อยากเปิดอู่ซ่อมรถ ต้องรู้และเตรียมพร้อมเรื่องอะไรก่อนบ้าง
ใครที่กำลังมีความสนใจต้องการลงทุน หรือเปิดอู่ซ่อมรถเป็นของตัวเอง ซึ่งต่อให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการซ่อมรถมาอย่างชำนาญแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเปิดอู่ซ่อมรถ ที่ต้องคำนึงถึงอย่างละเอียดไว้ด้วย ยิ่งไปกว่าหากเราสามารถรับรู้อุปสรรคที่มีโอกาสเจอได้ในอนาคต หลังจากทำการเปิดอู่ซ่อมรถมาแล้ว มันจะช่วยให้เราสามารถเตรียมความพร้อมในการรับมือได้อย่างดีเยี่ยม สร้างโอกาสดี ๆ ให้เข้ามา ลดความเสี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ทาง แรบบิท แคร์ ได้จัดเตรียมข้อมูลทั้งหมดมาไว้ในบทความแล้วเรียบร้อย
4 ข้อที่ต้องรู้ก่อนเริ่มเปิดอู่ซ่อมรถของตัวเอง
เริ่มต้นกันด้วย 4 ข้อควรรู้ก่อนเริ่มเปิดอู่ซ่อมรถของตัวเอง คือ ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับรูปแบบอู่ซ่อมรถทั้งหมดก่อน, มองให้ออกว่าลูกค้าต้องการออะไรจากอู่ซ่อมรถของเรา, วางแผนเรื่องเงินทุนให้เรียบร้อย และสุดท้ายมองหาทำเลที่เหมาะสมต่อการเปิดอู่ซ่อมรถ ซึ่งใครที่ต้องการเปิดอู่แนะนำเลยว่าควรอ่านทุกข้อให้ครบถ้วน เพื่อการเตรียมตัวที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจในอนาคต โดยรายละเอียดทั้งหมดมีดังหัวข้อย่อยต่อไปนี้
ทำความเข้าใจรูปแบบอู่ซ่อมรถ
ทำความเข้าใจรูปแบบอู่ซ่อมรถทั้งหมด โดยจะมีอยู่ 3 รูปแบบด้วยกัน คือ อู่ซ่อมรถประกันภัย, อู่ซ่อมรถที่เป็นตัวแทนของศูนย์รถยนต์ และอู่ทั่วไป เนื่องจากการเปิดอู่ซ่อมรถแต่ละแบบ จะมีแนวทางการดำเนินกิจการที่แตกต่างกันออกไป เพื่อให้เจ้าของธุรกิจอู่ซ่อมรถทุกคนในอนาคต ได้มีการตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง ลองมาอ่านข้อมูลเกี่ยวกับความแตกต่างของแต่ละแบบอู่ซ่อมรถกัน
- แบบที่ 1 อู่ซ่อมรถประกันภัย หรือ อู่ซ่อมรถ เคลมประกัน จะเป็นอู่ที่เน้นการรับงานโดยตรงจากบริษัทประกันภัย ซึ่งจะมีเกณฑ์มาตรฐานที่ทางบริษัทประกันภัยได้กำหนดเอาไว้ เช่น ความเหมาะสมของสถานที่, ความพร้อมในเรื่องอุปกรณ์ซ่อมรถ, ความสามารถในการซ่อมแซม ฯลฯ (กรณีที่ทำอู่ซ่อมรถ เคลมประกัน ควรมทุนสำรองเผื่อเอาไว้สำหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ทางอู่ต้องจัดการเองก่อนด้วยจะดีที่สุด)
- แบบที่ 2 อู่ซ่อมรถที่เป็นตัวแทนของศูนย์รถยนต์ เป็นการเปิดอู่ซ่อมรถที่เน้นงานหลักในการสนับสนุนศูนย์รถยนต์หลัก โดยทางอู่นั้นสามารถนำชื่อของศูนย์รถยนต์มาใช้งานได้ ซึ่งเราจะได้รับงานจากทางศูนย์เป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นจึงมีเรื่องเกณฑ์มาตรฐานที่ต้องทำให้ได้ตามกำหนดด้วยเช่นกัน (รูปแบบอู่ซ่อมรถนี้จะเน้นซ่อมแบรนด์รถตามศูนย์เป็นส่วนมาก)
- แบบที่ 3 อู่ซ่อมรถทั่วไป การเปิดอู่ซ่อมรถอย่างมีอิสระที่ไม่ผูกมัดอยู่กับใคร เจ้าของอู่สามารถกำหนดแนวทางการให้บริการได้อย่างอิสระ ซึ่งการที่จะมีงานเข้ามามากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับผลงานที่เราทำออกไป หากลูกค้าพอใจเป็นจำนวนมาก จะเกิดการบอกต่อมากเช่นเดียวกัน
มองให้ออกว่าลูกค้าต้องการอะไร
เมื่อเราทำการเปิดอู่ซ่อมรถแล้ว เราต้องเตรียมความพร้อมด้วยการมองให้ออกว่าลูกค้าของเรา ต้องการอะไรมากที่สุด เพราะนอกเหนือจากความคาดหวังเรื่องบริการที่ดี อันเป็นพื้นฐานตามปกติแล้ว ปัญหาเรื่องความต้องการอะไหล่แท้หรือเทียบเอง ก็มักเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทำให้เราต้องมีการวางแผนเรื่องสต็อกอะไหล ไปจนถึงการแจ้งเวลาที่ต้องรออะไหล่อย่างละเอียดก่อนลูกค้าเข้ารับบริการ และเรื่องระบบการวางคิวเพื่อเข้ารับบริการ ก็ถือเป็นเรื่องหลักที่ลูกค้าหลายคนต้องการให้มีความสะดวกสบายและรวดเร็วมากที่สุด
วางแผนเรื่องเงินลงทุนให้เรียบร้อย
ถัดมาเป็นเรื่องการวางแผนเรื่องเงินลงทุนเพื่อเปิดอู่ซ่อมรถ ที่เราต้องเตรียมไว้ให้เรียบร้อย ยกตัวอย่างเช่น หากต้องการเปิดอู่ทั่วไป เรามีการกำหนดแนวทางบริการทั้งหมดของอู่ด้วยตัวเอง จึงสามารถควบคุมงบประมาณได้ง่าย แต่อาจแลกมาด้วยการหางานที่ช้าหรือเร็ว ขึ้นอยู่กับการจัดการที่แตกต่างกันออกไป ส่วนคนที่จะเปิดในรูปแบบอู่ซ่อมรถกับศูนย์รถยนต์ หรือ อู่ซ่อมรถ เคลมประกันกับบริษัทประกันภัย มีมาตรฐานที่ต้องผ่านเกณฑ์ค่อนข้างสูง ทำให้เรื่องอุปกรณ์ซ่อมรถ เครื่องไม้เครื่องมือต้องมีจำนวนมากขึ้น จนงยประมาณไปถึงหลายแสนบาทได้ ดังนั้นควรกำหนดงบไว้ให้ดีก่อนลงทุนจริง
มองหาทำเลที่เหมาะสม
ทำเลที่เหมาะสมสำหรับการเปิดอู่ซ่อมรถต้องเน้นความสำคัญโดยหลัก ในเรื่องการสร้างมลพิษให้กับชุมชนในละแวกใกล้เคียง ไม่ว่าจะเป็นมลพิษทางอากาศ หรือมลพิษทางเสียงก็ตาม เพราะถ้าหากอู่ของเราสร้างมลพิษอาจเกิดปัญหากระทบกระทั่งขึ้นมาในอนาคตกับชุมชนได้ ซึ่งจะสร้างอุปสรรคที่ยากเกินจะแก้ไข และพื้นที่ที่เราเลือกเปิดอู่ซ่อมรถ ควรต้องเดินทางเข้าออกได้สะดวกสบาย ไม่อยู่ในซอยลึก แคบ หรือเปลี่ยว เพื่อให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการได้สะดวกสบาย รวมถึงต้องผ่านเกณฑ์สำคัญจากทางบริษัทประกันภัยรถยนต์ และศูนย์รถยนต์อีกต่างหาก
5 อุปสรรคในการเปิดอู่ซ่อมรถที่เราต้องเตรียมรับมือให้ดี
ทีนี้ลองมาดูข้อมูลเพิ่มเติมกับ 5 อุปสรรคในการเปิดอู่ซ่อมรถ คือ ปัญหาเรื่องรออะไหล่นาน และมีต้นทุนไม่เท่ากัน, สถานที่เริ่มไม่เพียงพอ และโอกาสเสี่ยงที่จะถูกขึ้นค่าเช่า, การวางระบบไฟฟ้าภายในอู่ซ่อมรถ, ความไม่เข้าใจของลูกค้า และการบริหารจัดการคิว ทั้งหมดที่กล่าวมาเราควรจะต้องเตรียมรับมือเอาไว้ให้ดี เพราะถ้าหากเรารับรู้ปัญหาที่มีโอกาสขึ้นได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ อาจวางแผนแก้ปัญหาเอาไว้ได้อย่างเพียบพร้อม พอปัญหาเกิดขึ้นจริงจะได้ไม่ต้องยืดเยื้อ และแก้ไขได้อย่างดีที่สุด
ปัญหารออะไหล่นาน และมีต้นทุนไม่เท่ากัน
ปัญหาการรออะไหล่นานหลังจากเปิดอู่ซ่อมรถ ไม่ขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นอะไหล่แท้ หรืออะไหล่เทียบ เพราะหลายบริษัทมีกำลังการผลิตไม่เท่ากัน อาจทำให้มีการจัดส่งอะไหล่ช้าเร็วแตกต่างกันออกไป ส่วนเรื่องต้นทุนเองก็ขึ้นอยู่กับราคาวัตถุดิบที่อิงกับตลาดกลาง ทำให้มีการปรับราคาขึ้นลงในแต่ละช่วงเวลาไม่เหมือนกัน ทำให้เราต้องบริหารจัดการทุนสำรอง และเรื่องเวลาการสต็อกอะไหล่อย่างเหมาะสม เพื่อที่ลูกค้าจะได้ไม่รอนานนั่นเอง
สถานที่เริ่มไม่เพียงพอ และโอกาสเสี่ยงถูกขึ้นค่าเช่า
กรณีที่เปิดอู่ซ่อมรถมานาน มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากขึ้นเรื่อย ๆ อาจทำให้เราพบปัญหาสถานที่เริ่มไม่เพียงพอ ต้องมีการวางแผนเพื่อขยับขยาย หากมีที่ทางเหลือพอจะทำได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่หากไม่มีพื้นที่เหลือ เราอาจต้องวางแผนในอนาคตถึงขั้นต้องย้ายที่ เช่าที่ หรือทำการซื้อที่เพิ่มเติม ซึ่งถ้าการเปิดอู่ซ่อมรถของเราเป็นการเช่าที่ ยังมีโอกาสเสี่ยงถูกขึ้นค่าเช่าได้อีกด้วย
ทำความเข้าใจเรื่องระบบรถไฟฟ้า
เนื่องจากยุคสมัยนี้รถไฟฟ้า EV กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก มีการผลิต และใช้งานมากมายบนท้องถนน ฉะนั้นในอนาคตอีกไม่กี่ปี รถเหล่านี้อาจต้องการใช้บริการอู่ซ่อมรถมากขึ้นเช่นเดียวกัน การเตรียมความรู้ ความสามารถในการแก้ไขปัญหาและซ่อมแซม ถือเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมากในการเปิดอู่ซ่อมรถยุคสมัยนี้
ความไม่เข้าใจของลูกค้า
ความไม่เข้าใจของลูกค้ามักจะกลายเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงอย่างมาก ในการเปิดอู่ซ่อมรถช่วงใหม่ ๆ เพราะบางครั้งเราต้องทำการอธิบายในเรื่องยาก ให้กลายเป็นเรื่องง่ายเพื่อทำความเข้าใจกับลุกค้าที่เข้ามาใช้บริการ หรือบางครั้งถ้าหากมีการทดลองซ่อมแซมไปแล้ว อาการของตัวรถไม่หายขาด 100% อาจถูกลูกค้าตำหนิได้เช่นกัน เราจึงมีหน้าที่ใจเย็น และอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจถึงความซับซ้อนในการซ่อมแซม
การบริหารจัดการคิว
ส่วนใหญ่แล้วลูกค้าที่ตัดสินใจเข้ามาใช้บริการอู่ซ่อมรถ มักมีความต้องการรถยนต์ที่รวดเร็วมากกว่ารอศูนย์บริการเป็นส่วนมาก ฉะนั้นการจัดการบริหารคิวให้เหมาะสมต่อการรอคอยของลูกค้า จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก ถ้าเราจัดการคิวได้ดี ลูกค้าพอใจต่อความเร็วในการได้รับรถยนต์ ภายใต้มาตรฐานที่ยอดเยี่ยมภายใต้ความตั้งใจของเรา ก็จะช่วยดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ และสร้างลูกค้าประจำได้ในเวลาเดียวกัน
ตอนนี้คนที่สนใจอยากเปิดอู่ซ่อมรถเป็นของตัวเอง คงเข้าใจเรื่องที่ต้องเตรียมพร้อมขั้นพื้นฐาน และแนวทางในการแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ที่มีโอกาสเกิดขึ้นมาในอนาคตเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น แรบบิท แคร์ จึงอยากขออนุญาตแนะนำเลยว่า อู่ซ่อมรถ เคลมประกัน จะเป็นอู่ที่ผ่านมาตรฐานบริษัทประกันภัยชั้นนำเรียบร้อยแล้ว หากเราทำการซื้อประกันรถยนต์ไว้แบบซ่อมอู่ ก็สามารถไว้วางใจได้แบบ 100% เลยนั่นเอง ซึ่งถ้าใครกำลังมองหาประกันรถยนต์ที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณ เพียงแค่ติดต่อหา แรบบิท แคร์ ที่เบอร์ 1438 (ติดต่อได้ 24 ชั่วโมง) เราพร้อมให้คำปรึกษาโดยละเอียด และยังเสนอส่วนลดพิเศษสูงสุด 70% หรือเลือกผ่อน 0% ได้นานถึง 10 เดือนไปด้วย
สรุป
ก่อนการเปิดอู่ซ่อมรถนั้น เบื้องต้นเราสามารถแบ่งอู่ซ่อมรถได้ 3 แบบ ดังนี้
- แบบอู่ซ่อมรถประกันภัย จะเป็นอู่ที่เน้นการรับงานโดยตรงจากบริษัทประกันภัย ซึ่งจะมีเกณฑ์มาตรฐานที่ทางบริษัทประกันภัยได้กำหนดเอาไว้
- แบบอู่ซ่อมรถที่เป็นตัวแทนของศูนย์รถยนต์ เป็นการเปิดอู่ซ่อมรถที่เน้นงานหลักในการสนับสนุนศูนย์รถยนต์หลัก
- แบบอู่ซ่อมรถทั่วไป การเปิดอู่ซ่อมรถอย่างมีอิสระที่ไม่ผูกมัดอยู่กับใคร เจ้าของอู่สามารถกำหนดแนวทางการให้บริการได้อย่างอิสระ
นอกจากนี้ การจะเปิดอู่ซ่อมรถนั้น จะต้องมองให้ออกว่าลูกค้าต้องการอะไร, มีการวางแผนเรื่องเงินลงทุนให้เรียบร้อย และมองหาทำเลที่เหมาะสมในการเปิดอู่
Thirakan Thongseenual เป็นนักเขียนที่มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี ที่ RabbitCare และ Asia Direct โดยมีความชำนาญในประกันรถยนต์ เน้นเขียนบทความที่เผยแพร่บน Blog และมีความเชี่ยวชาญด้าน SEO กว่า 4 ปี ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอได้ใช้ในการสร้างความรู้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของ RabbitCare อย่างมีประสิทธิภาพ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ปริญญาตรี สาขา Information Technology