หยุดทำสิ่งเหล่านี้! ถ้าไม่ยากให้รถพังเร็วกว่าปกติ
อย่าปล่อยให้ใครมาต่อว่าเราว่าไม่ดูแลจนรถพังได้! และที่แน่ ๆ หลายคนซื้อรถยนต์มาตั้งแพง คงไม่อยากใช้งานจนพังไปเฉย ๆ จริงไหม งั้น แรบบิท แคร์ ขอแนะนำเลยว่าต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม โดยเฉพาะพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจทำให้รถเสีย หรือรถพังเร็วเกินไปอย่างคาดไม่ถึง ยิ่งไปกว่านั้นหากใครยังมีความเชื่อผิด ๆ บางข้อที่ทำให้เกิดปัญหา รถยนต์ ต้องมาเช็กกันอีกครั้งถึงสิ่งที่เราได้ยิน หรือได้รับรู้มา เรื่องเหล่านั้นถูกต้องมากน้อยแค่ไหนกันแน่
สุดท้ายใครที่กังวลถึงเหตุการณ์รถพังบนท้องถนนทั่วไปจนะมีวิธีรับมืออย่างไรบ้าง เดี๋ยวลองดูคำแนะนำของ แรบบิท แคร์ เพิ่มเติมได้เลย พร้อมแนะนำการติดต่อหาทางช่วยเหลือกรณีที่รถเสียหาย ขยับไปไหนไม่ได้ อ่านครบทุกหัวข้อรับรอง หายกังวลได้เลย!
6 พฤติกรรมที่ทำให้รถพังเร็วอย่างคาดไม่ถึง
6 พฤติกรรมที่ทำให้รถพังเร็วอย่างคาดไม่ถึง คือ ไม่เปลี่ยนถ่ายของเหลวตามกำหนด, มองข้ามไฟเตือนระบบรถยนต์, ไม่ดูแลยางรถยนต์, ใช้งานรถยนต์หนักหน่วงเกินไป, ไม่เช็กระยะรถยนต์ตามที่ศูนย์แนะนำ และปล่อยให้คราบสกปรกติดรถนานเกินไป ซึ่งพฤติกรรมทั้งหมดที่กล่าวมา หากเผลอทำเพียงแค่ไม่กี่ข้อก็นับว่าแย่แล้ว แต่ถ้าใครเสี่ยงทำทุกข้อพร้อมกัน มีโอกาสอย่างมากที่จะทำให้รถพังในเวลาอันสั้น ไม่เป็นไปตามอายุการใช้งานปกติ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา รถยนต์ ลองไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติมจากหัวข้อย่อยกัน
ไม่เปลี่ยนถ่ายของเหลวตามกำหนด
ไม่เปลี่ยนถ่ายของเหลวตามกำหนด อาจทำให้ระบบภายในรถยนต์เริ่มเสียหายจากน้อยไปมากได้ในเวลาอันสั้น เนื่องจากของเหลวในระบบรถยนต์มีหน้าที่สำคัญอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก และน้ำยาในหม้อน้ำ เป็นต้น เพราะในแต่ละส่วนของเหลวจะมีหน้าที่ในการช่วยลดการเสียดสี การระบายความร้อน ไปจนถึงการหล่อลื่นให้อุปกรณ์แต่ละชิ้นส่วนทำงานได้เป็นปกติ ลองนึกสภาพว่าถ้าเราไม่เปลี่ยนตามกำหนด ปล่อยให้หมดสภาพ หรือแห้งคอด โอกาสรถพังจะเกิดขึ้นกับคุณได้ง่ายมากแน่นอน
มองข้ามไฟเตือนระบบรถยนต์
มองข้ามไฟเตือนระบบรถยนต์ เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้รถพังเร็วมาก ถ้าระบบรถยนต์มีการส่งสัญญาณไฟเตือนขึ้นมาบนหน้าปัดรถยนต์ นั่นหมายความว่ารถของคุณควรได้รับการตรวจสอบ การตรวจเช็กที่ศูนย์หรืออู่ที่มีช่างผู้เชี่ยวชาญคอยให้บริการ เพื่อทำการตรวจสอบโดยละเอียดว่าสัญญาณไฟที่ปรากฎขึ้นมา เป็นการแจ้งเตือนความผิดปกติในส่วนไหน แล้วจึงทำการซ่อมอย่างตรงจุด ช่วยให้รถยนต์ของเรากลับไปทำงานได้เป็นปกติ ก่อนจะเกิดปัญหา รถยนต์ขึ้นมา และกลายเป็นต้นเหตุที่ทำให้รถพังในอนาคต
ไม่ดูแลยางรถยนต์
ไม่ดูแลยางรถยนต์นานเกินไป ทั้งการไม่เติมลมยางให้สม่ำเสมอ การฝืนใช้งานยางหนักเกินไป อาจทำให้เกิดอาการยางรถยนต์เริ่มสึกหรอ พอสะสมความเสียหายมากขึ้น มีโอกาสทำให้เกิดความเสียหายโดยตรงต่อโครงสร้างยาง เช่น ยางบวม ยางฉีกขาด ยางแตก เป็นต้น ถ้าไม่ดูแลจนเกิดปัญหายากเกินกว่าจะซ่อมแซม ก็คงต้องเปลี่ยนยางเส้นใหม่ ซึ่งเราต่างรู้กันดีอยู่แล้วว่ายางรถยนต์นั้นมีราคาค่อนข้างสูง และถ้ายังไม่ได้รับการเปลี่ยนยางอีก โอกาสรถพังก็พร้อมเกิดขึ้นกับคุณได้เสมอ
ใช้งานรถยนต์หนักหน่วงมากเกินไป
ใช้งานรถยนต์หนักหน่วงมากเกินไป เช่น การขับขี่บนถนนหนทางที่ไม่เหมาะกับรถยนต์ของตัวเอง การบรรทุกของหนักเกินไป หรือการใช้งานเกินลิมิต ทั้งหมดล้วนเป็นปัญหา รถยนต์ ที่ส่งผลไปสู่อนาคตรถพังได้ง่ายมาก อาจเริ่มต้นจากช่วงล่างพัง อุปกรณ์บางส่วนเริ่มเสียหาย พอยังถูกใช้งานหนักและฝืนไปอย่างต่อเนื่อง ท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นรถพังจนไม่สามารถใช้งานได้ มีแววถึงขั้นที่ต้องซ่อมในราคาที่เหมือนกับซื้อรถยนต์ใหม่ได้ทั้งคันเช่นเดียวกัน
ไม่เช็กระยะรถยนต์ตามที่ศูนย์แนะนำ
ไม่เช็กระยะรถยนต์ตามที่ศูนย์แนะนำ เพราะการเช็กระยะ จะช่วยให้ช่างสามารถตรวจสอบในแต่ละจุดของรถยนต์ได้อย่างละเอียด และรอบคอบมากที่สุด พร้อมกับสามารถดำเนินการเปลี่ยนถ่ายของเหลวตามระยะที่เหมาะสมได้อย่างดี กรณีที่เราไม่ได้เช็กระยะตามเวลาที่กำหนด อาจทำให้อุปกรณ์บางส่วนถูกใช้งานหนักเกินไปก่อนได้รับการดูแล ถ้าสะสมความสึกหรอ หรือความเสียหายมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ทำให้รถพังได้เหมือนกัน
ปล่อยให้คราบสกปรกติดรถนานเกินไป
ใครจะเชื่อว่าการปล่อยให้คราบสกปรกติดรถนานเกินไป ก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้รถพังได้เหมือนกัน โดยเฉพาะขี้นก ยางมะตอย ยางไม้ แม้แต่คราบฝุนปกติทั่วไป หากปล่อยไว้นานก็กลายเป็นคราบหินปูนเกาะรถยนต์จนทำความสะอาดออกได้ยากมาก ซึ่งคราบความสกปรกที่กล่าวมาทั้งหมด ถ้าถูกทิ้งไว้เป็นเวลานานโดยไร้การขจัดออก สามารถทำให้สีรถลอก ถลอกได้ด้วย ต่อให้จะไม่ใช่อาการรถพังถึงขั้นขับขี่ไม่ได้ แต่ภาพรวมจะดูโทรม และแย่เหมือนรถพังเลยนั่นเอง
อ้างอิงข้อมูลพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้รถพังจากสำนักสวัสดิภาพการขนส่งทางบก (สนภ.) กรมการขนส่งทางบก
เช็กอีกครั้งกับความเชื่อผิด ๆ ที่ทำให้เกิดปัญหา รถยนต์
เช็กอีกครั้งกับความเชื่อผิด ๆ ที่ทำให้เกิดปัญหา รถยนต์ หรือทำให้รถพังโดยใช่เหตุ คือ อุ่นเครื่องก่อนขับช่วยประหยัดน้ำมัน, ยกก้านปัดน้ำฝนช่วยยืดอายุการใช้งาน, เข้าเกียร์ D ตอนติดไฟแดงช่วยถนอมเกียร์และประหยัดน้ำมัน, ยิ่งขับช้า ยิ่งประหยัด และขับรถลงทางลาด ปล่อยเกียร์ว่างประหยัดกว่า ซึ่งทั้งหมดที่กล่าว ถือเป็นความเชื่อที่ผิดทั้งหมด ถ้าหากยังทำต่อไป อาจทำให้รถพังได้ เพราะเหตุผลดังนี้
- อุ่นเครื่องก่อนขับช่วยประหยัดน้ำมัน คิดง่าย ๆ ว่าแค่สตาร์ตรถยนต์ก็กินน้ำมันแล้ว ถ้าหากเราจอดไว้เฉย ๆ ในขณะที่เครื่องยนต์ติดอยู่ จะมีการสิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเปล่าประโยชน์ต่างหาก
- ยกก้านปัดน้ำฝนช่วยยืดอายุการใช้งาน ในความเป็นจริงแล้วไม่มีผลเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะยางปัดน้ำฝนมีอายุการใช้งานประมาณ 1 ปีอยู่แล้ว แต่การยกขึ้นบ่อย ๆ มีโอกาสทำให้สปิรงที่ก้านปัดน้ำฝนเสียหายได้ง่ายกว่าด้วย
- เข้าเกียร์ D ตอนติดไฟแดงช่วยถนอมเกียร์และประหยัดน้ำมัน ความจริงแล้วถ้าติดไฟแดงควรเลือกเข้าเกียร์ N มากกว่า เพื่อเป็นการพักเกียร์และเครื่องยนต์ ส่วนถ้าติดไฟแดงนานเกินกว่า 5 นาที สามารถพิจารณาเข้าเกียร์ P เสมือนจอดสนิทได้
- ยิ่งขับช้า ยิ่งประหยัด ขับบนท้องถนนปกติด้วยความเร็วเฉลี่ย 60-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอาจจะช่วยประหยัดจริง แต่ขับทางไกลจะไม่ช่วยเลย ควรดูรอบความเร็วให้่สัมพันธ์กับความเร็วรถ ประมาณ 90-110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะช่วยให้มีอัตราการสิ้นเปลืองที่เสถียรมากกว่า
- ขับรถลงทางลาด ปล่อยเกียร์ว่างประหยัดกว่า ผิดมหันต์เลย เพราะยิ่งทางลาดยาวมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้รถมีความเร็วสะสมมากขึ้น และมีความเสี่ยงเสียการทรงตัวมากขึ้นเท่านั้น สิ่งที่ควรทำคือการถอนคันเร่ง ใช้เกียร์ต่ำให้เครื่องยนต์เดินรอบช้า ช่วยชะลอความเร็ว สลับกับการเบรกให้อย่างมีจังหวะ ไม่เหยียบเบรกแช่นานเกิน จะทำให้เบรกร้อนและเสียหายหนักได้
รถเสียระหว่างทางทำอย่างไรดี
กรณีที่เกิดเหตุรถเสียระหว่างทาง ให้เราควบคุมสติตัวเองก่อน จากนั้นเปิดไฟเพื่อขอทางเข้าริมถนนที่ปลอดภัย แล้วเปิดไฟฉุกเฉินเพื่อเป็นการแจ้งเตือนรถคันอื่น พออยู่ในบริเวณที่ปลอดภัย ลองตรวจสอบภายนอกเพื่อมองหาความผิดปกติ หรือหากเป็นไปได้ลองเปิดฝากระโปรงหน้ารถเพื่อสังเกตอาการณ์เพิ่มเติมตามที่เราพอจะเข้าใจ และทำการติดต่อขอความช่วยเหลืออีกทีหนึ่ง
รถพังติดต่อหาใครได้บ้าง
รถพังติดต่อหาใครได้บ้าง? หลังจากที่เราลองตรวจสอบสภาพความผิดปกติด้วยตัวเองได้แล้ว ถ้ามีเบอร์อู่ หรือศูนย์บริการใกล้เคียงให้โทรติดต่อได้เลย แต่ถ้าไม่มีเบอร์ของสถานบริการเหล่านั้น การติดต่อหาตำรวจถือเป็นอีกทางเลือกที่พอจะสามารถขอความช่วยเหลือได้ หรือถ้าไม่รู้จะโทรหาใครจริง ๆ การติดต่อหาบริษัทประกันรถยนต์ที่เราใช้บริการอยู่ ก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีมากเช่นกัน เพราะจะได้รับคำแนะนำและการส่งคนมาช่วยเหลือคุณที่รถพังได้อย่างรวดเร็วที่สุด
หากใครยังไม่มีประกันรถยนต์เอาไว้ดูแลในกรณีที่รถพังแบบนี้ แรบบิท แคร์ สามารถให้คำแนะนำได้อย่างละเอียดไม่ว่าจะเป็นประกันประเภทไหน และถ้าคุณตัดสินใจซื้อประกันรถยนต์ผ่าน แรบบิท แคร์ เรามีข้อเสนอสุดพิเศษอย่างส่วนลดช่วยประหยัดสูงสุดถึง 70% และยังเลือกผ่อน 0% ได้นานอีก 10 เดือน ติดต่อเข้ามาได้เลยที่เบอร์ 1438 เบอร์นี้โทรได้ตลอดเวลา
สรุป
6 พฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้รถพังเร็วอย่างคาดไม่ถึง ที่คุณควรเช็กลิสต์และไม่ควรทำ มีดังนี้
- ไม่เปลี่ยนถ่ายของเหลวตามกำหนด
- มองข้ามไฟเตือนระบบรถยนต์
- ไม่ดูแลยางรถยนต์
- ใช้งานรถยนต์หนักหน่วงเกินไป
- ไม่เช็กระยะรถยนต์ตามที่ศูนย์แนะนำ
- ปล่อยให้คราบสกปรกติดรถนานเกินไป
Thirakan Thongseenual เป็นนักเขียนที่มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี ที่ RabbitCare และ Asia Direct โดยมีความชำนาญในประกันรถยนต์ เน้นเขียนบทความที่เผยแพร่บน Blog และมีความเชี่ยวชาญด้าน SEO กว่า 4 ปี ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอได้ใช้ในการสร้างความรู้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของ RabbitCare อย่างมีประสิทธิภาพ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ปริญญาตรี สาขา Information Technology