ประกันรถลดหย่อนภาษีได้ไหม? ทำยังไงให้ลดหย่อนได้?





สำหรับผู้ที่เสียภาษีเป็นประจำ อาจจะสงสัยว่าประกันรถยนต์ที่เราทำกันทุกปีสามารถลดหย่อนภาษีได้ไหมนะ? ในเมื่อประกันภัยอื่น ๆ ล้วนนำมาลดหย่อนภาษีได้ทั้งนั้น วันนี้ แรบบิท แคร์ จะพาคุณไปหาคำตอบว่าประกันรถ ลดหย่อนภาษีได้ไหม แล้วมีประกันที่ลดหย่อนภาษีได้บ้าง
ไขทุกข้อข้องใจ ประกันรถ ลดหย่อนภาษีได้ไหม?
ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ประกันรถยนต์นั้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ประกันรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ที่ทางกฎหมายจะบังคับให้รถยนต์ทุกคันทำ และประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ ที่เปิดโอกาสให้เราได้เลือกทำ เพื่อเสริมชั้นคุ้มครองให้มากขึ้น และแน่นอนว่าไม่ว่าจะเป็น ประกันรถดั่งกล่าวจะไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ โดยให้เหตุผลดังนี้
ประกันรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ เนื่องจากเป็นข้อบังคับตามกฎหมาย ไม่ใช่การทำประกันภัยเพื่อวัตถุประสงค์ในการลดหย่อนภาษีโดยตรง
ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ ลดหย่อนภาษีไม่ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นประกันชั้น 1, ประกันชั้น 2+, ประกันชั้น 3+ หรือประกันชั้นอื่น ๆ เนื่องจากกรมสรรพากรจัดให้ประกันรถยนต์อยู่ในหมวดของการประกันวินาศภัย ซึ่งไม่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการออมทรัพย์หรือการคุ้มครองชีวิตเหมือนประกันชีวิต ทำให้ไม่เข้าเงื่อนไขการลดหย่อนภาษีในหมวดนี้
นอกจากนี้ แม้แต่การซื้อรถยนต์ หรือผ่อนรถยนต์ส่วนตัวก็ไม่สามารถลดหย่อนได้ เนื่องจากรถยนต์จัดเป็นสิ่งฟุ่มเฟือย สามารถหักลดหย่อนได้เฉพาะดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้อหรือสร้างที่อยู่อาศัยเท่านั้น
จะเห็นได้ว่าการทำประกันรถยนต์ส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของ พ.ร.บ. หรือ ในแง่ของประกันภาคสมัครใจ ล้วนแล้วแต่ใช้ลดหย่อนภาษีไม่ได้ ซึ่งการจะนำประกันรถยนต์มาลดหย่อนภาษีได้นั้น จะทำได้ต่อเมื่อเป็นรถยนต์สำหรับภาคธุรกิจ และซื้อในนามบริษัท เช่น รถรับจ้าง ส่งอาหารเดลิเวอรี่ หรือธุรกิจรถเช่า เป็นต้น
ซึ่งประกันรถยนต์ภาคธุรกิจจะสามารถนำมาลดหย่อนภาษีในภาคธุรกิจ เพราะจัดเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัท เป็นต้นทุนในการทำธุรกิจนั่นเอง ซึ่งบุคคลทั่วไปที่มีธุรกิจอื่นนอกเหนือจากงานประจำ เช่น ขับแท็กซี่ ก็สามารถใช้ประกันในส่วนนี้ลดหย่อนภาษีเงินได้ภาคธุรกิจได้เช่นกัน
ดังนั้นโดยสรุปแล้ว ประกันรถลดหย่อนภาษีได้ไหม ขอตตอบว่าลดหย่อนได้เฉพาะประกันรถภาคธุรกิจเท่านั้น ส่วนประกันรถยนต์ส่วนบุคคลไม่ว่าจะเป็นประเภทใด ก็ไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้

แล้วประกันที่ลดหย่อนภาษีได้ มีอะไรบ้าง?
เมื่อประกันรถยนต์ลดหย่อนภาษีไม่ได้ แล้วมี ประกันที่ลดหย่อนภาษีได้ ประเภทไหนบ้าง? โดยหลัก ๆ แล้วประกันภัยที่สามารถนำมาใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ จะเป็นประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับการออมทรัพย์ การลงทุน และการคุ้มครองชีวิต ได้แก่
- ประกันชีวิต
สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท/ปี รวมถึงประกันชีวิตแบบบำนาญที่ลดหย่อนได้สูงสุด 200,000 บาท และเมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) หรือกองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
- ประกันสุขภาพ
เบี้ยประกันสุขภาพสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท เมื่อรวมกับประกันชีวิตต้องไม่เกิน 100,000 บาท/ปี และรวมไปถึงเบี้ยประกันสุขภาพของพ่อแม่ที่ไม่มีรายได้เพียงพอ และอยู่ในความดูแลของเรา ก็สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15,000 บาท
หากคุณกำลังมองหาประกันที่ลดหย่อนภาษีได้ ให้พิจารณาประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณจะดีกว่า นอกจากประกันข้างต้นที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้แล้ว ยังมีสิทธิ์อื่น ๆ ที่ใช้ลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น สิทธิลดหย่อนส่วนตัวและครอบครัว, ประกันสังคม, กองทุน, สิทธิลดหย่อนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมไปถึงเงินบริจาคตามที่กำหนด
ถึงแม้ประกันรถยนต์จะไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ แต่เราเองก็ละเลยความคุ้มครองบนท้องถนนไม่ได้ แน่นอนว่าหากคุณกำลังมองหาประกันรถยนต์ที่ช่วยให้คุณอุ่นใจในทุกการเดินทาง เบี้ยประกันเหมาะกับไลฟ์สไตล์ กับ โบรกเกอร์ประกันภัยอย่าง แรบบิท แคร์ ที่ช่วยคุณเปรียบเทียบให้คุณหาประกันรถยนต์คู่ใจของคุณได้ไม่ยาก คลิกเลย!
สรุป
ประกันรถยนต์ส่วนใหญ่ ไม่สามารถลดหย่อนภาษีได้ แต่ประกันรถยนต์เชิงพาณิชย์สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ในนามของบริษัทฯ เพราะจัดเป็นค่าใช้จ่ายและต้นทุนในการทำธุรกิจนั่นเอง หากเป็นประกันรถยนต์ส่วนบุคคลจะไม่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้

Thirakan Thongseenual เป็นนักเขียนที่มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี ที่ RabbitCare และ Asia Direct โดยมีความชำนาญในประกันรถยนต์ เน้นเขียนบทความที่เผยแพร่บน Blog และมีความเชี่ยวชาญด้าน SEO กว่า 4 ปี ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอได้ใช้ในการสร้างความรู้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของ RabbitCare อย่างมีประสิทธิภาพ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ปริญญาตรี สาขา Information Technology