ตรวจสอบสถานะกรมธรรม์ บ้านน็อคดาวน์คืออะไร? ก่อนซื้อต้องรู้อะไรบ้าง?
บ้านน็อคดาวน์เป็นบ้านรูปแบบใหม่ที่ได้รับความใจอย่างมากในประเทศไทยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นนวัตกรรมการก่อสร้างบ้านที่เร็วกว่าและประหยัดกว่าบ้านแบบทั่วไป แต่ถึงแม้ว่าบ้านประเภทนี้จะมีข้อดีมากมาย ก็มาพร้อมกับข้อจำกัดต่าง ๆ ที่ผู้ที่สนใจควรศึกษาก่อนตัดสินใจซื้อเช่นกัน
แรบบิท แคร์ จึงขอแนะนำสิ่งที่ต้องรู้ก่อนซื้อบ้านน็อคดาวน์ ทั้งวัสดุในการสร้าง การเตรียมพื้นที่ การดูแลรักษา ไปจนถึงงบประมาณในการสร้างเพื่อให้ทุกคนสามารถประเมินได้ว่าบ้านประเภทนี้เหมาะกับตนเองหรือไม่
บ้านน็อคดาวน์คืออะไร
บ้านน็อคดาวน์คือบ้านสำเร็จรูปที่ไม่มีเสาเอกหรือคานและใช้ผนังเป็นตัวยึดโครงสร้างและรับน้ำหนัก โดยนำชิ้นส่วนมาประกอบกันให้เป็นตัวบ้าน ทำให้สามารถถอดชิ้นส่วนต่าง ๆ ออกเพื่อเคลื่อนย้ายได้ไปติดตั้งที่อื่นได้อย่างรวดเร็ว
บ้านน็อคดาวน์แตกต่างจากบ้านก่ออิฐทั่วไปตรงที่ไม่มีคานหรือเสารับน้ำหนัก ทำให้สามารถรับน้ำหนักได้น้อยกว่าบ้านทั่วไป และวัสดุที่ใช้ก็อาจมีความคงทนน้อยกว่า แต่มีข้อดีตรงที่ประกอบง่าย ไม่มีเศษขยะหรือฝุ่นละอองมากเท่ากับการสร้างบ้านจากอิฐและปูนแบบทั่วไป
ข้อควรรู้ก่อนซื้อบ้านน็อคดาวน์
วัสดุ
โดยปกติแล้ววัสดุที่ใช้ในการสร้างบ้านน็อคดาวน์จะใช้เหล็กเป็นโครงสร้างหลัก ส่วนผนังจะใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบา ทนความร้อน และแข็งแรง เช่น แผ่นไม้ แผ่นสมาร์ทบอร์ด แผ่นซีเมนต์บอร์ด และวัสดุผนังเบาอื่น ๆ การปูพื้นบ้านสามารถใช้พื้นลามิเนตหรือพื้นกระเบื้องได้เหมือนกับพื้นบ้านทั่วไป หลังคาบ้านจะใช้หลังคาเมทัลชีทหรือกระเบื้องที่มีน้ำหนักเบา ทั้งนี้เพื่อให้สะดวกต่อการเคลื่อนย้ายและการประกอบบ้านมากที่สุด
การใช้วัสดุคุณภาพดีและได้มาตรฐานจะช่วยยืดอายุบ้านน็อคดาวน์ได้หลายปี ดังนั้นถ้าหากตัดสินใจซื้อบ้านประเภทนี้แล้ว ควรเปรียบเทียบรายละเอียดยี่ห้อวัสดุแต่ละส่วนตามที่ชี้แจงมาในใบเสนอราคา เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะได้วัสดุที่มีคุณภาพคุ้มค่ากับการราคาที่จ่าย
การเตรียมพื้นที่
ก่อนจะเริ่มทำการปลูกสร้างบ้านน็อคดาวน์ จะต้องมีการเตรียมทำฐานรากก่อนเสมอเพราะเป็นส่วนสำคัญต่อความแข็งแรงของบ้านอย่างมาก โดยจะเริ่มจากการถมดินและปรับหน้าดินให้เรียบ ดินที่ใช้จะแนะนำเป็นดินลูกรังและดินเหนียว ส่วนดินทรายจะต้องบดอัดให้ดีเพราะดินอาจทรุดตัวได้ หลังจากถมดินเรียบร้อยแล้วจึงเทปูนฐานรากให้มีฐานมั่นคงก่อนประกอบจริง
หลังจากประกอบผนังให้เป็นรูปร่างตามที่ออกแบบไว้แล้ว ก็จะทำการวางระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ เช่น น้ำประปาและไฟฟ้า โดยควรตกลงกันให้ชัดเจนก่อนว่าจะวางระบบอย่างไร เพื่อให้ช่างประกอบผนังได้ถูกต้องก่อนการติดตั้งระบบ
เวลาในการสร้าง
จุดเด่นอย่างหนึ่งของบ้านน็อคดาวน์คือความรวดเร็วในการก่อสร้าง เนื่องจากไม่มีการก่ออิฐฉาบปูนเหมือนบ้านทั่วไปและเน้นการใช้วัสดุสำเร็จเป็นหลัก ซึ่งส่วนใหญ่การสร้างบ้านน็อคดาวน์จะใช้เวลาประมาณ 14-30 วันขึ้นอยู่กับแบบบ้าน แล้วหลังจากนนั้นก็สามารถเข้าอยู่ได้ทันที ซึ่งถือว่าใช้เวลาเร็วกว่าการสร้างบ้านแบบทั่วไปที่ใช้เวลาหลายเดือนอย่างมาก
การดูแลรักษา
เนื่องจากบ้านน็อคดาวน์จะใช้วัสดุน้ำหนักเบาซึ่งมีความทนทานน้อยกว่าบ้านแบบทั่วไป ทำให้ผู้ที่ตัดสินใจซื้อบ้านประเภทนี้ต้องหมั่นดูแลรักษาบ้านให้อยู่ในสภาพดีเสมอ โดยสิ่งที่ต้องระวังเป็นหลักคือเรื่องฝนและความชื้นเพราะอาจเกิดการรั่วซึมได้ง่าย รวมถึงต้องระวังไม่ให้มีสัตว์ไม่พึงประสงค์ เช่น งู หนู หรือแมลงสาบเข้ามาอยู่อาศัย และอาจต้องทาสีใหม่ทุก 5 ปีเพื่อให้บ้านดูสวยงามอยู่เสมอ
นอกจากนี้ ผู้ที่ตัดสินใจซื้อบ้านน็อคดาวน์ยังต้องระมัดระวังไม่ให้บ้านรับน้ำหนักมากเกินไป เช่น ไม่ควรใช้เฟอร์นิเจอ์ที่มีน้ำหนักมาก เพราะอาจทำให้บ้านทรุดตัว
การต่อเติม
สำหรับการต่อเติมบ้านน็อคดาวน์จะสามารถทำได้ยากเนื่องจากมีโครงสร้างค่อนข้างตายตัวและโครงสร้างทั้งหมดจะรองรับน้ำหนักกันอยู่ หากต่อเติมสร้างน้ำหนักส่วนเกินให้บ้านก็อาจทำให้ผนังที่รับน้ำหนักอยู่เกิดความเสียหายได้ และในกรณีร้ายแรงที่สุดอาจทำให้ตัวบ้านถล่ม นอกจากนี้ การต่อเติมตัวบ้านอาจส่งผลต่อการรับประกันตัวบ้านตามเงื่อนไขของแต่ละบริษัทอีกด้วย
การใช้งาน
นอกเหนือจากการใช้เป็นบ้านพักอาศัยแล้ว บ้านน็อคดาวน์ยังรองรับใช้งานในรูปแบบอื่น ๆ เช่น ร้านค้า ร้านกาแฟ โฮมออฟฟิศ รีสอร์ต ไปจนถึงบ้านพักพนักงาน เนื่องจากบ้านประเภทนี้มีต้นทุนการสร้างที่ต่ำกว่าบ้านทั่วไป รวมถึงคุมงบได้ง่ายเพราะมีการออกแบบมาแบบสำเร็จรูปแล้ว และใช้เวลาในการประกอบค่อนข้างเร็วมาก จึงเหมาะสำหรับเจ้าของธุรกิจที่ต้องการขยายธุรกิจอย่างรวดเร็ว หรือผู้ที่ต้องการสร้างรีสอร์ตหรือบ้านพักระยะสั้นหลาย ๆ ห้องพร้อมกัน
ดีไซน์
เนื่องจากบ้านน็อคดาวน์กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ทำให้หลายบริษัทได้ออกรูปแบบบ้านใหม่ ๆ ที่มีดีไซน์หลากหลายเพื่อให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันไป โดยแบบบ้านที่ได้รับความนิยมอย่างมากที่สุดก็จะเป็นบ้านน็อคดาวน์โมเดิร์นและบ้านน็อคดาวน์เรือนไทย นอกจากนี้ ยังมีแปลนบ้านที่หลากหลายตามความต้องการที่แตกต่างกันด้วย ทั้งแบบชั้นเดียว 2 ชั้น 1 ห้องนอน หรือ 2 ห้องนอน ทำให้ผู้ที่สนใจมีตัวเลือกมากกว่าแต่ก่อน
น้องแคร์ก็มีแบบบ้านน็อคดาวน์สวย ๆ มาฝากทุกคนเพื่อเป็นไอเดียในการสร้างบ้านเพิ่มเติมด้วย
ราคา
สำหรับงบประมาณในการสร้างบ้านน็อคดาวน์จะมีตั้งแต่หลักหมื่น หลักแสน ไปจนถึงหลักล้านต้น ๆ โดยปัจจัยที่จะส่งผลต่อราคามากที่สุดคือขนาดพื้นที่ใช้สอย รูปแบบบ้าน และวัสดุที่ใช้
สำหรับใครที่มองหาบ้านน็อคดาวน์ราคาถูกหลักหมื่น เช่น งบ 20,000 งบ 30,000 งบ 50,000 พื้นที่ใช้สอยของบ้านในงบระดับนี้จะอยู่ที่ประมาณ 2 x 3 เมตร และส่วนใหญ่จะเป็นรูปแบบห้องเดี่ยว ไม่มีการกั้นห้องน้ำหรือห้องครัว ส่วนวัสดุที่ใช้ก็จะมีคุณภาพต่ำกว่าและอาจเสื่อมสภาพได้เร็ว รวมถึงรับน้ำหนักได้น้อยมาก ดังนั้น บ้านในงบประมาณหลักหมื่นอาจไม่เหมาะกับการทำเป็นบ้านพักอาศัย แต่เหมาะกับการนำมาใช้เป็นห้องพักชั่วคราวในสวนหลังบ้าน ทำร้านกาแฟหรือร้านขายของเล็ก ๆ มากกว่า
ส่วนบ้านน็อคดาวน์ในราคาหลักแสน เช่น งบ 100,000 งบ 200,000 งบ 500,000 ก็จะได้พื้นที่ใช้สอยมากขึ้น และยังมีรูปแบบบ้านให้เลือกหลากหลายขึ้นด้วย ส่วนวัสดุที่ใช้ก็จะมีคุณภาพดีขึ้นเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรายละเอียดวัสดุตามที่บริษัทระบุ บ้านในงบประมาณหลักแสนมักจะการกั้นห้องน้ำมาให้ จึงเหมาะกับการใช้เป็นห้องพักในรีสอร์ตหรือห้องนอนเสริมที่แยกจากตัวบ้านหลัก
สำหรับบ้านน็อคดาวน์ในงบประมาณหลักล้านเริ่มตั้งแต่ 1,000,0000 ถึง 1,500,000 บาทขึ้นไปจะมีพื้นที่ใช้สอยมากพอ ๆ กับบ้านเดี่ยวขนาดเล็ก รวมถึงแปลนบ้านอาจมีห้องนอน 2 ห้องหรือมีห้องครัวขนาดใหญ่ที่ใช้ทำอาหารจริงจังได้ บ้านในงบหลักล้านเหมาะสำหรับการสร้างเป็นที่อยู่อาศัยหลักสำหรับคนที่มีที่ดินเป็นของตนเองอยู่แล้วและต้องการบ้านที่สร้างเสร็จเร็วกว่าบ้านแบบทั่วไป
แต่ไม่ว่าจะต้องการซื้อบ้านน็อคดาวน์ในงบประมาณเท่าไหร่ สิ่งที่สำคัญก่อนตัดสินใจซื้อคือต้องศึกษาอย่างละเอียดว่าราคาดังกล่าวรวมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เช่น ค่าติดตั้ง ค่าขนย้าย หรือบริการอื่น ๆ เช่น บริการเทพื้นปูนฐานราก บริการติดตั้งระบบสาธารณูปโภค เพราะค่าใช้จ่ายแฝงเหล่านี้อาจทำให้งบบานปลายได้หากไม่ระวัง
สำหรับใครที่สนใจซื้อบ้านน็อคดาวน์เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยหรือต่อยอดธุรกิจ แต่ติดปัญหาเรื่องงบประมาณ สินเชื่อส่วนบุคคลก็อาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เนื่องจากไม่ต้องระบุวัตถุประสงค์ในการใช้เงิน ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน และมีดอกเบี้ยต่ำกว่าเงินกู้นอกระบบ ช่วยให้คุณมีบ้านหรือธุรกิจในฝันได้อย่างที่คุณต้องการ
ทีมกองบรรณาธิการ กลุ่มนักเขียนผู้มีประสบการณ์ด้านรถยนต์ การเงิน และประกันภัย ของ แรบบิท แคร์ ที่เปิดดำเนินการมาแล้วมากกว่า 10 ปี
