ยางไม่ต้องเติมลม นวัตกรรมใหม่ที่ทำให้ยางรถยนต์ดูแปลกตา และน่าสนใจมากขึ้น
พอเห็นคำว่ายางไม่ต้องเติมลมในยุคนี้ หลาย ๆ คนที่เข้ามาอ่านบทความอาจเคยได้ยิน หรือได้เห็นผ่านตากันมาบ้างแล้ว แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราอจจะจินตนาการกันไม่ออกเลย ว่ามันจะเป็นอย่างไรกันแน่ เพื่อนำความรู้มาแบ่งปัน แรบบิท แคร์ ได้เตรียมพร้อมนำเสนอเนื้อหากันอย่างละเอียด เกี่ยวกับยางไม่ต้องเติมลม หรือ ยางไร้ลม มันคืออะไร มีประโยชน์อย่างไรหากนวัตกรรมนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาจนพร้อมใช้งานจริงแบบทั่วไป
ส่วนปัจจุบันนี้มีแบรนด์ยางรถยนต์แบรนด์ไหนบ้าง ที่ได้ทำการผลิตยางไม่ต้องเติมลมออกมาให้ใช้งานจริง รวมถึงยางไม่ต้องเติมลม ราคาเท่าไหร่ แพงมากกว่ายางปกติทั่วไปหรือไม่
ยางไม่ต้องเติมลมคืออะไร
ยางไม่ต้องเติมลม หรือยางที่ไม่มียางใน (Non-pneumatic tire) คือ ยางที่ไม่มียางใน แต่เป็นการสร้างโครงสร้างยางขึ้นมาแทนที่แรงดันลมด้านใน โดยออกแบบให้เป็นเหมือนเหมือนกับการถักทอ เพื่อช่วยเพิ่มความสามารถในการรับน้ำหนักให้ได้ดีดังเดิม ในขณะที่ไม่ต้องเติมลม และไม่ต้องกังวลเรื่องการเติมลม หรือยางลมรั่วอีกต่อไป อีกทั้งโครงสร้างยางที่เกิดขึ้นจากการถักทอ ยังทำให้สามารถวิ่งได้ในหลายพื้นผิวตามสภาพความยืดหยุ่นของยางได้เช่นเดียวกัน
ประโยชน์ของยางไม่ต้องเติมลม
ประโยชน์ของยางไม่ต้องเติมลมหลัก ๆ คือ หมดปัญหาเรื่องยางแบน, ไม่ต้องแบกยางสำรองให้หนักรถ, ช่วยประหยัดน้ำมันได้, ลดอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และอนาคตมีแนวทางช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้ ซึ่งหากใครสนใจในนวัตกรรมยางไม่ต้องเติมลม สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมจากหัวข้อย่อยทั้งหมดดังต่อไปนี้ได้เลย
หมดปัญหาเรื่องยางแบน
หมดปัญหาเรื่องยาง เพราะอย่างที่เราได้ให้ข้อมูลกันไปแล้วว่า ยางไม่ต้องเติมลม หรือยางไร้ลมนั้น จะเป็นยางรถยนต์แบบที่ไม่มียางใน ทำให้เราไม่ต้องเติมลมเข้าไปในยาง ก็สามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ โดยที่โครงสร้างภายในจะถูกทดแทนขึ้นมาด้วยการถักทอยาง ให้รับน้ำหนักตัวรถได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อเจอกับของมีคม หรือสิ่งที่อาจส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อปัญหายางรั่ว ก็ไม่ต้องกังวลอีกแล้ว เพราะไม่มีลมให้รั่ว แถมถ้าโดนของมีคมกรีด ก็ไม่เสี่ยงยางระเบิดอีกต่างหาก
ไม่ต้องแบกยางสำรองให้หนักรถ
ไม่ต้องแบกยางสำรองให้หนักรถ เนื่องจากยางไม่ต้องเติมลม ทำให้คุณหมดปัญหาเรื่องยางรั่ว หรือยางระเบิดไปได้แล้ว ดังนั้นท้ายรถของคุณไม่จำเป็นต้องบรรทุกยางสำรอง ให้หนักโดยเปล่าประโยชน์อีกต่อไป รวมถึงพวกอุปกรณ์ปะยางฉุกเฉินเองก็ไม่ต้องพกติดไปอีกแล้ว สามารถคืนพื้นที่ท้ายรถให้กลายเป็นพื้นที่ว่าง ไว้ใส่ของ หรือสร้างประโยชน์อื่น ๆ ได้ตามต้องการ
ช่วยประหยัดน้ำมันได้
การช่วยประหยัดน้ำมันจากการใช้งานยางไม่ต้องเติมลม จากสเปกที่ลดการต้านทานการหมุนของยางให้ต่ำลง จึงกลายเป็นส่วนช่วยในเรื่องประหยัดน้ำมันได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในการใช้งานกับอุตสาหกรรม เพราะในความเป็นจริงแล้วยางไม่ต้องเติมลมนั้น เมื่อถูกคิดค้นขึ้นมาแล้ว มีการนำเอาไปใช้ในรถตัดหญ้า หรือรถที่ทำอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ก่อนเป็นอันดับแรก
ลดอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์
ลดอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของยางไม่ต้องเติมลม จะเป็นเหตุผลเดียวกันกับการช่วยประหยัดน้ำมัน เพราะว่าสามารถลดการต้านทานการหมุนให้ต่ำลง ถือเป็นการช่วยลดการเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งถ้าเราคิดถึงปัจจัยหลักในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขึ้นมา มันจะสอดคล้องกันพอดี รถยนต์ไฟฟ้าเน้นใช้พลังงานสะอาด ลดการปล่อยก๊าซ ยางตัวนี้เองก็ช่วยเสริมในด้านเดียวกัน ถ้าอนาคตจะมีการพัฒนายางไม่ต้องเติมลมขึ้นมา เพื่อการใช้งานในรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะก็คงไม่แปลก
อนาคตมีแนวทางช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้
อ้างอิงข้อมูลจากทาง Bridgestone ที่กล่าวว่า ยางไม่ต้องเติมลมของพวกเขา เน้นการรีไซเคิลเป็นหลักด้วยเช่นกัน เมื่อมีการเปลี่ยนยางไร้ลมเป็นยางใหม่ ยางเก่าที่ถูกเปลี่ยนไปจะสามารถนำเข้าระบบการรีไซเคิลได้ทุกส่วนโดยไม่มีแบ่งแยก เพื่อหมุนเวียนนำกลับมาผลิตยางใหม่ได้อีกครั้ง จึงถือว่าเป็นแนวทางที่น่าสนใจอย่างมากเลยทีเดียว ที่เราไม่ต้องเปลืองทรัพยากรในการผลิตยางแบบซ้ำซ้อน
ปัจจุบันยางไม่ต้องเติมลม หรือยางไร้ลมได้มีการผลิตออกมาเพื่อใช้งานจริงบ้างแล้ว แต่ยังไม่ได้มีการผลิตสำหรับรถยนต์ทั่วไปมากเท่าไหร่นัก ยังอยู่ในขั้นการทดลองใช้เป็นส่วนใหญ่ แม้จะมีรถยนต์ทั่วไปหลายรุ่นได้ลองใช้งานแล้ว อาจยังต้องเก็บข้อมูลเพื่อวิเคราะห์วิจัยกันต่อไปอีกเล็กน้อย ถึงจะทำให้เกิดความสมดุลระหว่างธุรกิจและสิ่งแวดล้อม จนสามารถผลิตจำหน่ายเพื่อรถยนต์ทั่วไปได้อย่างทั่วถึง
ส่องดูยางไร้ลมของ 3 แบรนด์ดังในตลาด
ในเมื่อยางไม่ต้องเติมลม หรือยางไร้ลมมีออกมาให้เราได้เห็นกันในตลาดบ้างแล้ว เราลองมาดู 3 แบรนด์ดังที่ผลิตยางดังกล่าวออกมาให้ใช้งานกันบ้างดีกว่า ได้แก่ Goodyear, Bridgestone และ Michelin ทั้ง 3 แบรนด์ล้วนเป็นแบรนด์ผู้ผลิต และจัดจำหน่ายยางรถยนต์ชื่อดังที่ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จัก ส่วนคอนเซปต์หรือเป้าหมายในการผลิตยางไร้ลมของพวกเขาจะเป็นอย่างไร ต้องลองติดตามอ่านกันเอาเอง
ยางไร้ลม Goodyear
เป้าหมายการใช้งานยางไร้ลมของ Goodyear จะถูกเน้นไปที่การพัฒนาเพื่อใช้ในรถยนต์ EV แบบไร้คนขับเป็นหลัก ทำให้พวกเขาได้นำเอายางไม่ต้องเติมลม มาใช้งานเพื่อการทดสอบกับรถรับ-ส่งของบริษัทพันธมิตรมาเรื่อย ๆ นับตั้งแต่ปี ค.ศ.2019 แล้ว นอกเหนือจากปัจจัยหลักที่ทาง Goodyear มุ่งมันพัฒนาเพื่อทำให้ยางไม่ต้องเติมลม มีความยั่งยืนในเรื่องของกระบวนการผลิต ไปจนถึงความทนทานแบบไม่ต้องซ่อมบำรุงบ่อยนัก และอายุการใช้งานของยางที่ยาวนาน พวกเขายังคำนึงถึงเรื่องสัมผัสความนุ่มสบายในห้องโดยสาร ความดังของเสียง และเรื่องอื่น ๆ อีกด้วย
ปัจจุบันยางไม่ต้องเติมลมของทาง Goodyear ผ่านการทดสอบใช้งานจริงมามากกว่า 120,000 กิโลเมตรแล้ว ซึ่งสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ประมาณ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หลังจากทดสอบใน Tesla Model 3 มาอย่างยาวนาน
ยางไร้ลม Bridgestone
ยางไร้ลม Bridgestone นั้นจะถูกเน้นพัฒนาเพื่อขยายผลให้เกิดประโยชน์ที่หลากหลาย ดังเช่นที่เราแนะนำข้อมูลไปในด้านบนทั้งหมด คือ ยางไม่ต้องเติมลมของพวกเขา จะต้องทำให้คุณไม่กังวลเรื่องยางแบนอีกต่อไป, การช่วยลดอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์, การช่วยประหยัดน้ำมัน, การช่วยลดต้นทุนการผลิต และการรักษาสิ่งแวดล้อม
ยางไร้ลม Michelin
ยางไร้ลมของ Michelin มีชื่อที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษว่า UPTIS (Unique Puncture-proof Tire System) หมายถึง ระบบยางล้อรถยนต์กันรั่วที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งทางบริษัท Michelin ได้เคลมเอาไว้ว่ายางไม่ต้องเติมลมของพวกเขา สามารถวิ่งผ่านได้ทุกอุปสรรค ไม่ว่าจะเป็นตะปู เศษแก้ว เศษหิน ถนนพื้นผิวแบบไหนก็ไปได้หมดทุกที่ โดยสิ่งที่ทำให้เกิดประสิทธิภาพมากขนาดนั้น มาจากการออกแบบโดยเพิ่มพลาสติกเสริมใยแก้วที่มีความเหนียวสูง ช่วยรองรับดอกยางได้ดี มีความยืดหยุ่นและดูดซับแรงกระแทกได้มาก
ยางไม่ต้องเติมลมราคาเท่าไหร่
ปัจจุบันยางไม่ต้องเติมลม ราคายังไม่มีออกมาให้ได้เห็น เพราะยังไม่ได้มีวางขายให้รถยนต์ทั่วไปใช้งาน ยังอยู่ในช่วงการทดสอบเพื่อวิเคราะห์วิจัยกันอยู่นั่นเอง แต่มีการคาดการณ์เอาไว้ว่า ช่วงปี 2024-2025 เราคงมีโอกาสได้เห็นแบรนด์ดังวางขายอยู่บ้าง
พออ่านจบแล้วคนที่อยากประหยัดค่ายางรถ คงเริ่มสนใจยางไม่ต้องเติมลมขึ้นมากันแล้ว ต้องบอกให้อดใจรอกันอีกสักพักใหญ่ ๆ เพื่อให้เหล่าผู้ผลิตแบรนด์รถยนต์ชื่อดังได้มีโอกาสพัฒนายางไม่ต้องเติมลมนี้ ให้ออกมาดีที่สุดในการใช้งาน เราจะได้ใช้กันแบบคุ้มค่ามาก ๆ แต่สำหรับใครที่ตอนนี้มีความกังวลเกี่ยวกับปัญหายางในอนาคต ว่าถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝัน ทำให้ยางเสียหาย จะเลือกการคุ้มครอทางไหนดี?
แรบบิท แคร์ ขออนุญาตแนะนำให้คุณพิจารณาประกันรถยนต์ที่เหมาะสมเอาไว้ เพื่อที่จะสามารถเคลมยางรถยนต์ได้ตามเงื่อนไขการคุ้มครอง หากสนใจติดต่อเข้ามาได้เลยที่เบอร์ 1438 (โทรได้ตลอดเวลา)
สรุป
ยางไม่ต้องเติมลม หรือยางที่ไม่มียางใน (Non-pneumatic tire) คือ ยางที่ไม่มียางใน มีโครงสร้างยางขึ้นมาแทนที่แรงดันลมด้านใน ออกแบบให้เป็นเหมือนเหมือนกับการถักทอ เพื่อช่วยเพิ่มความสามารถในการรับน้ำหนักให้ได้ดีดังเดิม ในขณะที่ไม่ต้องเติมลม และไม่ต้องกังวลเรื่องการเติมลม หรือยางลมรั่วอีกต่อไป อีกทั้งยังทำให้สามารถวิ่งได้ในหลายพื้นผิวตามสภาพความยืดหยุ่นของยาง โดยปัจจุบัน ยางไม่ต้องเติมลม ราคายังไม่มีออกมาให้ได้เห็น เพราะยังอยู่ในช่วงการทดสอบเพื่อวิเคราะห์วิจัยกันอยู่นั่นเอง แต่มีการคาดการณ์เอาไว้ว่า ช่วงปี 2024-2025 มีโอกาสได้เห็นแบรนด์ดังวางขายอย่างแน่นอน
Thirakan Thongseenual เป็นนักเขียนที่มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี ที่ RabbitCare และ Asia Direct โดยมีความชำนาญในประกันรถยนต์ เน้นเขียนบทความที่เผยแพร่บน Blog และมีความเชี่ยวชาญด้าน SEO กว่า 4 ปี ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอได้ใช้ในการสร้างความรู้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของ RabbitCare อย่างมีประสิทธิภาพ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ปริญญาตรี สาขา Information Technology