เครื่องฟอกอากาศในรถ คืออะไร จำเป็นไหม แล้วเลือกยี่ห้อไหนดี
เมื่อฤดูหนาวกำลังจะผ่านไปเราต่างรู้กันดีอยู่แล้วว่า ฝุ่นควันหรือหมอกควันกำลังใกล้เข้ามาเยือน ทำให้ต่างคนต้องหาเครื่องฟอกอากาศในรถ เครื่องฟอกอากาศภายในบ้านออกมาใช้งานกันอย่างเร่งรีบ เพื่อให้เราสามารถหลีกเลี่ยงการสูดเอา PM 2.5 เจ้าฝุ่นตัวร้ายขนาดจิ๋วเข้าไปในร่างกายนั่นเอง โดยเฉพาะฤดูกาลไหนที่มีอากาศร้อนเป็นพิเศษ ยิ่งมีโอกาสเกิดฝุ่นควันมากขึ้นเท่านั้น เหล่าเครื่องฟอกอากาศในรถจึงมีความจำเป็นเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนใครที่ยังไม่เข้าใจถึงความสำคัญของมัน เดี๋ยว แรบบิท แคร์ จะพาทุกคนไปดูข้อมูลอย่างละเอียด จนสามารถเตรียมพร้อมหาเครื่องฟอกอากาศในรถมาใช้งานได้ก่อนที่ฝุ่นควันจะมาเยือนอย่างแน่นอน
เครื่องฟอกอากาศในรถคืออะไร
เครื่องฟอกอากาศในรถ คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีหน้าที่ในการดูดเอาอากาศหใุนเวียนภายในรถ เข้าไปผ่านกระบวนการกรองภายในเครื่องฟอกอากาศ จากนั้นปล่อยอากาศบริสุทธิ์ที่ผ่านระบบการกรองออกมาให้เราได้หายใจ ด้วยเหตุนี้เองมันถึงมีความสำคัญอย่างมาก เพราะในช่วงเวลาที่ฝุ่น PM 2.5 เข้ามาเยือนประเทศไทย มาทีเหมือนกับมีเมฆหมอกปกคลุมไปทั่วเมือง โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยในแถบภาคเหนือ การกรองอากาศธรรมดาของรถยนต์อาจไม่เพียงพอเมื่อต้องเผชิญหน้าสถานการณ์ฝุ่นที่หนักหน่วงเช่นนั้น
เครื่องฟอกอากาศในรถ จำเป็นไหม?
เครื่องฟอกอากาศในรถ จำเป็นไหม? ถ้าหากเป็นช่วงฤดูกาลปกติที่ไม่ใช่เวลาที่ฝุ่น PM 2.5 เกิดขึ้นมาเยอะอย่างช่วงหน้าร้อน อาจไม่มีความจำเป็นมากเท่าไหร่นัก แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เข้าสู่หน้าร้อนอย่างที่เราได้ยกตัวอย่างไปเบื้องต้นด้านบน ตัวเครื่องฟอกอากาศในรถจะมีความจำเป็นขึ้นมาอย่างมาก เนื่องจากฝุ่น PM 2.5 จับตัวหนาจนเหมือนหมอก มีค่าเฉลี่ยสูง 200-300 ไมโครกรัม ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่เยอะมากจนมีโอกาสส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ต่อให้ไม่ใช่ผู้ที่เป็นโรคภูมิแผ้ ก็อาจมีอาการกำเริบขึ้นมาได้เช่นเดียวกัน
สรุปแล้วเหตุผลสำคัญที่จะตอบได้อย่างชัดเจนว่าเครื่องฟอกอากาศในรถ จำเป็นไหม อ้างอิงได้จากเหตุผลทั้ง 4 ข้อดังต่อไปนี้
- ช่วยหมุนเวียนอากาศภายในรถยนต์ ให้มีแต่อากาศบริสุทธิ์ นอกเหนือจากนั้นในบางรุ่นยังช่วยลดกลิ่นอับ กลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย
- ลดอาการของโรคภูมิแพ้ เพราะผู้ที่มีอาการโรคนี้หากสัมผัสกับฝุ่น PM 2.5 ในระดับที่ส่งผลกระทบ อาจทำให้จากอาการปกติ กลายเป็นอาการหนักขึ้นมาได้
- ช่วยแบ่งเบาการทำงานของไส้กรองแอร์ภายในรถยนต์ โดยปกติแล้วระบบอากาศในรถเองก็มีตัวกรองอยู่ในระดับหนึ่งแล้ว การมีเครื่องฟอกอากาศในรถเข้ามา ช่วยให้การทำงานตัวยกรองส่วนนั้นทำงานน้อยลง ช่วยยืดอายุได้อีกเล็กน้อย
- เหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก หรือผู้สูงวัย เพราะว่ากลุ่มคนดังกล่าวอาจมีความเปราะบางในเรื่องภูมิแพ้ หรือการรับฝุ่นขนาดเล็กอย่าง PM 2.5 มากกว่าผู้คนทั่วไป
พอเห็นความสำคัญกันชัดเจนแบบนี้แล้ว ใครที่จะเข้าข่ายในพื้นที่ต้องเจอกับฝุ่น PM 2.5 อย่างหนักหน่วง ควรหาเครื่องฟอกอากาศในรถเตรียมไว้ใช้งานจะดีที่สุด เพราะซื้อเพียงครั้งเดียวก็สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน ส่วนวิธีการดูแลเครื่องฟอกอากาศในรถ คือ แค่เปลี่ยนไส้กรองด้านในตามช่วงเวลาที่เหมาะสมเท่านั้นเอง
วิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศในรถ
ถัดมาเป็นวิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศในรถ ซึ่งภาพรวมการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศใช้งานในรถที่ดี ควรมีลักษณะเบื้องต้น 6 ข้อ คือ มีขนาดที่เหมาะสมกับพื้นที่ภายในรถยนต์, มีน้ำหนักเบา, ปรับระดับการทำงานได้, รองรับการกรองฝุ่นขนาดเล็ก, ไม่มีเสียงการทำงานเข้ามารบกวนการขับขี่ และมีระยะเวลาการทำงานที่ยาวนาน โดยรายละเอียดทั้งหมดของลักษณะที่กล่าวมา สามารถติดตามอ่านได้ดังนี้
- มีขนาดเหมาะสมกับพื้นที่ภายในรถยนต์: เพราะถ้าหากเครื่องฟอกอากาศในรถมีขนาดใหญ่เกินไป อาจทำให้กินพื้นที่สัมภาระ หรือพื้นที่โดยสารมากเกินไป จากความสะดวกสบายจะกลายเป็นการรบกวนการใช้งานรถยนต์เสียมากกว่า
- มีน้ำหนักเบา: เนื่องจากการติดตั้งเครื่องฟอกอากาศในรถ มีโอกาสที่จะทำการติดตั้งในจุดที่ต้องมีการแขวนลอยกับบางวัตถุ หากมีน้ำหนักมากเกินไปอาจไม่สะดวกต่อการใช้งาน และยังส่งผลให้สิ่งที่เครื่องฟอกไปแขวนหรือติดอยู่พังลงได้เช่นกัน
- ปรับระดับการทำงานได้: ระดับที่เครื่องฟอกอากาศในรถควรปรับได้ อย่างน้อยต้องมีประมาณ 3 ระดับ เพื่อเอาไว้รับมือกับปริมาณฝุ่น PM 2.5 หรือประสิทธิภาพในการฟอกอากาศที่เราเจอในแต่ละพื้นที่ต่างกันออกไป
- รองรับการกรองฝุ่นขนาดเล็ก: บางรุ่นของเครื่องฟอกอากาศในรถ สามารถฟอกอากาศได้จริง แต่ไส้กรองที่ใส่เข้ามา สเปกอาจไม่ได้รองรับการกรองฝุ่นขนาดเล็กอย่าง PM 2.5 ซึ่งหากใช้งานในลักษณะนั้น เมื่อต้องเจอฝุ่นขนาดเล็กปริมาณมาก มันจึงแทบไม่มีประโยชน์ไปเลย
- ไม่มีเสียงการทำงานเข้ามารบกวนการขับขี่: เพราะเครื่องฟอกอากาศในรถจะอยู่ภายในห้องโดยสาร หากมีการทำงานที่เสียงค่อนข้างดังจนรบกวนสมาธิผู้ขับขี่ อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงอุบัติเหตุได้ด้วย
- มีระยะเวลาการทำงานที่ยาวนาน: ถ้าหากระยะเวลาการใช้งานของแบตเตอร์รี่เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ไม่ยาวนานมากพอ เราต้องลำบากขนย้ายขึ้นลงเพื่อนำไปชาร์จแบต ทำให้ไม่เกิดความสะดวกสบายในการใช้งานเท่าไหร่นัก
เมื่อถึงเวลาที่ต้องไปเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศในรถด้วยตัวเอง พยายามอย่าลืมลักษณะที่ดีทั้งหมด 6 ข้อด้านบนนี้ นำไปอ้างอิงการเลือกซื้อได้เลย อย่างน้อยมันจะช่วยให้คุณได้ใช้งานเครื่องฟอกอากาศรถยนต์ที่มีคุณภาพพื้นฐานที่ดีทีเดียว
เครื่องฟอกอากาศในรถ เลือกยี่ห้อไหนดี?
เครื่องฟอกอากาศในรถ ยี่ห้อไหนดี ปัจจุบันนี้มีแบรนด์ออกมาผลิตเครื่องฟอกอากาศภายในรถยนต์กันเป็นจำนวนมาก แต่แบรนด์ที่ได้รับความนิยม และเห็นผู้คนใช้งานเครื่องฟอกอากาศในรถบ่อย คือ Xiaomi, Bwell, IQAir, 3M, PHILIPS, SHARP, CONOCO, Figos, LG และ MITSUTA ซึ่งทุกรุ่นที่กล่าวมา ส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าชื่อดังอยู่แล้ว ทำให้มีความน่าเชื่อถือมากพอสมควร เห็นแบบนี้อาจจะยังตัดสินใจไม่ถูก ลองมาดูการแนะนำรุ่นย่อยเพิ่มเติมของแต่ละแบรนด์กัน
- XIaomi: รุ่นที่ได้รับความนิยมจะมี 2 รุ่น คือ Xiaomi Mijia เครื่องฟอกอากาศมาตรฐาน HEPA ปรับความเร็วลมได้ 2 ระดับ ราคา 699 บาท และ Xiaomi SmartMi มีการติดตั้งมอเตอร์ DC Brushless เข้ามาเพิ่มเติม ทำให้ดูดอากาศได้เร็วขึ้น ใช้ไฟน้อย ราคา 1,899 บาท
- Bwell: รุ่น G8 มีน้ำหนักเบาเพียง 0.3 กิโลกรัม กรองฝุ่นละเอียด ขนสัตว์ เกสรดอกไม้ได้ดี แถมยังจัดการกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ด้วย ราคาประมาณ 2,540 บาท
- IQAir: รุ่น Atem Car มีมาตรฐานระดับ HyperHEPA Plus กรองฝุ่นที่ละเอียดกว่า PM2.5 ได้ถึง 800 เท่า แต่มีราคาค่อนข้างสูงถึง 23,900 บาท
- 3M: รุ่น PN38816 Smart Vehicle Air Purification Plus น้ำหนักเบาเพียง 0.5 กิโลกรัม มีเทคโนโลยีกรองอากาศ 4 ชั้นลิขสิทธิ์ของ 3M โดยตรง ราคา 2,900 บาท
- PHILIPS: รุ่น GoPure 5211 มีนวัตกรรม Philips Select Filter Plus อยู่ภายใน ช่วยให้กรองอากาศสะอาดได้เร็วภายใน 10 นาที น้ำหนักเพียง 0.26 กิโลกรัม ราคา 4,990 บาท
- SHARP: รุ่น IG-GC2B-B มีความพิเศษที่ระบบ Turbo Mode ช่วยกรองอากาศได้อย่างรวดเร็วทันใจ ไม่ว่าจะฝุ่นละออง เชื้อไวรัส เชื้อรา หรือแบคทีเรีย ทั้งยังมีอายุการใช้งานนานถึง 17,500 ชั่วโมงอีกต่างหาก ราคา 3,990 บาท
- CONOCO: รุ่น C7 มีสายรัดให้เอาไว้ติดกับพนักพิงได้แบบง่าย ๆ ดีไซน์สวยงาม มีไส้กรอกงเป็น HEPA Filter 3M และยังปล่อยประจุไอออน พร้อมแสง UV ฆ่าเชื้อได้ด้วย ราคา 3,990 บาท
- Figos: รุ่น FIGO4 Car Home Office วัสดุเป็นอะลูมิเนียมอัลลอย ติดตั้งระบบฟอกอากาศด้วยเทคโนโลยีไอออน ประจุลบ ช่วยจัดการฝุ่น เชื้อโรค กลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อยู่หมัด ราคา 3,900 บาท
- LG: รุ่น PuriCare™ Mini Air Purifier มีแบตเตอร์รี่ในตัว ใช้งานได้ยาวนาน 8 ชั่วโมง กรองฝุ่นได้ถึง 99% และความละเอียดสูงสุดที่กรองได้คือ PM1.0 เลยทีเดียว ราคา 2,990 บาท
- MITSUTA: รุ่น MCA150s มีระบบฟอกอากาศ 5 ขั้นตอนด้วยตัวกรองแบบ HEPA Filter ดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็กและแบคทีเรียด้วยระบบ Ionizer สุดอัจฉริยะ ราคา 1,990 บาท
แนะนำกันละเอียดขนาดนี้ สามารถหาซื้อเครื่องฟอกอากาศในรถตามรุ่นที่ต้องการได้อย่างง่ายดายแน่นอน ใครที่มีความจำเป็นต้องใช้งาน อย่าลืมเตรียมเช็กของกันให้ดีด้วย นอกเหนือจากนั้นใครที่อยากดูแลรถยนต์ และผู้โดยสารให้ครอบคลุมเผื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันมากที่สุด ต้องพิจารณาเลือกประกันรถยนต์ควบคู่ไปด้วย เพื่อให้คุณและทุกคนบนรถ ได้รับการคุ้มครองอยู่ตลอดเวลา ซึ่งทาง แรบบิท แคร์ ยินดีให้คำปรึกษาอย่างละเอียดในทุกด้าน พร้อมกับมอบส่วนลดให้คุณสูงสุดถึง 70% เพียงแค่ติดต่อเข้ามาได้ที่เบอร์ 1438 (โทรได้ 24 ชม.)
ทีมกองบรรณาธิการ กลุ่มนักเขียนผู้มีประสบการณ์ด้านรถยนต์ การเงิน และประกันภัย ของ แรบบิท แคร์ ที่เปิดดำเนินการมาแล้วมากกว่า 10 ปี