดังนั้น ถ้ามีวัสดุที่นำไฟฟ้าได้เป็นเส้นทางที่เปิดกว้าง กระแสไฟฟ้าจะผ่านไปในเส้นทางนั้น จึงทำให้เกิดไฟฟ้าช็อต
4 จุดสังเกตสัญญาณเตือนไฟช็อต ไฟรั่ว
- ค่าไฟสูงผิดปกติ หากพบว่าค่าไฟสูงผิดปกติซึ่งไม่ได้เกิดจากค่า FT ของการไฟฟ้า ให้สังเกตการหมุนมิเตอร์ว่ามีความเร็วในการหมุนสม่ำเสมอหรือไม่ หรือจะใช้วิธีการจดเลขมิเตอร์ไฟไว้ เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับช่วงที่มีการหยุดใช้ไฟฟ้า หากพบว่าเลขมิเตอร์ยังขยับขึ้นก็แสดงว่าไฟรั่วแน่นอน
- ลองเอามือแตะเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สงสัยว่าไฟรั่ว หากพบว่าแม้จะมีการติดตั้งสายดินหรือเบรกเกอร์แล้ว แต่เมื่อสัมผัสโดนรู้สึกว่าถูกไฟดูด ไฟช็อต เป็นไปได้ว่าอาจจะมีไฟฟ้ารั่วในวงจรไฟฟ้าหรือเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อความชัวร์คุณควรตรวจสอบด้วยไขควงวัดไฟฟ้า
- เครื่องตัดไฟมีการทำงานบ่อยผิดปกติ เครื่องตัดไฟรั่วเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยตัดไฟเมื่อมีการรั่ว ไฟช็อต ไฟฟ้าลัดวงจรเกิดขึ้น ถ้าหากมีการตัดไฟบ่อย ๆ แสดงว่ามีไฟรั่ว ไฟช็อต เกิดขึ้นที่จุดใดจุดหนึ่งแน่นอน
- อุณหภูมิในบ้านหรือในห้องสูงผิดปกติ หากวันดีคืนดีพบว่าอุณหภูมิในบ้านหรือในห้องสูงจนผิดปกติ ให้สันนิษฐานว่าเกิดไฟรั่วที่จุดใดจุดหนึ่งของบ้านอย่างแน่นอน เพราะการเกิดอุณหภูมิสูงผิดปกติที่เกิดจากไฟรั่ว ไฟฟ้าจะไหลลงดินไปตามคานปูนเสริมเหล็กใต้พื้นดิน จึงเป็นสาเหตุทำให้อุณหภูมิในบ้านสูงผิดปกติ
วิธีเช็กไฟช็อต ไฟรั่วด้วยตนเอง
การป้องกันการเกิดไฟฟ้ารั่ว ไฟช็อตสามารถทำได้ด้วยการรักษาอุปกรณ์ไฟฟ้าให้ดี และใช้สายไฟที่มีคุณภาพดี พร้อมกับตรวจสอบสายไฟอย่างประจำเพื่อป้องกันการเปลือย การนี้จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดไฟฟ้าช็อตและการไฟฟ้าดูดได้มาก และคุณเองก็สามารถที่จะตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านเพื่อเช็คว่ามีไฟฟ้ารั่ว ไฟช็อตตรงไหนบ้างหรือเปล่าได้ง่าย ๆ ด้วยวิธีนี้
- ปิดการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกรูปแบบ โดยไม่ต้องเอาเบรกเกอร์ลงหรือสับคัทเอาท์ จากนั้นให้สังเกตที่มิเตอร์ไฟฟ้าของบ้านว่าแผ่นจานหมุนอยู่หรือไม่ หากยังหมุนอยู่ให้ตรวจสอบว่ามีการปิดการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกจุดแล้วหรือไม่ ถ้าเช็กแล้วพบว่าปิดการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกจุดแล้ว แต่ยังมีกระแสไฟ แสดงว่ามีไฟรั่วเกิดขึ้นที่บ้านของคุณแน่ ๆ
- ไม่ควรนิ่งนอนใจแม้มิเตอร์จะหยุดหมุนแล้ว คุณควรจดหมายเลขมิเตอร์และจำตำแหน่งของแผ่นหมุนว่าหยุดอยู่ที่ตำแหน่งใด จากนั้นรอจนครบ 1 ชั่วโมง แล้วให้กลับมาตรวจสอบดูอีกครั้ง หากแผ่นหมุนยังอยู่ที่ตำแหน่งเดิมแสดงว่าภายในบ้านของคุณมีกระแสไฟรั่ว
- ในกรณีที่มีกระแสไฟฟ้ารั่ว แต่ไม่แน่ใจว่ามาจากอุปกรณ์ไฟฟ้าใด ให้คุณใช้ไขควงวัดไฟแตะไปที่อุปกรณ์ไฟฟ้าแต่ละจุดดู หากในจุดใดที่มีแสงปรากฏขึ้นที่ไขควงวัดไฟ ก็แสดงว่ามีไฟฟ้ารั่วเกิดขึ้น ให้หยุดการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้านั้น ๆ ทันที และนำอุปกรณ์ไฟฟ้าไปซ่อมหรือทิ้ง
วิธีป้องกันความเสี่ยงการถูกไฟช็อต ไฟดูด ในช่วงหน้าฝน
- ฝนตกฟ้าคะนอง ควรงดใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด : การใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าในสภาพฝนตกหรือความชื้นสูงมากอาจเป็นสิ่งที่เสี่ยงต่อความปลอดภัย น้ำและความชื้นสูงสามารถส่งผลให้เกิดไฟฟ้ารั่ว ซึ่งสามารถนำไปสู่การเกิดสถานการณ์ไฟช็อตหรือความเสียหายของอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดที่คุณใช้งานอยู่ นอกจากนี้ การใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่ปลอดภัยในสภาพอากาศที่มีความชื้นสูงหรือช่วงฝนตก สามารถเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุจากไฟฟ้าได้ ทั้งไฟดูด ไฟช็อต ไฟลัดวงจร ที่จะสร้างความเสียหายให้กับชีวิตและทรัพย์สินของคุณได้
- ตรวจสอบเครื่องใช้ไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานเสมอ : เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการถูกไฟช็อตหรือไฟดูด การตรวจสอบและรักษาอุปกรณ์ไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุดตลอดเวลาเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก คุณควรตรวจสอบสายไฟฟ้าของอุปกรณ์เพื่อให้แน่ใจว่ามันไม่ชำรุดเสียหาย หากชำรุดเสียหายจะมีโอกาสนำไปสู่การรั่วของกระแสไฟฟ้า หากพบว่าสายไฟฟ้ามีการชำรุดเสียหายคุณควรซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่โดยทันที นอกจากนี้คุณยังควรหมั่นทำความสะอาดอุปกรณ์ไฟฟ้าเป็นงประจำเพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่นและสิ่งสกปรกที่อาจทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าทำงานอย่างไม่มีประสิทธิภาพ การดูแลและรักษาอุปกรณ์ไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพที่ดี จะช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกไฟช็อตหรือไฟฟ้าดูดได้
- ถอดปลั๊กทุกครั้งหลังเลิกใช้งาน : การถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกครั้งหลังเลิกใช้งานเป็นวิธีการที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากการถูกไฟช็อต ไฟดูด อีกหนึ่งวิธี เพราะการที่อุปกรณ์ไฟฟ้ายังเสียบปลั๊กอยู่แม้ไม่ได้ใช้งานจะเป็นการต่อเข้าสู่แหล่งจ่ายไฟฟ้าอยู่เสมอ ซึ่งสามารถนำไปสู่การเกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจรได้ เมื่อมีการสัมผัสอาจถูกไฟช็อตได้ การถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าจึงเป็นการตัดกระแสไฟฟ้าที่จะไหลผ่านอุปกรณ์นั้นอีกต่อไป ไม่ให้มีกระแสไฟฟ้าไหล ทำให้ลดความเสี่ยงจากการถูกไฟช็อตและยังช่วยประหยัดพลังงาน ยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ไฟฟ้าด้วย
- ไม่ควรใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าขณะมือเปียกหรือตัวเปียก : การใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าขณะที่มือเปียกน้ำหรือตัวเปียกฝนเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะน้ำเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดีที่สามารถทำให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านมนุษย์ได้ หากมือหรือตัวของคุณเปียกอยู่และคุณไปใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้า โดยการเสียบปลั๊กไฟก็อาจจะทำให้เกิดไฟช็อตได้ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่อันตรายและสามารถทำให้คุณได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงหรือถึงขั้นเสียชีวิตได้ นอกจากนี้น้ำที่เข้าไปในอุปกรณ์ไฟฟ้าก็ยังสามารถทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้านั้นเสียหายได้ ดังนั้นในทุกครั้งที่มือหรือตัวคุณเปียกน้ำ ควรเช็ดแห้งหรือเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนที่จะสัมผัสหรือใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าใด ๆ เพื่อรักษาความปลอดภัยของคุณและปกป้องอุปกรณ์ของคุณไม่ให้เสียหาย
- ติดตั้งอุปกรณ์กันไฟช็อต-ไฟดูด เช่น สายดิน เบรกเกอร์ : การติดตั้งอุปกรณ์กันไฟช็อต อย่างเช่น การติดตั้งสายดินและเบรกเกอร์ จะสามารถช่วยป้องกันความเสี่ยงจากการถูกไฟช็อตและไฟฟ้าดูดได้อย่างมาก เพราะสายดินเป็นส่วนสำคัญที่ใช้ในระบบไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัย ทำหน้าที่เป็นเส้นทางสำรองสำหรับกระแสไฟฟ้าในกรณีที่มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในระบบ เช่น กระแสไฟฟ้าสูงเกินไป สายดินจะทำให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านทางสายดินแทนที่จะไหลผ่านร่างกายคน หรือเบรกเกอร์ตัดไฟก็เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่จะช่วยตัดกระแสไฟฟ้าออกเมื่อมีกระแสไฟฟ้าเกินปริมาณที่กำหนด จึงช่วยป้องกันการถูกไฟช็อตโดยการตัดกระแสไฟฟ้าทันทีเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ทำให้คุณใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าได้อย่างปลอดภัย
อาการของคนที่ถูกไฟช็อต ไฟดูด
- มีอาการสับสนมึนงงหลังจากถูกไฟช็อต ไฟดูด
- มีอาการชาหรืออัมพาต
- หายใจลำบาก หายใจไม่ออก
- บางรายอาจมีอาการชักกระตุก
- หากมีการถูกไฟช็อตรุนแรงจะมีบาดแผลหรือรอยไหม้ที่ผิวหนัง
- มีอาการปวดแสบปวดร้อนบริเวรที่ถูกไฟช็อต
- อาจรุนแรงถึงขั้นหมดสติหรือเสียชีวิต
วิธีช่วยเหลือคนถูกไฟช็อต ไฟดูด
- ผู้เข้าไปช่วยเหลือควรตั้งสติและช่วยเหลืออย่างมั่นใจ
- ตัดแหล่งไฟฟ้าออกจากสถานที่เกิดเหตุ (กรณีเป็นสายไฟแรงสูง ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อความปลอดภัย)
- ต้องสวมถุงมือยาง หรืออุปกรณ์ที่ไม่เป็นตัวนำไฟฟ้า ก่อนสัมผัสตัวผู้ประสบเหตุ
- กรณีผู้ประสบเหตุมีภาวะหัวใจหยุดเต้น ไม่หายใจ ต้องรีบช่วยเหลือฟื้นคืนชีพ CPR และแจ้งช่วยเหลือแพทย์ฉุกเฉิน 1669
- เคลื่อนย้ายผู้ถูกไฟฟ้าช็อต-ไฟฟ้าดูดอย่างถูกวิธีไปในพื้นที่ปลอดภัย
บาดเจ็บจากการถูกไฟช็อต ประกันอุบัติเหตุให้ความคุ้มครองคุณได้
บาดเจ็บจากการถูกไฟฟ้าช็อตนั้นเป็นสิ่งที่สามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพและชีวิตของคุณอย่างรุนแรง และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมความคุ้มครองทางประกันอุบัติเหตุนั้นมีความสำคัญ ประกันอุบัติเหตุทั่วไปจะคุ้มครองคุณจากความเสียหายที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุและเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่สามารถเกิดขึ้นกับคุณในชีวิตประจำวัน และเช่นเดียวกับการถูกไฟฟ้าช็อต หากคุณมีประกันอุบัติเหตุจะให้ความคุ้มครองคุณเมื่อการถูกไฟช็อต ไฟดูด ทำให้คุณเกิดรอยไหม้หรือมีบาดแผลบริเวณที่ถูกไฟช็อต คุณจะสามารถรับความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลหรือค่าสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นในระหว่างการรักษาตัว
หากคุณมีประกันสุขภาพร่วมด้วยคุณสามารถใช้สิทธิ์ความคุ้มครองจากประกันสุขภาพที่คุณมีร่วมด้วยได้โดยเฉพาะในกรณีที่เหตุฉุกเฉินวิกฤติต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน ประกันสุขภาพจะช่วยคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ค่าห้อง ค่ายาและอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากความคุ้มครองประกันอุบัติเหตุเพิ่มเติมให้กับคุณได้ ทำให้คุณไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ลดความเสี่ยงทางการเงินได้เป็นอย่างดี หากคุณสนใจประกันอุบัติเหตุหรือประกันสุขภาพจากแรบบิท แคร์ คุณสามารถติดต่อเราผ่านช่องทาง ดังนี้ เพื่อสมัครทำประกัน
- Call Center ที่เบอร์ 1438 จะมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านประกันคอยให้ความช่วยเหลือคุณ
- ช่องทาง Line Official Account : @rabbitcare
- หน้าเว็บไซต์แรบบิท แคร์
ทีมกองบรรณาธิการ กลุ่มนักเขียนผู้มีประสบการณ์ด้านรถยนต์ การเงิน และประกันภัย ของ แรบบิท แคร์ ที่เปิดดำเนินการมาแล้วมากกว่า 10 ปี