ใช้บัตรเครดิตอย่างชาญฉลาด เพื่อให้อยู่รอดในยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง
การสมัครบัตรเครดิตสักใบเอาไว้ก็เป็นอีกทางเลือกทางการเงินอีกทางเลือกหนึ่ง ที่จะสามารถช่วยให้การซื้อสินค้าต่าง ๆ สามารถทำได้ง่ายขึ้น แม้ไม่มีเงินสดมากเพียงพอที่จะซื้อ ก็สามารถใช้บัตรเครดิตผ่อน 0% ในการซื้อสินค้าแบบผ่อนชำระได้ เป็นอีก 1 ความสะดวกที่จะได้รับจากการใช้บัตรเครดิต และยังเก็บคะแนนสะสมไว้แลกรับสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ได้อีกด้วย
แต่อย่างที่ใครหลายคนได้เตือนไว้ว่า การใช้บัตรเครดิตก็เป็นเหมือนดาบสองคม เพราะมันคือการเอาเงินจากอนาคตมาใช้ นั่นหมายความว่าคุณใช้เงินจากบัตรไปเท่าใด ในอนาคตก็ต้องจ่ายคืนไปด้วยเช่นกัน จะเห็นได้ว่ามีคนในรุ่นราวคราวเดียวกันที่เป็นหนี้บัตรเครดิตก้อนโตกันมากมาย แล้วจะเอาตัวรอดได้อย่างไรท่ามกลางวิกฤตแบบนี้ บทความนี้จะบอกคุณเอง
บริหารวงเงินในบัตรเครดิตอย่างชาญฉลาด อยู่รอดได้แม้เจอปัญหาเศรษฐกิจ
ในยุคที่เงินหายากแต่จ่ายง่ายแบบนี้ ต้องระมัดระวังการใช้เงินกันสุด ๆ รวมถึงการใช้บัตรเครดิตด้วย สำหรับคนที่มีบัตรเครดิตอยู่ในมือ แต่ก็ยังรู้สึกหวั่นใจกับปัญหาหนี้บัตรเครดิตที่อาจเกิดขึ้นได้แบบไม่ทันตั้งตัว เราเข้าใจปัญหานี้ดี จึงได้นำเอาคำแนะนำดี ๆ ที่จะช่วยให้คุณสามารถบริหารวงเงินบัตรเครดิตอย่างคล่องตัว ให้คุณเป็นอีกคนที่ใช้บัตรเครดิตอย่างชาญฉลาดและรอดพ้นจากปัญหาหนี้บัตรเครดิตไปได้ จะต้องทำยังไงบ้างนะ?
อย่าจ่ายขั้นต่ำ
ถึงแม้ว่าบัตรเครดิตจะระบุข้อเสนอมาว่าให้คุณสามารถผ่อนชำระยอดหนี้ที่มีอยู่ ด้วยการจ่ายแบบขั้นต่ำได้ แต่รู้หรือไม่ว่าการผ่อนจ่ายหนี้บัตรเครดิตแบบขั้นต่ำนั้นมันคือกับดักของบัตรเครดิต เพราะดูเผิน ๆ เหมือนกับคุณค่อย ๆ จ่ายทีละนิด แต่พอมาดูภาพรวมจริง ๆ แล้ว การจ่ายขั้นต่ำนั้นกลับทำให้หนี้พอกพูนมากขึ้น ยิ่งสร้างภาระทางการเงินในอนาคตมากขึ้นกว่าเดิม
กรณีตัวอย่าง หากใช้บัตรเครดิตยอดเต็ม 10,000 บาท แล้วแบ่งจ่ายขั้นต่ำ 10% คือ 1,000 บาท ธนาคารเจ้าของบัตรจะคิดอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำ 18-20% /ปี โดยจะคิดจากยอดปัจจุบัน และทบยอดมาคำนวณอัตราดอกเบี้ยใหม่ทุก ๆ เดือน ด้วยเหตุนี้ เมื่อยอดเงินคงเหลือเดิม+ดอกเบี้ย และถูกนำมาคิดดอกเบี้ยเรื่อย ๆ ก็จะทำให้ภาระหนี้เพิ่มสูงขึ้น กลายเป็นหนี้ก้อนใหญ่กว่าเดิม
เพราะฉะนั้น หากไม่อยากแบกรับภาระหนี้ก้อนโตจากบัตรเครดิต พยายามชำระเงินคืนให้เต็มยอด หรือถ้ามีเงินไม่พอจริง ๆ พยายามชำระให้เกินยอดขั้นต่ำที่ทางธนาคารเจ้าของบัตรกำหนดให้ จะช่วยลดอัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายลงได้
ชำระบิลตรงเวลา
ในการใช้งานบัตรเครดิตนั้น ทางตัวผู้ถือบัตรกับทางธนาคารเองจะต้องมีการทำข้อตกลงกันมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าผู้ถือบัตรต้องทำการกำหนดวันที่ตัดรอบบิล และวางกำหนดการชำระยอด ว่าจะดำเนินการเป็นวันไหนของเดือน เช่น ตัดรอบบิลทุกวันที่ 12 ของเดือน และให้ผู้ถือบัตรชำระคืนภายในวันที่ 2 ของเดือนถัดไป
เมื่อมีกำหนดการมาแบบนี้แล้ว สิ่งที่ผู้ถือบัตรเครดิตควรปฏิบัติก็คือการชำระเงินตามรอบบิลให้ตรงเวลา พยายามอย่าให้เลยกำหนดการ เพราะถ้ามีการชำระบิลล่าช้า จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเข้ามาอีก ทั้งค่าติดตามหนี้สิน, ค่าปรับกรณีล่าช้า รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยที่อาจสูงขึ้น กลายเป็นว่าต้องจ่ายแพงขึ้นไปอีกโดยไม่จำเป็น จะมาใช้ข้ออ้างว่าลืมก็คงฟังไม่ขึ้นนัก เพราะสมัยนี้ก็มีทั้งแจ้งเตือนจากอีเมล และแอปพลิเคชั่นสำหรับผู้ใช้บัตรเครดิต ที่จะคอยบอกยอดในวงเงินและกำหนดการชำระอยู่ตลอด ถ้าไม่หละหลวมจนเกินไปก็ต้องเห็นแน่นอน
นอกจากนี้ การที่คุณชำระบิลบัตรเครดิตอย่างตรงเวลาเสมอ จะทำให้คุณเป็นบุคคลที่มีประวัติทางการเงินที่ดี เมื่อไปทำธุรกรรมการเงินอื่น ๆ ในอนาคต ก็จะไม่มีประวัติการเงินแย่ ๆ ปรากฏในเครดิตบูโร จึงมีโอกาสที่จะผ่านการอนุมัติได้ง่ายกว่า
เช็กโปรโมชั่นบัตรเครดิต
สมัยนี้เหล่าร้านค้าชั้นนำร้านต่าง ๆ มักจะทำการตลาดแข่งขันกันโดยชูโรงเป็นโปรโมชั่นบัตรเครดิต สำหรับลูกค้าที่ชำระค่าสินค้า/บริการผ่านบัตรเครดิต จะได้รับส่วนลด หรือสิทธิประโยชน์สุดพิเศษ อย่างเช่นการได้รับคะแนนสะสมเพิ่มขึ้นเท่าตัว, แลกรับส่วนลด, แลกซื้อสินค้าในราคาที่ถูกลง หรือการได้รับเครดิตเงินคืนจากยอดใช้จ่ายนั้น ๆ ซึ่งโปรโมชั่นแบบนี้ จะช่วยเพิ่มความคุ้มค่า และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายลงได้อย่างคาดไม่ถึง
ก่อนที่จะออกไปทานข้าวข้างนอกบ้าน หรือก่อนออกไปช้อปปิ้ง ใช้จ่ายต่าง ๆ แนะนำให้ลองเช็กโปรโมชั่นบัตรเครดิตของคุณดูก่อน ว่ามีรายการโปรฯ อะไรที่น่าสนใจและตอบโจทย์คุณพอดี จะได้ไม่เสียโอกาสในการได้รับความคุ้มค่าจากบัตรเครดิต
บัตรผ่อนสินค้า ดอกเบี้ย 0%
ข้อดีของบัตรเครดิตก็คือการที่ช่วยให้คุณสามารถซื้อสินค้าหรือบริการได้แม้ไม่มีเงินสด หรือมีเงินสดไม่เพียงพอที่จะจ่ายค่าสินค้า/บริการนั้น ๆ แบบเต็มจำนวน จึงสามารถเลือกใช้บริการผ่อนสินค้าในอัตราดอกเบี้ย 0% ด้วยการชำระผ่านบัตรเครดิต โดยเลือกดูร้านค้าชั้นนำที่มีโปรโมชั่น ผ่อน0% เพื่อซื้อสินค้านั้น ๆ แล้วจึงค่อย ๆ แบ่งชำระเป็นงวดด้วยจำนวนเงินที่ไม่สูงมาก ช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินลงได้เยอะ และยังช่วยให้วางแผนการเงินได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
สำหรับร้านค้าบางร้านที่อาจไม่มีโปรโมชั่นผ่อน 0% ก็ไม่ต้องกังวล เพราะคุณสามารถติดต่อธนาคารเจ้าของบัตรเพื่อแจ้งความประสงค์เรื่องการขอผ่อนสินค้าผ่านบัตรเครดิต โดยทางธนาคารจะพิจารณาจากประวัติการชำระหนี้ที่ผ่าน ๆ มา บวกกับยอดชำระคงเดิมที่ค้างอยู่ หากมีประวัติดีอยู่แล้วก็ผ่านได้ง่าย ๆ
ซึ่งการจะผ่อนสินค้าผ่านบัตรเครดิตนั้น ตัวสินค้าจะต้องมีมูลค่ามากกว่า 2,000 บาทขึ้นไป และต้องมีระยะเวลาในการผ่อนชำระ 2 เดือนขึ้นไป เป็นเคล็ดลับดี ๆ สำหรับคนที่ไม่อยากเสียดอกเบี้ยบัตรเครดิตเยอะ
เลือกใช้บัตรเครดิตให้ตรงกับไลฟ์สไตล์
บัตรเครดิตมีหลากหลายรูปแบบ และมีข้อเสนอ-สิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกัน เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของคนในยุคปัจจุบัน เพราะฉะนั้น ควรเลือกบัตรเครดิตให้ตรงกับพฤติกรรมการใช้จ่ายของตนเอง อย่างเช่นบัตรเครดิตสายกิน, บัตรเครดิตสายช้อป หรือบัตรเครดิตสำหรับสายเที่ยว ที่จะมอบสิทธิประโยชน์ให้ตรงตามความต้องการของคนที่มีไลฟ์สไตล์แบบนั้น
หรือบางคนอาจจะใช้วิธีการมีบัตรเครดิตหลายใบ เพื่อนำมาใช้ในกิจกรรมที่ต่างกัน เช่นใช้บัตรเครดิตสะสมแต้มในการช้อปปิ้ง แล้วใช้บัตรเครดิตสะสมไมล์ในการซื้อตั๋วเครื่องบิน ก็จะช่วยเพิ่มความคุ้มค่าได้มากขึ้น แต่วิธีนี้ต้องวางแผนควบคุมการใช้จ่ายให้ดี จะได้ไม่งง
ในยุคที่เศรษฐกิจฝืดเคืองแบบนี้ เวลาจะจ่ายเงินออกไปแต่ละที ก็ต้องใช้เวลาขบคิดกันมากขึ้นกว่าเดิม เพราะกว่าจะหาเงินมาได้แต่ละบาทนั้นก็ช่างเหน็ดเหนื่อยเสียเหลือเกิน แล้วยิ่งต้องมาเจอกับสินค้าที่ราคาสูงแบบคุมแทบไม่อยู่ กับค่าใช้จ่ายในการดำเนินชีวิตต่าง ๆ ที่แสนจะแพงแต่ก็ต้องยอมจ่ายแบบเสียไม่ได้ เรียกได้ว่าต้องคุมรายจ่ายกันแบบสุด ๆ เพราะไม่อยากจะมากุมขมับกับปัญหาหนี้สินในภายหลัง
ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายด้วยเงินสด หรือใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต หรือใช้จ่ายในรูปแบบใด ๆ ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของความมีสติ เพราะในสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่แบบที่ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะกลับมารุ่งเรืองอีกเมื่อไรแบบนี้ การมีเงินเก็บเอาไว้ก็เป็นเรื่องที่เซฟกับคุณมากกว่า
นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct