
ไฟซ่อมรถ คู่หูช่างมืออาชีพ ส่องสว่างทุกรายละเอียด
ปัญหา รถแบตหมด เป็นเรื่องที่สร้างความกังวลใจให้กับผู้ใช้รถยนต์ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์สันดาปภายใน รถยนต์ไฟฟ้า (EV) หรือรถยนต์ไฮบริด การที่ แบตรถยนต์หมด ไม่เพียงแต่ทำให้เสียเวลาและแผนการเดินทางเท่านั้น แต่ยังอาจนำไปสู่ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้อีกด้วย
บทความนี้จะเจาะลึกทุกเรื่องที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ รถแบตหมด ตั้งแต่สาเหตุ อาการ วิธีแก้ไขเบื้องต้น ไปจนถึงการดูแลรักษาแบตเตอรี่อย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันปัญหาแบตเตอรี่หมดกะทันหัน นอกจากนี้ เรายังรวบรวมเคล็ดลับในการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น รถแบตหมดกลางทาง หรือ รถแบตหมดไม่มีสายพ่วง เพื่อให้คุณพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ได้อย่างมั่นใจ
การสังเกตอาการเริ่มต้นของ รถแบตหมด จะช่วยให้คุณสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที และป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงจนไม่สามารถสตาร์ทรถได้ อาการที่พบบ่อยมีดังนี้
นี่เป็นอาการที่ชัดเจนที่สุดของ รถแบตหมดอาการ โดยเฉพาะ อาการรถแบตหมดสตาร์ทไม่ติด เมื่อบิดกุญแจหรือกดปุ่มสตาร์ทแล้วได้ยินเสียง “แกรก ๆ ” หรือไม่มีเสียงใด ๆ เลย แสดงว่าแบตเตอรี่อาจอ่อนเกินไปจนไม่สามารถจ่ายไฟให้มอเตอร์สตาร์ทได้
หากสังเกตว่าไฟหน้าไม่สว่างเท่าเดิม หรือไฟในรถดูหรี่ลง อาจเป็นสัญญาณว่าแบตเตอรี่เริ่มอ่อนแรง เนื่องจากแบตเตอรี่ที่อ่อนแรงจะจ่ายไฟได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้ไฟต่าง ๆ ในรถสว่างน้อยลงกว่าปกติ
เช่น กระจกไฟฟ้าขึ้นลงช้า แอร์ไม่เย็น หรือระบบเครื่องเสียงทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ อุปกรณ์ไฟฟ้าเหล่านี้ต้องการพลังงานจากแบตเตอรี่ หากแบตเตอรี่อ่อนแรง การทำงานของอุปกรณ์เหล่านี้ก็จะผิดปกติไปด้วย
รถยนต์รุ่นใหม่ๆ ส่วนใหญ่จะมีสัญลักษณ์รูปแบตเตอรี่บนหน้าปัด หากสัญลักษณ์นี้ติดสว่างขึ้น แสดงว่าแบตเตอรี่มีปัญหา สัญลักษณ์เตือนแบตเตอรี่อาจติดสว่างขึ้นเมื่อแบตเตอรี่มีแรงดันไฟฟ้าต่ำ หรือระบบชาร์จไฟมีปัญหา
หากได้กลิ่นเหม็นไหม้บริเวณแบตเตอรี่ แสดงว่าแบตเตอรี่อาจมีความร้อนสูงเกินไป หรือเกิดการลัดวงจร กลิ่นเหม็นไหม้เป็นสัญญาณอันตรายที่บ่งบอกว่าแบตเตอรี่อาจเสียหายอย่างรุนแรง ควรรีบตรวจสอบและแก้ไขโดยด่วน
การตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่เป็นประจำจะช่วยให้คุณทราบถึงสถานะของแบตเตอรี่ และป้องกันปัญหา แบตรถยนต์หมด ได้
ตรวจสอบว่ามีรอยแตกร้าว บวม หรือมีคราบขี้เกลือบริเวณขั้วแบตเตอรี่หรือไม่ หากพบความผิดปกติ ควรรีบทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ หรือเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่
เครื่องวัดแรงดันไฟฟ้าจะช่วยให้คุณตรวจสอบแรงดันไฟฟ้าของแบตเตอรี่ได้อย่างแม่นยำ โดยแบตเตอรี่ที่ปกติควรมีแรงดันไฟฟ้าประมาณ 12.6 โวลต์ หากแรงดันไฟฟ้าต่ำกว่า 12 โวลต์ แสดงว่าแบตเตอรี่อาจอ่อนแรง
หากไฟสัญญาณเตือนแบตเตอรี่ติดสว่างขึ้น ควรรีบตรวจสอบแบตเตอรี่โดยเร็ว
ศูนย์บริการจะมีเครื่องมือและช่างผู้ชำนาญที่สามารถตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่ได้อย่างละเอียด และให้คำแนะนำในการดูแลรักษา
แรงดันไฟฟ้า (โวลต์) | สถานะแบตเตอรี่ |
12.6 ขึ้นไป | แบตเตอรี่ปกติ |
12.4 – 12.5 | แบตเตอรี่เริ่มอ่อนแรง |
12.0 – 12.3 | แบตเตอรี่อ่อนแรงมาก ควรชาร์จไฟ |
ต่ำกว่า 12.0 | แบตเตอรี่หมด อาจต้องเปลี่ยนใหม่ |
รถแบตหมดเกลี้ยง หรือการปล่อยให้แบตเตอรี่หมดจนไม่สามารถสตาร์ทรถได้ มีข้อเสียหลายประการ
การปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงบ่อย ๆ จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้น และมีอายุการใช้งานสั้นลง แบตเตอรี่รถยนต์ส่วนใหญ่เป็นแบตเตอรี่ตะกั่วกรด ซึ่งการปล่อยให้หมดเกลี้ยงจะทำให้เกิดซัลเฟตเกาะที่แผ่นตะกั่ว ส่งผลให้ความจุของแบตเตอรี่ลดลง
ในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่มีระบบไฟฟ้าซับซ้อน การปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงอาจทำให้ระบบไฟฟ้าบางส่วนเสียหายได้ เมื่อแบตเตอรี่หมดเกลี้ยง แรงดันไฟฟ้าในระบบจะลดลง ทำให้วงจรอิเล็กทรอนิกส์บางส่วนทำงานผิดปกติ หรือเสียหายได้
การที่รถสตาร์ทไม่ติดเนื่องจากแบตเตอรี่หมด จะทำให้เสียเวลาในการแก้ไขปัญหา และอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการพ่วงแบตเตอรี่ หรือเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ หาก แบตรถยนต์หมดกลางทาง จะยิ่งทำให้เสียเวลาและค่าใช้จ่ายมากขึ้น
ในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่มีการบันทึกข้อมูลต่างๆ ไว้ในระบบอิเล็กทรอนิกส์ การปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงอาจทำให้ข้อมูลเหล่านี้สูญหายได้ ข้อมูลที่อาจสูญหาย เช่น การตั้งค่าสถานีวิทยุ การตั้งค่าเบาะนั่ง หรือข้อมูลการเดินทาง ฯลฯ
ในบางกรณี แม้จะพยายามชาร์จแบตเตอรี่ที่ แบตรถยนต์หมดเกลี้ยง แล้ว แต่ก็อาจพบว่าชาร์จไม่เข้า สาเหตุที่เป็นไปได้มีดังนี้
หากแบตเตอรี่ถูกปล่อยให้หมดเกลี้ยงเป็นเวลานาน หรือผ่านการใช้งานมานาน อาจเสื่อมสภาพอย่างรุนแรงจนไม่สามารถรับกระแสไฟฟ้าได้อีก ในกรณีนี้ การชาร์จไฟอาจไม่ช่วยอะไร และอาจต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่
การปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงบ่อย ๆ จะทำให้เกิดซัลเฟตเกาะที่แผ่นตะกั่ว และอาจทำให้แผ่นตะกั่วเสียหายได้ หากแผ่นตะกั่วเสียหาย แบตเตอรี่จะไม่สามารถเก็บประจุไฟฟ้าได้
หากแบตเตอรี่มีความร้อนสูงเกินไป หรือถูกกระแทกอย่างแรง อาจทำให้วงจรภายในลัดวงจร การลัดวงจรจะทำให้แบตเตอรี่ไม่สามารถชาร์จไฟได้
ในบางกรณี ปัญหาอาจไม่ได้อยู่ที่แบตเตอรี่ แต่อาจเกิดจากเครื่องชาร์จมีปัญหา ลองใช้เครื่องชาร์จอื่นชาร์จแบตเตอรี่ดู หากชาร์จเข้า แสดงว่าปัญหาอยู่ที่เครื่องชาร์จ
ขั้วแบตเตอรี่ที่สกปรก หรือมีคราบขี้เกลือ อาจทำให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้ไม่ดี ให้ลองทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ด้วยแปรงทองเหลืองและน้ำยาล้างขั้วแบตเตอรี่
การที่ แบตรถยนต์หมดกลางทาง เป็นสถานการณ์ที่น่ากังวล แต่หากตั้งสติและทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ ก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้:
เพื่อเตือนให้รถคันอื่นระมัดระวัง ไฟฉุกเฉินจะช่วยให้รถคันอื่นสังเกตเห็นรถของคุณได้ง่ายขึ้น และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
ดูว่ารถจอดอยู่ในที่ที่ปลอดภัยหรือไม่ หากไม่ปลอดภัย ให้พยายามเข็นรถไปยังที่ที่ปลอดภัยกว่า ความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับแรก พยายามนำรถออกจากช่องจราจร หรือไปยังไหล่ทาง
ติดต่อบริษัทประกันภัย ศูนย์บริการรถยนต์ หรือบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน เตรียมข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์ ตำแหน่งที่อยู่ และอาการของรถ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถให้ความช่วยเหลือได้รวดเร็ว
รออยู่ในรถหรือในบริเวณที่ปลอดภัย ห่างจากรถที่วิ่งผ่านไปมา หลีกเลี่ยงการเดินบนถนน หรือยืนอยู่ใกล้รถที่วิ่งผ่านไปมา
และมีรถยนต์คันอื่นให้ความช่วยเหลือ สามารถพ่วงแบตเตอรี่ได้ แต่ตรวจสอบวิธีการพ่วงแบตเตอรี่ที่ถูกต้องในคู่มือรถยนต์ หรือขอคำแนะนำจากผู้ที่มีประสบการณ์ด้วย
การสตาร์ทรถเมื่อ แบตหมดกลางทาง สามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และอุปกรณ์ที่มี
เป็นวิธีที่นิยมและได้ผลดีที่สุด แต่ต้องมีสายพ่วงแบตเตอรี่และรถยนต์คันอื่นที่ให้ความช่วยเหลือ ต่อสายพ่วงแบตเตอรี่ตามลำดับที่ถูกต้อง (บวกไปบวก ลบไปลบ) และสตาร์ทรถคันที่ให้ความช่วยเหลือก่อน จากนั้นค่อยสตาร์ทรถของคุณ
เป็นอุปกรณ์พกพาที่สามารถจ่ายไฟเพื่อสตาร์ทรถได้ เครื่องจั๊มสตาร์ทมีขนาดเล็กและใช้งานง่าย เหมาะสำหรับพกพาไว้ในรถเผื่อกรณีฉุกเฉิน
เป็นวิธีที่ต้องใช้แรง และต้องมีคนช่วยเข็นรถ ให้บิดกุญแจไปที่ตำแหน่ง ON เหยียบคลัตช์ เข้าเกียร์ 2 หรือ 3 จากนั้นให้คนช่วยเข็นรถ เมื่อรถมีความเร็วพอประมาณ ให้ปล่อยคลัตช์อย่างรวดเร็ว รถก็จะสตาร์ทติด
หากไม่สามารถแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองได้ ควรเรียกช่างมาตรวจสอบและแก้ไข
หากรถแบตหมดแถมไม่มีสายพ่วงและไม่มีรถคันอื่นให้ความช่วยเหลือ คุณสามารถแก้ไขปัญหาได้ดังนี้
บริษัทประกันภัยหลายแห่งมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน ซึ่งรวมถึงบริการพ่วงแบตเตอรี่ หรือนำรถไปส่งที่อู่ หรือตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัยของคุณว่ามีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินหรือไม่
ศูนย์บริการรถยนต์ส่วนใหญ่มีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่ และอย่าลืมสอบถามค่าบริการและระยะเวลาในการเดินทางมาถึง
ปัจจุบันมีแอปพลิเคชันหลายตัวที่ให้บริการเรียกช่างมาซ่อมรถถึงที่ ให้ค้นหาแอปพลิเคชันที่ให้บริการในพื้นที่ของคุณ
ลองสอบถามคนในบริเวณนั้นว่ามีสายพ่วงแบตเตอรี่ หรือมีใครสามารถให้ความช่วยเหลือได้หรือไม่ การขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นอาจเป็นทางเลือกสุดท้าย แต่ก็อาจช่วยให้คุณรอดพ้นจากสถานการณ์ฉุกเฉินได้
รถยนต์ไฮบริดมีแบตเตอรี่สองลูก คือ แบตเตอรี่หลัก (High-Voltage Battery) ที่ใช้ขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ 12V ที่ใช้สตาร์ทเครื่องยนต์และจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ เหมือนรถยนต์ทั่วไป
แบตเตอรี่ชนิดนี้มีโอกาสหมดได้ยาก เพราะระบบของรถจะทำการชาร์จไฟอยู่ตลอดเวลาขณะขับขี่ แต่หากใช้งานอย่างหนัก หรือปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้ใช้งานนาน ๆ แบตเตอรี่ก็อาจหมดได้ หากแบตเตอรี่หลักหมด รถจะไม่สามารถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าได้ แต่เครื่องยนต์สันดาปภายในจะยังทำงานได้ตามปกติ
แบตเตอรี่ชนิดนี้มีโอกาสหมดได้เหมือนรถยนต์ทั่วไป หากใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้ามากเกินไป หรือแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ หากแบตเตอรี่ 12V หมด รถจะไม่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ ดังนั้น รถไฮบริดแบตหมด ได้ แต่โอกาสเกิดขึ้นน้อยกว่ารถยนต์ทั่วไป
สาเหตุแบตรถหมดเร็วมีหลายปัจจัย
แบตเตอรี่รถยนต์มีอายุการใช้งานจำกัด เมื่อใช้งานไปนาน ๆ ก็จะเสื่อมสภาพและเก็บไฟได้น้อยลง โดยทั่วไป แบตเตอรี่รถยนต์มีอายุการใช้งานประมาณ 2-3 ปี
การเปิดไฟหน้าทิ้งไว้ การฟังเพลง หรือการชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถขณะดับเครื่องยนต์ จะทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วขึ้น ควรระมัดระวังการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถขณะดับเครื่องยนต์
หากระบบชาร์จไฟในรถมีปัญหา แบตเตอรี่จะไม่ได้รับการชาร์จไฟอย่างเต็มที่ ดังนั้น ตรวจสอบระบบชาร์จไฟอย่างสม่ำเสมอ
การจอดรถทิ้งไว้นานๆ โดยไม่ได้สตาร์ทเครื่องยนต์ จะทำให้แบตเตอรี่ค่อย ๆ คายประจุ หากต้องจอดรถทิ้งไว้นานๆ ควรสตาร์ทเครื่องยนต์เป็นระยะ ๆ
สภาพอากาศที่ร้อนจัดหรือเย็นจัด สามารถส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของแบตเตอรี่
วิธีแก้ไขปัญหา รถแบตหมด ขึ้นอยู่กับสาเหตุและสถานการณ์
หากแบตเตอรี่หมด แต่ยังมีไฟเหลืออยู่บ้าง สามารถพ่วงแบตเตอรี่กับรถคันอื่นเพื่อสตาร์ทรถได้ วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็ว แต่ต้องมีสายพ่วงแบตเตอรี่และรถคันอื่นที่ให้ความช่วยเหลือ
หากแบตเตอรี่หมดเกลี้ยง ต้องชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มก่อนจึงจะสตาร์ทรถได้ สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ที่บ้าน โดยใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ หรือนำรถไปชาร์จที่อู่ซ่อมรถ
หากแบตเตอรี่เสื่อมสภาพมาก ไม่สามารถเก็บไฟได้แล้ว ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ ควรเลือกแบตเตอรี่ที่มีขนาดและคุณสมบัติเหมาะสมกับรถของคุณ
หากแบตเตอรี่หมดเร็วผิดปกติ ควรรีบตรวจสอบระบบชาร์จไฟ อาจมีปัญหาที่ไดชาร์จ หรือวงจรชาร์จไฟ
ลดการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถขณะดับเครื่องยนต์ ปิดไฟหน้า วิทยุ และอุปกรณ์อื่น ๆ ก่อนดับเครื่องยนต์
ในบางกรณี เมื่อแบตรถหมดเปิดประตูไม่ได้เนื่องจากระบบเซ็นทรัลล็อคทำงานด้วยไฟฟ้า หากเกิดเหตุการณ์นี้ สามารถแก้ไขได้ดังนี้
รถยนต์ส่วนใหญ่จะมีกุญแจสำรองที่สามารถใช้เปิดประตูได้โดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้า หากมีกุญแจสำรอง ควรเก็บไว้ในที่ที่เข้าถึงได้ง่าย
รถยนต์บางรุ่นจะมีช่องสำหรับไขประตูโดยตรงด้วยกุญแจ แม้ว่าระบบเซ็นทรัลล็อคจะไม่ทำงาน ลองสังเกตบริเวณมือจับประตูว่ามีช่องสำหรับไขกุญแจหรือไม่
หากสามารถพ่วงแบตเตอรี่ได้ ระบบเซ็นทรัลล็อคก็จะกลับมาทำงาน และสามารถเปิดประตูได้ตามปกติ วิธีนี้เป็นวิธีที่สะดวกที่สุด หากมีสายพ่วงแบตเตอรี่และรถคันอื่นให้ความช่วยเหลือ
หากไม่สามารถเปิดประตูด้วยวิธีใด ๆ ได้ ควรติดต่อช่างกุญแจมาช่วยเปิดประตู ช่างกุญแจจะมีเครื่องมือพิเศษที่สามารถเปิดประตูรถได้โดยไม่ทำให้รถเสียหาย
หาก แบตรีโมทรถหมด จะไม่สามารถใช้รีโมทในการเปิด-ปิดประตู หรือสตาร์ทรถได้ (ในรถยนต์รุ่นที่ใช้ระบบ Keyless Entry) วิธีแก้ไขมีดังนี้
รถยนต์ส่วนใหญ่จะมีกุญแจสำรองที่สามารถใช้เปิดประตูและสตาร์ทรถได้ หากมีกุญแจสำรอง ควรเก็บไว้ในที่ที่เข้าถึงได้ง่าย
รีโมทบางรุ่นจะมีกุญแจซ่อนอยู่ภายใน สามารถดึงออกมาใช้ไขประตูได้ ลองตรวจสอบรีโมทของคุณว่ามีกุญแจซ่อนอยู่หรือไม่
ซื้อแบตเตอรี่รีโมทใหม่มาเปลี่ยน แบตเตอรี่รีโมทส่วนใหญ่เป็นแบตเตอรี่แบบกระดุม สามารถหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อ หรือร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
รถยนต์บางรุ่นจะมีวิธีสตาร์ทรถด้วยวิธีฉุกเฉิน เมื่อแบตรีโมทหมด ตรวจสอบวิธีการสตาร์ทรถด้วยวิธีฉุกเฉินในคู่มือรถยนต์
รถแบตหมด เป็นปัญหาที่พบได้บ่อย และสามารถเกิดขึ้นได้กับรถยนต์ทุกประเภท การสังเกตอาการเริ่มต้นของ รถแบตหมด จะช่วยให้คุณสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที และการดูแลรักษาแบตเตอรี่อย่างถูกวิธี จะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ และป้องกันปัญหา แบตรถยนต์หมด
ที่สำคัญ หาก รถแบตหมดกลางทาง ควรตั้งสติและทำตามขั้นตอนที่ถูกต้องเพื่อความปลอดภัย และการมีอุปกรณ์ฉุกเฉิน เช่น สายพ่วงแบตเตอรี่ หรือเครื่องจั๊มสตาร์ท จะช่วยให้คุณรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้ แต่ถ้าหากไม่สามารถแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองได้ ควรติดต่อผู้เชี่ยวชาญ หรือใช้บริการช่วยเหลือฉุกเฉินไม่ใช่แค่สภาพรถยนต์เท่านั้นที่เราต้องหมั่นดูแล
แต่การเลือกประกันรถยนต์ที่สามารถดูแลรถยนต์ได้รอบด้าน ครอบคลุมอุบัติเหตุ เสริมความอุ่นใจให้ในทุกการขับขี่ ต้องที่นี้เลย แรบบิท แคร์ นอกจากจะมีบริการเปรียบเทียบประกันรถยนต์แล้ว ยังมีประรถยนต์อีกหลากหลายแบบแผนประกัน รวมไปถึงประกันรถจักรยานยนต์ให้ได้เลือกกันอีกด้วย หรือจะต่อ พ.ร.บ. รถยนต์ ที่นี้ก็รับต่อเช่นกัน คลิกเลย!
การปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงบ่อย ๆ จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้น และมีอายุการใช้งานสั้นลง ทำให้ระบบไฟฟ้าต่าง ๆ ในรถเสียหาย โดยเฉพาะในรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ที่มีการบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ไว้ในระบบอิเล็กทรอนิกส์ การปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงอาจทำให้ข้อมูลเหล่านี้สูญหายได้ ดังนั้นการหมั่นตรวจเช็กสภาพรถยนต์และแบตเตอรี่สม่ำเสมอจะช่วยให้ลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และหากรถแบตหมดกลางทาง ควรตั้งสติให้ดี รวมถึงควรมีอุปกรณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ เช่น สายพ่วงแบตเตอรี่ หรือเครื่องจั๊มสตาร์ท ติดรถยนต์เอาไว้ จะช่วยให้คุณรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดียิ่งขึ้น
ทำงานเกี่ยวข้องกับวงการประกันรถยนต์และยานยนต์มาตั้งแต่ปี 2019 ในหลากหลายตำแหน่งทั้ง SEO Specialist, Senior Executive, SEO / Web Analytics และ SEO Content Writer ในบริษัทประกันรถยนต์่และรถมือสองชั้นนำ นอกจากนั้น ยังเคยอยู่ในแวดวงสื่อมวลชนนานถึง 3 ปีในตำแหน่งนักข่าวไอทีนิตยสารชื่อดังแวดวง E-Commerce ด้านการศึกษาจบระดับชั้นปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยนเรศวร และปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
บทความแคร์รถยนต์
ไฟซ่อมรถ คู่หูช่างมืออาชีพ ส่องสว่างทุกรายละเอียด
ใช้ผ้าคลุมรถดีไหม? ปกป้องรถจากแดดและฝุ่นได้หรือไม่
ปุ่มอากาศหมุนเวียนในรถ พร้อมคู่มือฉบับสมบูรณ์เพื่อการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ