การทำกัวซา ช่วยแก้อาการเจ็บป่วยได้จริงหรือไม่?
แม้ว่าแพทย์แผนปัจจุบันจะช่วยรักษาอาการของผู้ป่วยได้หลายประการ และหลายคนมักจะเข้าพบแพทย์ตามโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วย แต่ก็มีผู้ป่วยบางกลุ่มที่ยังคงใช้การรักษาฉบับแพทย์แผนทางเลือกซึ่งการรักษาแบบ “กัวซา” เองก็นับเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ได้รับความนิยม เพราะมีความเชื่อว่าจะช่วยรักษาอาการปวดเมื่อยต่าง ๆ ได้ ซึ่งให้ผลดีไม่แพ้แพทย์แผนปัจจุบันเลยทีเดียว ซึ่งในวันนี้แรบบิท แคร์ จะมาอธิบายให้ทุกท่านได้ทราบว่ากัวซานั้นคืออะไร รักษาโรคอะไรได้บ้าง และสามารถรักษาได้จริงตามที่เขาลือกันหรือไม่?
กัวซาคืออะไร?
กัวซานับเป็นการรักษาจากศาสตร์แพทย์จีนโบราณ ซึ่งในภาษาจีน คำว่ากัวแปลว่ากด และคำว่าซาแปลว่ารอยแดงบนผิวหนัง ดังนั้นกัวซาจึงเป็นการใช้วัตถุที่มีลักษณะขอบมนอย่างเช่น หยก ไม้ หิน กระดูกสัตว์ โลหะ วัสดุที่มีธาตุเย็น มาประยุกต์ทำเป็นแผนขนาดพอเหมาะมือ เพื่อนำมากดและรูดตามผิวหนังเพื่อให้เลือดลมของผู้ป่วยไหลเวียนได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งตามศาสตร์วิชาหมอจีนนั้นเชื่อว่าการไหลเวียนของเลือดและลมปราณหากติดขัดขึ้นมาย่อมเกิดพิษในร่างกายทำให้เจ็บป่วยได้ ซึ่งการกัวซาจะช่วยขจัดพิษเหล่านี้ออกจากร่างกาย
กัวซามีวิธีหรือขั้นตอนรักษาอย่างไร?
กัวซานั้นจะใช้วิธีนำวัสดุธาตุเย็นที่มีขอบมน เช่น หิน หยก โลหะ (ตามสูตรของหมอผู้ทำการรักษา) ขนาดพอเหมาะจับถนัดมือ มากดลงที่ร่างกายบริเวณที่เจ็บปวด เช่น บริเวณ แผ่นหลัง คอ สะโพก แขน ขา ใบหน้า เป็นต้น จากนั้นแพทย์จะทำการขูดขึ้น-ลงไปมา ประมาณ 30 – 50 ครั้ง โดยอาจใช้น้ำมัน ยาหม่อง อโรม่า มาทาผิวก่อนเพื่อให้การขูดได้ง่ายขึ้น เมื่อขูดไปเรื่อย ๆ จะปรากฏรอยจุดสีแดง หรือเป็นผื่นแดงบริเวณนั้น อันเป็นหลักฐานว่าใต้ผิวหนัง ณ จุดดังกล่าวมีพิษแฝงตัวอยู่ ยิ่งมีรอยมาก็แสดงว่ามีพิษสะสมตัวอยู่มากขึ้น เมื่อขูดจนได้ที่แล้วก็ย้ายตำแหน่งไปขูดจุดอื่นที่มีอาการปวดต่อไป การรักษาแบบนี้จะเป็นการทำให้เลือดไหลเวียนและช่วยเดินลมปราณ ช่วยขับเหงื่อ กระตุ้นกล้ามเนื้อ คลายเส้นเอ็น ปรับสมดุลของระบบอวัยวะภายใน รวมไปถึงการขับของเสียออกจากร่างกาย นอกจากนั้น การทำกัวซาหลังคลอดยังส่งผลดีต่อคุณแม่และลูกน้อยอีกด้วย
ทั้งนี้ตามข้อมูลการแพทย์ระบุว่าหากจุดไหนที่ไม่เจ็บปวดเมื่อขูดรักษาไม่ว่าจะกี่ครั้งก็จะไม่พบรอยแดง แต่ถ้าบริเวณไหนที่เป็นจุดปวดก็จะปรากฏรอย ซึ่งแสดงออกว่าผิวหนังบริเวณนั้นมีพิษไหลเวียนอยู่ แต่หากมองในเชิงการแพทย์แผนปัจจุบันแล้ว อาจเป็นเพราะการขูดจะกระตุ้นให้เลือดใต้ผิวหนังมาหล่อเลี้ยงจุดดังกล่าวมากขึ้น และเมื่อเลือดไหลเวียนเป็นปกติแล้วอาการรอยแดงจะหายไปเองภายใน 1 สัปดาห์ ซึ่งจะหายช้าหรือเร็วจะขึ้นกับสีของรอยหลังการขูดด้วย ยิ่งสีเข้มยิ่งใช้เวลาหายนาน ทั้งนี้ผู้รับการรักษาสามารถรับประทานยาพาราเซตามอลเพื่อลดอาการบวกช้ำได้
ทั้งนี้การปรากฏรอยสีที่บริเวณผิวหนังจากการรักษาด้วยกัวซา สามารถบอกลักษณะการเจ็บป่วยได้ดังนี้
- หากไม่มีรอยใด ๆ ปรากฏหลังการขูด บ่งบอกได้ว่ามีสุขภาพดี
- ปรากฏรอยแดงเป็นปื้น บ่งบอกได้ว่าผู้ป่วยเริ่มมีสารพิษปะปนในร่างกายเล็กน้อย
- ปรากฏรอยแดงเป็นจุด บ่งบอกได้ว่าผู้ป่วยเริ่มมีสารพิษปะปนในร่างกายปานกลาง
- ปรากฏรอยช้ำสีแดงเข้ม บ่งบอกได้ว่าผู้ป่วยเริ่มมีสารพิษปะปนในร่างกายมาก
- ปรากฏรอยช้ำสีม่วงหรือสีดำ บ่งบอกได้ว่าผู้ป่วยเริ่มมีสารพิษปะปนในระดับอันตรายซึ่งอาจเป็นสาเหตุของโรคร้าย
กัวซามีประโยชน์อย่างไร?
ตามศาสตร์วิชาแพทย์แผงทางเลือก ระบุว่ากัวซาเป็นเทคนิคการรักษาที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ดังนี้
1. ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและลมหายใจในร่างกาย ซึ่งสามารถช่วยปรับสมดุลของระบบภูมิคุ้มกันและระบบภายในร่างกายได้
2. ช่วยลดการกักตัวของสารพิษในร่างกาย เนื่องจากการใช้กัวซาช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและลมหายใจในร่างกาย ทำให้สารพิษที่กักตัวอยู่ในร่างกายมีโอกาสถูกขับออกไปได้มากขึ้น
3. ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดตามร่างกาย เช่น ปวดคอ ปวดบ่า ปวดไหล่ เป็นต้น เพราะการขูดผิวหนังจะช่วยคลายเส้นกล้ามเนื้อสามารถบรรเทาอาการเจ็บปวดเฉพาะจุดได้ โดยเฉพาะอาการเจ็บปวดที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อและข้อต่อ
4. ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย บรรเทาอาการเครียด ลดปัญหาการนอนไม่หลับ
5. ช่วยเสริมความงามบนใบหน้า เนื่องจากทุกวันนี้คลินิกรักษาผิวหน้าจะนำเทคนิคการรักษาแบบกัวซาเข้ามาประกอบ ซึ่งจะทำให้เลือดไหลเวียนที่ผิวหน้าได้ดี ช่วยลดการเหี่ยวย่นริ้วรอยของใบหน้า ทำให้ใบหน้าตึง ลดการเกิดสิว
6. ช่วยในเรื่องสุขภาพของหญิงก่อนช่วงมีประจำเดือน ซึ่งจะช่วยลดอาการซึมเศร้า นอนไม่หลับ อารมณ์แปรปรวน
กัวซานับเป็นเทคนิคการรักษาที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจ โดยไม่มีผลข้างเคียงทางการแพทย์และสามารถใช้ร่วมกับการรักษาอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น การรักษาอาการปวดหลัง อาการเจ็บปวดข้อ การกำจัดเซลล์ผิวหนังตกค้าง หรือการรักษาอาการซึมเศร้าและความเครียดอื่นๆ
ข้อควรรู้และผลข้างเคียงของการทำกัวซา
การทำกัวซาอาจเกิดรอยช้ำตามร่างกาย บางครั้งอาจมีเลือดออก รู้สึกไม่สบายตัว และผู้ป่วยอาจรู้สึกเจ็บปวดขณะรักษารวมถึงอาการปวดตามจุดหลังการรักษา หากมีอาการปวดยังไม่ทุเลาหลังผ่านไป 2- 3 วัน หรือมีอาการไข้ขึ้นควรรีบพบแพทย์ทันที สิ่งที่ต้องพึงระวังคือห้ามทำกัวซาบริเวณอวัยวะที่บอบบาง เช่น รอบดวงตา สะดือ อวัยวะเพศ รวมถึงห้ามทำบริเวณรอยแผล ฝี สิว หนอง ต่าง ๆ ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับเลือด (เกล็ดเลือดต่ำ การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ หรือทานยาละลายลิ่มเลือด) ไม่ควรรักษาด้วยวิธีนี้อย่างยิ่ง ทั้งนี้ผู้ทำกัวซาต้องเข้ารับการรักษากับสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน เพื่อที่จะได้รับการรักษาที่ถูกต้องและถูกสุขอนามัย
การทำกัวซาสามารถรักษาอาการได้จริงหรือไม่?
การทำกัวซาเป็นการรักษาฉบับแพทย์แผนทางเลือกที่สืบทอดกันมายาวนาน มีความเชื่อว่ามีคุณประโยชน์มากมาย แต่กระนั้นก็ยังไม่ได้มีการยืนยันอย่าง 100 เปอร์เซ็นต์ในทางวิทยาศาสตร์ว่าสามารถรักษาอาการต่าง ๆ ได้จริง แต่ข้อดีของการรักษาด้วยกัวซานั้นคือไม่มีผลข้างเคียงอันตราย ผู้ป่วยสามารถเลือกทำกัวซาไปพร้อมกับการรักษาอาการตามแพทย์แผนปัจจุบันได้ ทั้งนี้ผู้รักษาควรรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง และผู้มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำเสมอ หากพบว่าระหว่างการรักษามีผิวหนังฟกช้ำอย่างรุนแรงควรพิจารณาเลิกรักษาทันที
สรุปแล้วการทำกัวซานั้นเป็นแนวทางของการรักษาจากแพทย์แผนทางเลือก ผู้ที่ต้องการทำควรศึกษาข้อมูลให้ดี และหากไม่ได้ผลก็ควรเปลี่ยนมารักษาแบบแพทย์แผนปัจจุบัน แม้ว่าการรักษาตามแบบฉบับแพทย์แผนปัจจุบันจะมีค่ารักษาแพงในปัจจุบัน แต่คุณสามารถหาตัวช่วยค่ารักษาได้ด้วยการทำประกันสุขภาพ ไม่ว่าจะเจ็บป่วยแบบไหน ก็สามารถเบิกได้ เลือกประกันสุขภาพที่เหมาะกับคุณ ได้เบี้ยถูก รับความคุ้มครองอย่างคุ้มค่า เลือกเปรียบเทียบสุขภาพกับเรา แรบบิท แคร์
มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี เป็นนักเขียนด้านประกันสุขภาพ ประกันชีวิต เพื่อสุขภาพที่ Rabbit Care และ Asia Direct
และ 12 ปี ในอุตสาหกรรม OTA อย่าง Laterooms.com , Expedia.com จึงมีความเชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยว
จบการศึกษาปริญญาตรี สาขาการจัดการการเงิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น