มนุษย์เงินเดือน 15,000 ซื้อรถยนต์คันใหม่ดีหรือไม่? ควรเช่ารถขับ หรือนั่งรถสาธารณะ มีคำตอบ!
สำหรับมนุษย์เงินเดือน สิ่งที่ดีใจและมีความสุขที่สุดคงเป็นโมเม้นเงินเดือนออก มันทำให้เราสามารถดำรงชีวิตต่อไปได้ นอกจากนี้เมื่อเงินเดือนเข้าหลายคนก็อาจจะมีแพลนซื้อของต่าง ๆ ให้กับตัวเอง เช่น โทรศัพท์ใหม่, บ้านใหม่, หรือรถคันใหม่ แต่ถ้ามีเงินเดือนอยู่ไม่มาก เราจะสามารถซื้อของใหม่ๆ โดยเฉพาะการซื้อรถใหม่ อย่างที่มนุษย์เงินเดือนคนอื่นเขาทำกันได้ไหมนะ แรบบิท แคร์ มีคำตอบ
ข้อควรรู้ก่อนซื้อรถยนต์ใหม่ด้วยเงินเดือน 15,000 บาท
ก่อนที่คุณจะข้ามขั้นตอนการซื้อรถยนต์ใหม่ ด้วยการเลือกรุ่นรถยนต์ สเปครถยนต์ ราคารถยนต์ หรือวิธีหาเงินมาซื้อรถยนต์อย่าง การขอหยิบยืมญาติพี่น้อง หรือการกู้ซื้อรถยนต์ คุณต้องทราบก่อนว่า นอกจาก “ค่าผ่อนรถยนต์” แล้ว รายจ่ายแฝงที่มาพร้อมกับการถอยรถยนต์ป้ายแดงคันใหม่จะมีอะไรบ้าง แล้วเงินเดือน 15,000 บาท ที่อยู่ในกำมือของคุณจะรับมือไหวและต้านทานกับรายจ่ายที่กำลังจะถาโถมเข้ามาได้หรือไม่
ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จะตามมาเมื่อซื้อรถยนต์ มีอะไรบ้าง?
ค่าใช้จ่ายที่จะตามมาเมื่อคุณตัดสินใจซื้อรถยนต์ ได้แก่ ค่าผ่อนรถ ค่าประกันชั้นหนึ่ง ค่าบำรุงรักษารถยนต์ ค่ายางรถยนต์ ค่าน้ำมัน และ ค่าต่อทะเบียนรถ ซึ่งคุณควรศึกษารายละเอียดอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจซื้อ
1. ค่าผ่อนรถยนต์
หากยกตัวอย่างให้เห็นชัดๆ ว่า ถึงเลือกซื้อรถยนต์ที่มีราคาถูกที่สุดในท้องตลาด ประมาณราคาอยู่ที่ 443,000 บาท เช่น Mitsubishi Attrage, Suzuki Celerio GL สิ่งที่คุณจะต้องเสียเงินไปให้กับรถยนต์หนึ่งคันกับเงินเดือนหมื่นห้าต้นๆ ก็คือ ค่าผ่อนกับรถยนต์
หากรถยนต์ราคา 443,000 บาท ดาวน์ 20% ที่ 87,800 บาท ผ่อนชำระ 60 เดือน 6,600 บาทต่อเดือน (คำนวณจากโปรโมชั่นที่ดอกเบี้ย 0.99% ต่อปี) ทั้งปีจะต้องจ่ายผ่อน 79,200 บาท
2. ค่าประกันชั้นหนึ่ง
สำหรับรถยนต์ป้ายแดง แน่นอนว่าประกันชั้นหนึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก ช่วยคุ้มครองคุณกรณีเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ให้คุณสามารถอุ่นใจได้ในทุกการเดินทาง ค่าเบี้ยประกันภัยชั้น 1 ของรถยนต์แต่ละรุ่นไม่เท่ากัน ราคาอยู่ที่ประมาณ 5,000 – 8,000 บาทต่อปี แต่หากคุณเลือกทำประกันประกันภัยชั้น 1 กับ Rabbit Care คุณอาจจะได้ราคาเบี้ยประกันที่ถูกกว่านี้ แต่รับรองว่าคุณจะได้รับของแถมสุดพิเศษอีกมากมาย อีกทั้งบริการหลังการขายที่ดีเยี่ยมอีกด้วย เช่น บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน บริการรถเช่าระหว่างซ่อม บริการรถยก รถลาก
3. ค่าบำรุงรักษาทุก 6 เดือน
จากที่ตรวจสอบในคู่มือจะมีแค่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรอง เริ่มต้นประมาณ 1,500 ต่อครั้ง รวมต่อปีประมาณ 3,000 บาท และยังไม่รวมการดูแลรักษาในส่วนอื่น คิดดูว่าหากรวมส่วนอื่นแล้วราคาจะสูงขนาดไหน ราคาอาจสูงไปดึงหลักหมื่นเลยก็ได้
4. ค่ายางรถยนต์
ยางรถยนต์ ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงเอาการ เปลี่ยนยางครั้งละ 7,000-12,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดล้อ คุณภาพยางที่เลือก ยี่ห้อยาง และยี่ห้อรถยนต์ ซึ่งระยะเวลาการเปลี่ยนยางรถยนต์คือ 2 ปีครึ่ง หรือย่อยเป็นรายจ่ายต่อปีประมาณ 2,800 บาท
5. ค่าน้ำมัน
หากใช้รถประมาณวันละ 30 กม. เฉลี่ยค่าน้ำมัน 2 กิโลเมตรต่อบาท จะคิดเฉลี่ยค่าน้ำมันประมาณ 1,800 บาทต่อเดือน รวมแล้วจ่ายค่าน้ำมันราว ๆ 21,600 บาทต่อปี แต่อย่าลืมว่า ในปี ๆ หนึ่ง คุณอาจจะต้องขับรถออกต่างจังหวัด หรือไปเที่ยวที่นั่นที่นี่หลายครั้ง แล้วหากคุณซื้อรถใหม่เพื่อมาขับบนท้องถนนที่ขึ้นชื่อว่า รถติดเป็นอันดับโลกอย่างกรุงเทพฯ แล้วล่ะก็ ไม่อยากคิดเลยว่า ค่าน้ำมันจะบานปลายแค่ไหน
6. ค่าต่อทะเบียน และพ.ร.บ. ประจำปี
ค่าใช้จ่ายในการต่อทะเบียน และ ต่อ พ.ร.บ. รถยนต์ ประจำปี แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายส่วนนี้คุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ถ้าคุณไม่ทำก็จะเป็นการละเมิดกฎหมายและอาจจะถูกจับเข้าคุกได้ โดยส่วนใหญ่แล้วราคาการต่อทะเบียน และ พ.ร.บ. ประจำปี จะอยู่ที่ 1,600 บาทต่อปี
นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยอื่น ๆ เกี่ยวกับรถยนต์ เช่น ค่าล้างรถ, การขัดเคลือบสีรถ, ค่าดูแลรักษาภายใน, รวมไปถึงการชำรุดเล็กน้อย เช่น ไฟเลี้ยว ไฟส่องสว่างขาด หรือการเสียอื่น ๆ จากสายพานหรือเบรก
เมื่อนับรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดต่อปีจะได้ 116,200 บาทต่อปี กับรายได้ต่อเงินเดือน 180,000 บาทปี จะเหลือ 63,800 บาท หรือมีเงินเหลือใช้ประมาณ 5,300 บาทต่อเดือน ซึ่งรถในฝันของคุณอาจไม่ใช่รุ่นที่ราคาถูก อาจเป็นรถหรูๆ ซูเปอร์คาร์ หรือแพงกว่านี้หลายเท่า จำนวนเงินก็จะสูงขึ้นเท่านั้น
ข้อดี – ข้อเสียของการซื้อรถ
ข้อดีของการซื้อรถ | ข้อเสียของการซื้อรถ |
สามารถเดินทางไปในที่ที่ต้องการได้อย้่งสะดวกโดยไม่ต้องขึ้นรถสาธารณะหรือพึ่งผู้อื่น | การซื้อรถยนต์และค่าใช้จ่ายดูแลรักษารถอาจเป็นค่าใช้จ่ายที่สูง รวมถึงน้ำมันเชื้อเพลิง ซ่อมบำรุง และประกัน |
สามารถปรับแต่งและดูแลได้ตามความชอบและความต้องการของคุณ | คุณต้องดูแลและบำรุงรักษารถเพื่อให้รถสภาพดี ซึ่งอาจต้องการเวลาและค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง |
สามารถออกเดินทางไปไหนก็ได้ตามที่คุณต้องการโดยไม่ต้องรอรถสาธารณะเป็นเวลานาน | มูลค่าของรถยนต์จะลดลงตามระยะเวลา ซึ่งอาจส่งผลให้คุณขาดทุนเมื่อขายรถในอนาคต |
คุณไม่ต้องแชร์พื้นที่กับคนอื่น และสามารถควบคุมระดับเสียงในรถได้ตามที่คุณต้องการ | การจราจรและการหาที่จอดรถอาจเป็นปัญหาบางครั้ง ที่จอดไม่สะดวกอาจทำให้คุณเสียเวลาและค่าใช้จ่าย |
สามารถวางแผนและควบคุมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เกี่ยวกับการใช้งานรถยนต์ได้ตามต้องการ | ต้องเสียเงินค่าประกันภัยรถยนต์ |
แรบบิท แคร์ ไม่ได้ห้ามให้คุณซื้อรถในเงินเดือน 15,000 บาท แต่หวังว่าบทความนี้จะทำให้คุณตอบตัวเองได้ว่า จะซื้อรถใหม่ ใช้รถสาธารณะ หรือใช้ของพ่อแม่ก่อนดีกว่ากัน แต่ถ้าหากคุณยืนยันว่าจะซื้อรถเป็นของตนเอง แนะนำให้บริการเงินดี ๆ ประหยัดอดออม หรือรับงานเสริมพิเศษทำเช่น Freelance และอย่าลืมซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1 กับ แรบบิท แคร์ เพื่อความอุ่นใจในการขับขี่ หากเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนก็สามารถเคลมได้ แม้ว่าจะมีคู่กรณีหรือไม่มีคู่กรณีก็ได้ แถมยังได้รับสิทธิพิเศษมากมาย เช่น บริการรถเช่าระหว่างซ่อม หรือบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน โทรเลย 1438
เป็นนักเขียนสายสุขภาพและการเงินที่มีประสบการณ์ในการเขียนมากมาย โดยได้ฝากผลงานในหลากหลายรูปแบบที่เน้นด้านบริหารร่างกายและจิตใจ ทำงานที่ Rabbit Care และ Asia Direct ได้อย่างมืออาชีพ