Supercar คือ รถอะไร สามารถทำประกันรถยนต์ได้ตามปกติหรือไม่
เคยสงสัยไหมว่ารถยนต์ที่มีรูปร่างต่างจากรถยนต์ทั่วไปอย่าง Supaercar ในความเป็นจริงแล้วมันแตกต่างจากรถยนต์ทั่วไปอย่างไร มีความโดดเด่นในด้านไหน และถ้าหากมีเทียบเคียงกับรถยนต์ที่ดูจะคล้ายคลึงกันอย่าง Sport Car มันต่างกันมากน้อยเพียงใด รวมถึงเหตุผลการเลือกใช้งาน Supercar ว่าแท้จริงแล้วมันเหมาะสมกับถนนแบบไหนกันแน่
ส่วนใครที่มีความสนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถแรง หรูหราในประเภทนี้ แรบบิท แคร์ ยังได้เตรียมพร้อมข้อมูล กับเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Hypercar ประเภทรถยนต์ที่ยังเหนือกว่า Supercar มาแนะนำกันได้อีกด้วย
Supercar คือ อะไร
Supercar หรือที่มีคำเรียกอีกอย่างว่า Exotic car คือ รถยนต์สไตล์สปอร์ตที่มีสมรรถนะเครื่องยนต์สูง โดยสเปกเบื้องต้นจะสามารถทำความเร็วจาก 0-100 ได้ในระยะเวลาที่น้อยกว่า 4 วินาที และยังสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง มีขุมพลังไม่น้อยกว่า 500-700 แรงม้า ส่วนการดีไซน์จะเน้นไปที่เรื่องแอโรไดนามิกขั้นสูง เพื่อลดการต้านลมให้มากที่สุด ส่วนเรื่องวัสดุจะใช้คาร์บอนไฟเบอร์ที่มีความทนทานสูง แต่น้ำหนักเบาเป็นหลัก ยิ่งไปกว่านั้นความพิเศษของ Supercar โดยทั่วไปแล้วจะมีการผลิตที่จำนวนจำกัด ทำให้แต่ละรุ่นที่ออกมาให้เราได้เห็น มีความหายากเป็นพิเศษนั่นเอง
Sport Car คือ อะไร
Sport Car คือ รถยนต์ที่เน้นประสิทธิภาพในการขับขี่รอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสมรรถนะความเร็ว หรือขุ่มกำลังเครื่องยนต์ที่ถูกยกระดับมาให้เหนือชั้นกว่ารถทั่วไป แต่ทั้งนี้ตัวรถ Sport Car ยังคงเน้นเรื่องความคล่องตัว ทำให้สามารถใช้งานขับขี่ในเมืองได้ดีไม่แพ้รถยนต์ทั่วไป จึงค่อนข้างมีวัตถุประสงค์ในการใช้งานแตกต่างจาก Supercar อย่างชัดเจน ส่วนสิ่งที่เหมือนอาจเป็นเรื่องการดีไซน์ภายในแบบ 2 ที่นั่ง เน้นความหรูหรา และเบาะที่โอบรับสรีระได้ดีเป็นพิเศษ
Supercar กับ Sport Car ต่างกันอย่างไร
พอรู้แล้วว่า Supercar คือ อะไร Sport Car คือ อะไร ลองมาดูการเปรียบเทียบความแตกต่างที่ชัดเจนของรถยนต์ทั้ง 2 ประเภทกันเพิ่มเติม คือ ประสิทธิภาพเครื่องยนต์ที่แตกต่างกัน, ราคา, การดีไซน์รูปลักษณ์ภายนอก, จำนวนการผลิต และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายใน ซึ่งถ้าเราจินตนาการจากที่กล่าวมา คงพอเข้าใจได้เล็กน้อยเลยว่า Supercar เน้นใช้เพื่อการขับขี่ หรือการวิ่งบนถนนอย่างมีประสิทธิภาพในเรื่องความเร็วและแรง ส่วนทางด้าน Sport Car จะเน้นประสิทธิภาพการขับขี่ ควบคู่ไปกับความคล่องตัวในการขับขี่บนถนนในเมืองทั่วไป ทำให้มีรายละเอียดที่แตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์การใช้งาน โดยสามารถสรุปความแตกต่างของรถยนต์ทั้งสองประเภท ดังตารางด้านล่างนี้
คุณสมบัติ | Supercar | Sport Car |
ประสิทธิภาพเครื่องยนต์ | สูงมาก (500-700 แรงม้าเป็นอย่างต่ำ และต้องทำความเร็ว 0-100 ได้ในเวลาไม่เกิน 4 วินาที) | สูง |
ราคา | สูงมาก (10 ล้านบาทขึ้นไป) | สูง |
การดีไซน์รูปลักษณ์ภายนอก | เน้นแอโรไดนามิก เพื่อลดการต้านลมให้มากที่สุด | เน้นความสปอร์ต การดีไซน์ที่สวยงามและโฉบเฉี่ยว |
จำนวนการผลิต | มีจำนวนจำกัด | มีจำนวนตามคำสั่งซื้อ |
อุปกรณ์อำนวยความสะดวก | มีระบบอำนวยความสะดวกหลายส่วน เพื่อการขับขี่ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด | มีระบบอำนวยความสะดวกที่พิเศษกว่าขั้นพื้นฐาน |
Supercar เหมาะกับการใช้แบบไหน
ถ้าหากดูการดีไซน์ภายนอก และภายในของ Supercar เราจะสามารถทำความเข้าใจได้ทันทีเลยว่าประเภทรถลักษณะนี้ มี DNA ที่จะต้องเข้าไปเป็นเจ้าแห่งความเร็วบนสนามแข่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เนื่องจากตัวรถที่ถูกออกแบบมาเป็นทรงเตี้ย มีแอโรไดนามิกสูง ทำให้ไม่เหมาะกับการใช้งานถนนในเมืองทั่วไปที่เราไม่อาจคาดเดาได้ว่า ตรงไหนจะเป็นทางเรียบ ตรงไหนจะเป็นทางขรุขระ โดยเฉพาะในประเทศไทยแล้วยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะถนนบางโซนมีทั้งหลุมบ่อ ซึ่งเป็นอุปสรรคอย่างใหญ่หลวงต่อรถประเภท Supercar มากนั่นเอง
ดังนั้นการใช้งาน Supercar ส่วนใหญ่มักถูกเลือกใช้งานเพื่อเดินทางในระยะสั้น หรือไปบนเส้นทางที่มั่นใจได้ 100% ว่าจะสามารถขับขี่ได้อย่างราบรื่น ไร้ปัญหาเรื่องพื้นผิวถนนเข้ามากวนใจ อีกทั้งยังมีเรื่องการดีไซน์ห้องโดยสารที่ออกแบบมาให้ไม่กว้างเท่าไหร่นัก เบาะของผู้โดยสารถูกดีไซน์มาให้โอบรับกับร่างกาย เพื่อรับแรงดึงเวลาที่รถออกตัวได้ดี ไม่สะดวกแก่การขนของจำนวนเยอะ ๆ หรือการเก็บสัมภาระที่มากเกินไป
ทำไมรถ Supercar ถึงมีที่จอดพิเศษ
ทำไมรถ Supercar ถึงต้องมีที่จอดพิเศษ คำตอบ คือ ด้วยดีไซน์ที่พิเศษของเหล่ารถยนต์ประเภทนี้ ส่งผลให้การขับขี่ทั่วไปก็ลำบากมากพออยู่แล้ว ช่องการจอดรถเองก็ต้องมีการรองรับพิเศษ ที่เหมาะสมกับตัวรถเผื่อเอาไว้ ด้วยราคาที่สูงมาก หากเกิดริ้วรอยจากการถอยจอดด้วยช่องจอดที่ไม่เหมาะสม ไปจนถึงถูกรถยนต์ทั่วไปเบียดจนเกิดร่องรอยขึ้นมา คงกลายเป็นเรื่องใหญ่ของคู่กรณีแน่นอน ดังนั้นห้างหลายแห่งจึงได้มีการจัดที่จอดรถพิเศษสำหรับ Supercar เอาไว้ร้องรับโดยเฉพาะ
หมายเหตุ: แม้บางห้างจะมีป้ายบอกว่าที่จอดรถยนต์สำหรับ Supercar แต่หากเราเช็กเงื่อนไขให้ดี แต่ละห้างอาจมีการอนุญาตจอดรถยนต์สำหรับประเภทอื่นด้วย ยกตัวอย่างเช่น บางห้างมีป้ายระบุว่าที่จอดรถยนต์สำหรับ Supercar ก็จริง แต่ในช่องจอดเหล่านั้น รถยนต์ Porche ยังสามารถเข้าไปใช้บริการได้ด้วย เนื่องจากเป็นการอนุญาตให้รถยนต์แบรนด์หรูเข้ามาจอดได้ตามเงื่อนไขของห้างแทน
รู้จัก Hypercar รถยนต์ที่เหนือกว่า Supercar
เชื่อหรือไม่ว่านอกเหนือจากรถยนต์ Supercar แล้ว ยังมีรถยนต์ที่ถูกเรียกว่า Hypercar ซึ่งมีระดับเหนือกว่ารถยนต์ Supercar อีกหลาย ๆ ด้านด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของราคาที่เริ่มต้นสูงถึง 18 ล้านบาทต่อคัน ประสิทธิภาพรถยนต์ที่ทำความเร็วได้มากกว่า 386 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไหนจะเรื่องจำนวนจำกัดแบบพิเศษที่มีการผลิตน้อยกว่าหลายเท่าตัว ทั้งแพง ทั้งหายาก ถือว่าเป็นสุดยอด Limited ที่เร็วแรงแพงของแท้ ซึ่งหากสรุปความแตกต่างของทั้งสองประเภทให้ชัดเจนมากขึ้น ลองดูได้จากตารางดังต่อไปนี้
คุณสมบัติ | Hypercar | Supercar |
ราคา | ราคาเริ่มต้นประมาณ 18 ล้านบาท | ราคาเริ่มต้นประมาณ 10 ล้านบาท |
ประสิทธิภาพ | ทำความเร็วสูงสุดเริ่มตั้งแต่ 386 กิโลเมตร/ชั่วโมงขึ้นไป | ทำความเร็วสูงสุดเริ่มต้น 300 กิโลเมตร/ชั่วโมงขึ้นไป |
เครื่องยนต์ | ใช้เครื่องยนต์ไฮบริดที่เพิ่มความเร็ว และแรงควบคู่กันไป | ใช้เครื่องยนต์สมรรถนะสูง |
จำนวนการผลิต | มีจำนวนการผลิตที่น้อยมาก ถือว่าเป็นรถที่มีความ Rare สูงสุดในโลก | มีจำนวนการผลิตแบบ Limited ตามแผนการผลิตปกติ |
5 Supercar ที่น่าสนใจ ใครเห็นเป็นต้องโดนใจ
สุดท้ายลองแวะมาดูข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ 5 Supercar ที่มีความโดดเด่นในทุก ๆ ด้าน เชื่อว่าใครเป็นสายที่หลงไหลในโลกของรถยนต์ เห็นแล้วต้องอยากเป็นเจ้าของอย่างแน่นอน ส่วนแต่ละรุ่นจะมีสเปกอย่างไรบ้างนั้น ลองมาติดตามดูรายละเอียดไปพร้อมกันเลย
- McLaren 765lt: Supercar ที่แพงที่สุดจากปี 2020 (ประมาณ 60 ล้านบาท) จัดเต็มด้วยขุมกำลังจากเครื่องยนต์ V8 Twin-Turbo กำลังสูงสุด 765 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร ทำความเร็ว 0-100 ในเวลาเพียง 2.8 วินาที
- Lamborghini Huracan STO: กระทิงดุที่ดีไซน์จัดเต็มเน้นแอโรไดนามิกทั้งคัน ให้อากาศไหลผ่านได้อย่างสะดวกสบาย มีเครื่องยนต์ V10 แบบ NA 5.2 ลิตร กำลังสูงสุด 640 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 565 นิวตันเมตร ทำความเร็ว 0-100 ในเวลาเพียง 3.0 วินาที
- Porsche 911: ดีไซน์โดดเด่นตามสไตล์ มีเอกลักษณ์ที่ช่วงล่างแน่น หนึบเป็นพิเศษ มีเครื่องยนต์ 6 สูบ Boxer ขนาด 3.0 ลิตร กำลังสูงสุด 450 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 800 นิวตัน-เมตร ทำความเร็ว 0-100 ในเวลาเพียง 3.5 วินาที
- Ferrari Roma: รถที่ถูกดีไซน์มาให้มีความหรูหราแบบเรียบง่ายทั้งภายนอก ภายใน มีเครื่องยนต์แบบ V8 เทอร์โบ ขนาด 3.9 ลิตร กำลังสูงสุด 620 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 760 นิวตัน-เมตร ทำความเร็ว 0-100 ในเวลาเพียง 3.4 วินาที
- Lamborghini Aventador SVJ Roadster: ทำด้วยคาร์บอนไฟเบอร์แบบพิเศษ เป็นรถหรูที่มีหลังคาแบบเปิดประทุน มีจำกัดเพียง 800 คันทั่วโลก มีเครื่องยนต์ V12 6.5 ลิตร กำลังสูงสุด 759 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 720 นิวตัน-เมตร ทำความเร็ว 0-100 ในเวลาเพียง 2.6 วินาที
แค่เห็นความเร็วของเหล่า Supercar ทั้ง 5 คันที่แนะนำมาก็รู้สึกหลังติดเบาะเหมือนโดนกระชากกันแล้ว จาก 0-100 ในเวลาเฉลี่ยแค่ 3 วินาที ลืมรถคันที่บ้านได้เลย เพราะรถยนต์ทั่วไปอาจต้องใช้เวลาเกือบ 10 วินาทีการเร่งความเร็วระดับนี้ แถมหากวิ่งในระยะยาวเหล่า Supercar ยังสามารถเพิ่มระดับความเร็วได้เรื่อย ๆ อีกต่างหาก
เมื่อ Supercar มีทั้งเรื่องราคาที่สูงมาก อะไหล่รถยนต์เองก็ต้องมีราคาที่สูงตามกันไป ไหนจะเรื่องความลิมิเต็ดอีก ดังนั้นเหล่าคนที่รักรถยนต์ของตัวเอง คงเลือกทำประกันรถยนต์ หรือใช้วิธีการดูแลรักษาที่ยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน
และแม้ว่าปัจจุบันเราจะใช้งานรถยนต์ทั่วไป ที่ไม่ได้ แรง หรู เหมือนรถประเภทดังกล่าว แต่เชื่อว่าความรักรถยนต์ของตัวเอง คงมีเหมือนกันทุกบ้าน การเลือกทำประกันรถยนต์จึงเป็นทางเลือกที่ช่วยดูแลคุ้มครองได้อย่างดีที่สุดทางหนึ่งแน่นอน หากสนใจประกันรถยนต์ชั้นไหน ติดต่อหา แรบบิท แคร์ ที่เบอร์ 1438 เพื่อเช็คราคาประกันรถยนต์และสอบถามส่วนลดพิเศษสูงสุดถึง 70% หรือจะเลือกผ่อน 0% นาน 10 เดือนก็มีให้บริการเช่นกัน
สรุป
Supercar (Exotic car) คือ รถยนต์สไตล์สปอร์ตที่มีสมรรถนะเครื่องยนต์สูง โดยสเปกเบื้องต้นจะสามารถทำความเร็วจาก 0-100 ได้ในระยะเวลาที่น้อยกว่า 4 วินาที และยังสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง มีขุมพลังไม่น้อยกว่า 500-700 แรงม้า ดีไซน์เน้นเน้นไปที่เรื่องแอโรไดนามิกขั้นสูง เพื่อความเร็ว แลโดยทั่วไปแล้วจะมีการผลิตที่จำนวนจำกัด ทำให้แต่ละรุ่นที่ออกมาให้เราได้เห็น มีความหายาก เน้นใช้เพื่อการขับขี่ หรือการวิ่งบนถนนอย่างมีประสิทธิภาพในเรื่องความเร็วและแรง แตกต่างจาก Sport Car ที่จะเน้นประสิทธิภาพการขับขี่ ควบคู่ไปกับความคล่องตัวในการขับขี่บนถนนในเมืองทั่วไป
Thirakan Thongseenual เป็นนักเขียนที่มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี ที่ RabbitCare และ Asia Direct โดยมีความชำนาญในประกันรถยนต์ เน้นเขียนบทความที่เผยแพร่บน Blog และมีความเชี่ยวชาญด้าน SEO กว่า 4 ปี ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอได้ใช้ในการสร้างความรู้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของ RabbitCare อย่างมีประสิทธิภาพ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ปริญญาตรี สาขา Information Technology