ทำไมถึงกู้ซื้อรถไม่ผ่าน เป็นเพราะสาเหตุไหนกันแน่
ก่อนที่จะทำการยื่นกู้ซื้อรถ เคยสงสัยกันไหมว่าด้วยเหตุผลอะไร บางคนถึงถูกตัดสินให้กู้ซื้อรถไม่ผ่าน ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วมีโอกาสเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ หากมีข้อใดข้อหนึ่งในสาเหตที่ระบุเอาไว้ ก็ถือว่ามีโอกาสที่จะกู้ซื้อรถไม่ผ่านค่อนข้างสูงมากเลยทีเดียว นอกเหนือจากนั้นสิ่งที่เราต้องคำนึงถึงในการกูซื้อรถ ยังมีสิ่งที่ไม่พึงกระทำอยู่ด้วย หากเราทำสิ่งเหล่านั้นเพิ่มเติมเข้าไปอีก ทีนี้จะกลายเป็นว่าคุณอาจกู้ซื้อรถไม่ผ่านแน่นอน
ดังนั้นเพื่อให้ทุกคนที่กำลังวางแผนออกรถยนต์ด้วยการกู้สินเชื่อ สามารถฝ่าด่านไปได้โดยไม่เจออุปสรรคแบบที่ไม่รู้ตัวเสียก่อน แรบบิท แคร์ ได้หยิบเอาสรุปข้อมูลเกี่ยวเหตุผลที่ทำให้กู้ไม่ผ่าน กับการกระทำที่ส่งผลให้คุณเสี่ยงมีโอกาสกู้ไม่ผ่านมานำเสนอ จะได้เตรียมตัวกันให้ดีที่สุดก่อนยื่นกู้
4 สาเหตุหลักที่ทำให้ผลกู้ซื้อรถไม่ผ่าน
4 สาเหตุหลักที่ทำให้ผลกู้ซื้อรถไม่ผ่าน คือ ติดแบล็กลิสต์เครดิตบูโร, รายรับไม่เพียงพอต่อค่างวดผ่อนรถ, มีหนี้สินเป็นภาระรวมสูงเกินไป และไม่มีรายการเดินบัญชีตามที่กำหนด โดยเหตุผลเหล่านี้เป็นสิ่งพื้นฐานที่ทำให้สถาบันการเงิน หรือธนาคารต่าง ๆ ที่จะให้คุณกู้ซื้อรถ ปัดตกการยื่นกู้ได้ง่าย ๆ ลองมาอ่านคำอธิบายเพิ่มเติมในเหตุผลแต่ละข้อกัน ว่าทำไมถึงต้องระวังมากเป็นพิเศษ ใครที่ไม่อยากเจอสถานการณ์กู้ซื้อรถไม่ผ่านแล้วต้องรอไปอีกนาน ก็ลองมาดูกันได้เลย
ติดแบล็กลิสต์
ติดแบล็กลิสต์ หมายถึง การที่เรามีการค้างจ่ายหนี้ผ่อนชำระตั้งแต่ 90 วัน หรือ 3 เดือนขึ้นไป ซึ่งทางบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือ เครดิตบูโร จะตีเป็นแนวโน้มว่าเรามีโอกาสที่จะผิดนัดการผ่อนชำระอีก จึงทำให้เราถูกประเมินเครดิตตรงนี้ไว้ต่ำจนเหมือนกับการติดแบล็กลิสต์ ทำให้การยื่นกู้ซื้อรถมีโอกาสผ่านยากมาก หรือกู้ซื้อรถไม่ผ่านได้ในที่สุด ฉะนั้นถ้าอนาคตไม่อยากกู้ซื้อรถไม่ผ่าน ห้ามกระทำการผิดชำระหนี้อะไรก็ตามนานถึง 90 วันโดยเด็ดขาด
รายรับไม่เพียงพอต่อค่างวดรถ
รายรับไม่เพียงพอต่อค่างวดผ่อนรถ ความหมายตรงตัว คือ การที่ทางสถาบันการเงินได้สรุปค่างวดพร้อมดอกเบี้ยออกมาแล้ว เฉลี่ยกับรายรับในแต่ละเดือนของผู้กู้ ไม่เป็นไปในทิศทางที่สัมพันธ์กัน เช่น ค่างวดผ่อนรถอาจอยู่ที่ 10,000 บาทต่องวด ดังนั้นผู้กู้ควรต้องมีเงินเดือนตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป หรือค่างวดผ่อนรถต้องไม่เกิน 40-50% ของรายรับคงเหลือ หากอยู่ในช่วงก้ำกึ้งและต่ำกว่าเกณฑ์ที่สถาบันการเงินได้กำหนดมาตรฐานเอาไว้ มีความเสี่ยงจะกู้ซื้อรถไม่ผ่านสูงมาก
มีหนี้สินเป็นภาระรวมสูงเกินไป
มีหนี้สินเป็นภาระรวมสูงเกินไป จะต่อเนื่องจากการที่ราบรับคงเหลือไม่เพียงพอต่อการผ่อนค่างวดรถ เช่น หากเรามีภาระหนี้สินอย่างอื่นอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นค่าบ้าน, ค่าบัตรเครดิต และค่าสินเชื่ออื่น ๆ ทั้งหมดจะถูกนำมาคำนวณกับรายรับของเราที่เหลืออยู่ ถ้าหนี้สินทั้งหมดรวมกับค่างวดผ่อนรถแล้วเกินกว่า 40-50% ของรายรับ แปลว่าคุณอาจกู้ซื้อรถไม่ผ่านได้เช่นเดียวกัน ควรจะต้องทำการเคลียร์ภาระหนี้สินบางอย่างออกให้หมดก่อนกู้ซื้อรถ เพื่อให้มีช่องว่างรายได้เหลือเพียงพอต่อค่างวดรถที่จะเข้ามาในอนาคตนั่นเอง
ไม่มีรายการเดินบัญชี
ไม่มีรายการเดินบัญชี คือ หากบัญชีของเราไม่มีการเคลื่อนไหวเลย หรือไม่มีเงินเก็บก็มีโอกาสทำให้โอกาสการอนุมัติสินเชื่อลดลงด้วยเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุผลข้อนี้ทำให้การประเมินผลกู้ซื้อรถของพนักงานประจำ, ค่าราชการ หรือผู้ที่มีแหล่งรายได้มั่นคง ได้รับการอนุมัติได้ง่ายกว่าอาชีพค้าขาย หรืออาชีพอิสระนั่นเอง ฉะนั้นหากคุณรู้ว่าสถานการณ์การเงินของตัวเองไม่มั่นคง ต้องทำรายการเดินบัญชีให้สม่ำเสมอ มีเงินเก็บสำรองที่เพียงพอต่อค่างวดรถส่วนหนึ่ง จะช่วยลดโอกาสการกู้ซื้อรถไม่ผ่านได้มากทีเดียว
หากใครที่เคยยื่นกู้ซื้อรถมาแล้ว ปรากฎว่ากู้ซื้อรถไม่ผ่าน พึงระวังได้เลยว่าอาจเป็นเพราะเหตุผลทั้ง 4 ที่ทาง แรบบิท แคร์ ได้นำเสนอเอาไว้ตามเนื้อหาด้านบน ให้กลับมาตรวจสอบตัวเองอีกครั้ง พร้อมกับปรับปรุงข้อมูลด้านต่าง ๆ ให้ดีขึ้นตามลำดับ ใช้เวลาสักพักในการสร้างเครดิตดีใหม่ แล้วค่อยยื่นกู้ซื้อรถอีกครั้ง อนาคตอาจมีรถที่ราคาดีกว่า เทคโนโลยีดีกว่าปรากฎขึ้นมาให้เราได้เลือก ไม่ต้องรีบร้อนนักก็ได้
2 โอกาสที่อาจทำให้กู้รถไม่ผ่าน
2 โอกาสที่อาจทำให้กู้รถไม่ผ่านเพิ่มเติม ในช่วงระหว่างที่กู้ซื้อรถ ต่อให้เราเตรียมตัวมาดีจนเลี่ยงเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวไปด้านบนได้แล้ว ก็ยังต้องระวังเพิ่มอีกด้วย เช่น การยื่นกู้หลายที่พร้อมกัน แลัการปกปิดข้อมูลทางการเงิน หากเราเผลอไปทำรายการไหนขึ้นมาในช่วงเวลาที่ไล่เลี่ยกันถือว่าเป็นการกระทำที่เสี่ยงต่อการกู้ซื้อรถไม่ผ่านอย่างมาก และอนาคตต้องใช้เวลานานกว่าจะสามารถผ่านเกณฑ์ของสถาบันการเงินได้อีกครั้ง ส่วนเหตุผลเพิ่มเติม ติดตามอ่านได้จากหัวข้อด้านล่างต่อไปนี้
ยื่นกู้หลายที่พร้อมกัน
ยื่นกู้หลายที่พร้อมกันมีความเสี่ยงทำให้กู้ซื้อรถไม่ผ่านสูงมากในช่วงเวลานั้น แม้เราจะเตรียมตัวมาดูก็ตาม เพราะในความเป็นจริงแล้วทางสถาบันการเงินจะตรวจสอบทุกครั้งที่มีการยื่นกู้ ถ้ายิ่งยื่นกู้หลายครั้งอาจทำให้ถูกปฎิเสธสินเชื่อ จากการถูก แท็กซิง (Tracing) ได้ ซึ่งหมายถึงผู้กู้มีความร้อนรนในการยื่นกู้มากเกินไป ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่อนาคตมีโอกาสผิดนัดชำระสูงตามหลักเกณฑ์ของสถาบันการเงิน
คำแนะนำเพิ่มเติม เพื่อป้องกันไม่เกิดโอกาสการกู้ซื้อรถไม่ผ่าน จากเหตุผลการยื่นกู้หลายที่พร้อมกัน เวลาที่เราตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์กับทางศูนย์บริการ หรือเต็นท์รถไหนก็ตาม ควรยื่นกู้ผ่านดีลเลอร์เดียวเท่านั้น ไม่งั้นอาจเข้าข่ายและถูกปฏิเสธได้ง่ายกว่าที่คิด
มีการปกปิดข้อมูลทางการเงิน
มีการปกปิดข้อมูลทางการเงิน มีโอกาสถูกปฏิเสธทำให้กู้ซื้อรถไม่ผ่านได้สูงมากที่สุด เพราะถ้าหากสถาบันการเงินตรวจพบการปกปิด แทบจะไม่ต้องตรวจสอบด้านอื่นเลย กู้รถไม่ผ่านแน่นอน ดังนั้นควรเปิดเผยข้อมูลทางการเงินทั้งหมดที่สำคัญต่อการยื่นกู้ เช่น แหล่งทางรายได้, ประวัติการคืนรถ, หนี้บัตรเครดิต, หรือหนี้บัตรกดเงินสด เพื่อช่วยให้ทางดีลเลอร์ได้ยื่นกู้ต่อสถาบันการเงินอย่างเหมาะสม
ติดแบล็กลิสต์อยากกู้ซื้อรถให้ผ่านต้องทำอย่างไร
หากติดแบล็กลิสต์กู้ซื้อรถไม่ผ่าน แล้วอนาคตอยากกู้ซื้อรถให้ผ่านอีกครั้ง ควรทำอย่างไรดี? ซึ่งที่จริงแล้วการกระทำหลังจากที่รู้ตัวว่าติดแบล็กลิสต์นั้นง่ายมาก พยายามจัดการภาระหนี้สินที่มีอยู่ให้หมดโดยเร็ว หรือถ้าเป็นไปได้ก็จัดการไปตามเงื่อนไขที่ได้รับมาให้เรียบร้อย พอเราดำเนินการเคลียร์ภาระหนี้สินทั้งหมดครบถ้วน ทางบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือ เครดิตบูโร จะทำการบันทึกข้อมูลใหม่อีกครั้งในระยะเวลา 3 ปี แปลว่าข้อมูลของเราที่มีเคยมีประวัติค้างชำระ จะได้ขึ้นต้นใหม่อึกครั้งก็ต่อเมื่อเคลียร์หนี้สินหมดแล้ว 3 ปีถัดไป ถึงจะกลับมากู้ซื้อรถได้อีก
ดังนั้นถ้ากลัวว่าจะกู้ซื้อรถไม่ผ่าน ต้องพึงระวัง 4 เหตุผลหลัก และ 2 โอกาสเสี่ยงเสริมที่ แรบบิท แคร์ แนะนำไว้ให้ดี หากเรารัดกุมมากพอ ก็มีโอกาสกู้ซื้อรถผ่านได้แบบสบายขึ้นแน่นอน
และหลังจากที่ได้เป็นเจ้าของรถสมใจ แรบบิท แคร์ ขออนุญาตแนะนำให้ลองเลือกสมัครประกันรถยนต์ติดไว้ เพื่อเป็นการดูแลคุ้มครองที่ครอบคลุมในทุกเหตุการณ์ ซึ่งสามารถรับคำปรึกษาโดยตรงเพียงแค่ติดต่อเข้ามาที่เบอร์ 1438 เบอร์นี้โทรได้ 24 ชั่วโมง
สรุป
สรุปแล้ว สาเหตุหลักที่ทำให้ผลกู้ซื้อรถไม่ผ่าน คือ
- ติดแบล็กลิสต์เครดิตบูโร
- รายรับไม่เพียงพอต่อค่างวดผ่อนรถ
- มีหนี้สินเป็นภาระรวมสูงเกินไป
- ไม่มีรายการเดินบัญชีตามที่กำหนด
- ยื่นกู้หลายที่พร้อมกัน
- มีการปกปิดข้อมูลทางการเงิน
สำหรับใครที่กังวลว่าตนติดแบล็กลิสต์แล้วจะไม่สามารถกู้ซื้อรถได้ ไม่ต้องตกใจไป เพราะเครดิตบูโรจะมีการบันทึกการเงินทุก ๆ 3 ปี หากเราเริ่มต้นทำประวัติทางการเงินให้ดี เมื่อครบรอบระยะเวลา เครดิตบูโรที่เสียไปก็จะกลับมาดีดั่งเดิม และกลับมากู้ซื้อรถได้!
นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct